เมื่อวันที่ 12 มี.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.เอ (นามสมมุติ) วัย 26 ปี มารดาของเด็กหญิงวัย 9 ขวบ เดินทางเข้าร้องเรียนกับ ดร.เกรียงศักดิ์ พินทุสรศรี ทนายความ ภายหลังลูกสาวพ่อเลี้ยงวัย 25 ปี ลวงข่มขืนในห้องพักแห่งหนึ่งในย่าน อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ก่อนหลบหนีไปและยังติดตามตัวไม่พบ

น.ส.เอ เล่าว่า บุตรสาวของตนเองที่กำลังเรียนอยู่ ชั้น ป.3 อายุ เพียง 9 ขวบ ถูกแฟนหนุ่มของตน หรือพ่อเลี้ยงของบุตรสาว ที่ชื่อเล่นว่านายฮอล อายุ 25 ปี ก่อเหตุข่มขืนกระทำชำเรา โดยเรื่องราวดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงสายของวันที่ 10 มี.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนั้นตนเองอยู่ระหว่างพักรักษาโควิดและกักตัวอยู่จนใกล้ครบวันตามกำหนด จู่ๆช่วงเย็นป้าโทรมาแจ้งว่า บุตรสาวของตนมีอาการแปลกๆ และบ่นเจ็บตรงอวัยวะเพศ พอสอบถามเบื้องต้นบอกว่าถูกพ่อเลี้ยงพาไปข่มขืนที่ห้องพักย่านบางพลี

น.ส.เอ เล่าต่อว่า ตนเองพอทราบเรื่องก็รีบติดต่อไปยังแฟนทางโทรศัพท์ทันที แต่เจ้าตัวกลับปฎิเสธ จนตนเองต้องขอทางคุณหมอออกจากการกักตัวเพื่อมาดูบุตรสาว พอกลับมาก็ไม่พบหน้าแฟนหนุ่มแล้ว และสอบถามบุตรสาวถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น บุตรสาวบอกว่าถูกกระทำจริง ตนจึงย้อนกลับไปที่ห้องพักที่เกิดเหตุพบว่า กล้องวงจรปิดของห้องพักจับภาพได้ชัดเจนว่าแฟนหนุ่มพาบุตรสาวเข้าห้องจริงและหายไปราว 30 นาที ก่อนจะพาออกมา หลังจากตนเองเห็นกล้อง จึงมั่นใจว่าก่อเหตุจริง จึงพาบุตรสาวไปแจ้งความกับ ร.ต.อณัฐพงษ์ บุตรยี่ รอง สว.(สอบสวน) สภ.บางเสาธง

ด้านป้าของเด็กหญิงดังกล่าว เปิดเผยว่า หลังจากที่ก่อนหน้านี้แม่ของน้องติดโควิดและไปรักษาตัวอยู่นั้น จนเมื่อวันที่ 9 มี.ค. ที่ผ่านมา น้องเริ่มมีอาการตัวร้อนต้องสงสัยว่าจะติดดควิด จนช่วงสายของวันที่ 10 มี.ค. นายฮอล พ่อเลี้ยงก็พาน้องออกไป อ้างว่าจะพาไปหาหมอ ซึ่งตนเองยังให้เงินไปด้วย จากนั้นก็หายไปพักใหญ่แล้วกลับเข้ามาทำเนียนเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ตนเองเห็นผิดสังเกต ที่น้องมีอาการซึมลง พอเรียกจะถามนายฮอลกลับมองหน้าคล้ายขู่น้อง จนกระทั่งนายฮอลออกจากบ้านไป น้องจึงมาเล่าทั้งหมดให้ฟังว่านายฮอลไม่ได้พาไปหาหมอ แต่กลับพาไปห้องพักแทนแล้วให้ทานยา แต่น้องอ้วกออกจึงจับน้องถอดเสื้อผ้าและกางเกงออกหมด ก่อนจะนำเสื้อมาปิดหน้าน้อง แล้วก่อเหตุข่มขืนจนน้องร้องไห้ และบอกว่าห้ามบอกใครเด็ดขาด พอตนเองทราบเรื่องจึงรีบโทรบอกแม่น้องและพาเข้าแจ้งความ

ขณะที่ ทนายเกรียงศักดิ์ เปิดเผยว่า สำหรับคดีนี้ หลังจากที่ตนเองได้รับการขอความช่วยเหลือ ก็ลงพื้นที่มาตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจากการพูดคุยกับผู้เสียหายพบว่า การกระทำของพ่อเลี้ยงรายนี้เป็นการกระทำที่เลวร้ายสำหรับครอบครัว แถมยังอาศัยช่วงที่มารดาต้องไปรักษาโควิด อีกทั้งน้องเองก็น่าติดโควิด แต่กลับถูกหลอกไปกระทำชำเรา แทนที่จะไปหาหมอตรวจและรักษา ตนเองจึงลงพื้นที่เก็บข้อมูลและหลักฐานเพิ่มเติม เพื่อส่งให้ทางพนักงานสอบสวนและพาผู้เสียหายเข้าพบร้อยเวร เพื่อให้เร่งรวบรวมพยานหลักฐานขออนุมัติหมายจับผู้ต้องหารายนี้ ส่วนน้องซึ่งขณะนี้อยู่ในอาการหวาดผวาและมีสภาพจิตใจที่ย่ำแย่ จึงต้องประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งเข้ามาดูแลทั้งเรื่องของโควิดและสภาพจิตใจ

มีรายงานเพิ่มเติมว่า ต่อมาศาลจังหวัดสมุทรปราการ ได้อนุมัติ ออกหมายจับพ่อเลี้ยงรายนี้ ในฐานความผิด “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี ซึ่งมิใช้ภริยาหรือสามีของตนเอง โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม” ซึ่งตำรวจจะได้เร่งติดตามจำกุมตัวมาดำเนินคดีต่อไป.