เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 14 มี.ค. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 1/2565 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ในฐานะเลขานุการ กนช. และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วม โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ที่ประชุมพิจารณากลั่นกรองมาตรการแผนงานโครงการด้านน้ำก่อนนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้ความเห็นชอบ ได้แก่ 13 มาตรการรองรับสถานการณ์ฤดูฝน ปี 2565 โดยเน้นมาตรการในเชิงป้องกันบรรเทา ที่สามารถช่วยแก้ไขและบรรเทาปัญหาอุทกภัยให้แก่ประชาชนได้ทันท่วงทีและเกิดประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึงเห็นชอบโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน ปี 2565 และการกักเก็บน้ำเพื่อฤดูแล้ง ปี 2565/2566 ในพื้นที่เป้าหมายที่เป็นพื้นที่เสี่ยงเกิดอุทกภัยที่มีความจำเป็นต้องดำเนินการแก้ไข บรรเทาปัญหาโดยเร่งด่วน แต่ยังไม่มีงบประมาณรองรับ โดยมอบ สทนช. ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำแผนปฏิบัติการที่จำเป็นเร่งด่วนต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จ และสอดคล้องกับมาตรการรับมือฤดูฝนตามที่คณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) กำหนด
โดยมีแผนงานโครงการที่ประกอบด้วย 1.การซ่อมแซม และปรับปรุงอาคารชลศาสตร์ 2.การปรับปรุง แก้ไขสิ่งกีดขวางทางน้ำ และกำจัดผักตบชวา 3.การขุดลอกคูคลอง 4.การเตรียมพร้อมวางแผนเครื่องจักรเครื่องมือ และ 5.การเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนเพื่อเก็บกักไว้ใช้ช่วงฤดูแล้ง ทั้งนี้ โครงการที่จะดำเนินการ หน่วยงานจะต้องนำเสนอผ่านคณะอนุกรรมการทรัพยากรน้ำจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดนั้น ๆ เป็นประธาน ก่อนเสนอ สทนช. รวบรวม วิเคราะห์ประสิทธิภาพ ผลของโครงการ และความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาสนับสนุนงบประมาณต่อไป
พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบปฏิทินการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำฉบับปรับปรุง เพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถนำไปใช้เป็นกรอบแนวทางร่วมกันในการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำช่วงฤดูฝนและฤดูแล้งได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันต่อสถานการณ์ รวมทั้งเห็นชอบโครงการบำบัดน้ำเสียมีนบุรี ระยะที่ 2 ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (ปี 2566-2569) เพื่อป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในคลองต่าง ๆ ในพื้นที่ฝั่งตะวันออกของกรุงเทพฯ เช่น คลองแสนแสบ คลองสามวา และคลองสองต้นนุ่น ในเขตมีนบุรี เขตคลองสามวา เขตคันนายาว และเขตสะพานสูง โดยมอบให้กรุงเทพฯ เตรียมความพร้อมโครงการให้สามารถดำเนินการได้ทันทีเมื่อได้รับการจัดสรรงบประมาณ ส่วนโครงการบำบัดน้ำเสียในพื้นที่อื่น ๆ ให้ดำเนินการให้เป็นไปตามแผน เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพคลองแสนแสบให้กลับมามีระบบนิเวศอยู่ในเกณฑ์ดีโดยเร็ว.