จากกรณีเด็กหญิงบี (นามสมมติ) อายุ 11 ปี นักเรียนชั้น ป.5 ชาว ต.นามะเขือ อ.สหัสขันธ์ จ.กาฬสินธุ์ ได้เสียชีวิตที่บ้านพัก โดยแม่และญาติระบุว่าลูกสาวถูกปู่แท้ ๆ อายุ 66 ปี ข่มขืนช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน 2563 จนตั้งครรภ์นอกมดลูก ก่อนที่จะมีอาการแพ้และอาเจียนทรุดหนักจนเสียชีวิต ตำรวจแจ้งข้อหาปู่เป็นผู้กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 13 ปี โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเหตุเกิดประมาณกลางเดือนธันวาคม 2563 ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธยืนยันว่าไม่ได้ข่มขืนแต่อย่างใด

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 16 มี.ค. ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ นัดฟังคำพิพากษาในคดีดำที่ อ540/64 ที่พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายประยูร (สงวนนามสกุล) จำเลย เกี่ยวกับความผิดทางเพศ โดยมีญาติของจำเลยเข้าร่วมฟังการตัดสินด้วย ภายหลัง นายวิญญู ขันผง ทนายความฝ่ายจำเลยกล่าวว่า คดีนี้ใช้เวลา 1 ปีเศษ ก่อนที่ศาลกาฬสินธุ์ ได้นัดฟังคำพิพากษาในศาลชั้นต้นในวันนี้ ซึ่งผู้พิพากษาได้อ่านคำพิพากษาประมาณ 30 นาที มีคำตัดสินให้ “ยกฟ้อง” จำเลยเนื่องจากศาลเห็นว่าพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ผลผ่านิติวิทยาศาสตร์ชี้ชัดไม่ถูกกระทำชำเรา อีกทั้งสาเหตุที่ทำให้เด็กเสียชีวิตเป็นเพราะมะเร็งในสมอง ทำให้เกิดอาการวิงเวียน คลื่นไส้ อาเจียน และเสียชีวิตดังกล่าว

ขณะที่ นายเอ (นามสมมุติ) บิดาของเด็กหญิงบี (นาสมมุติ) ผู้เสียชีวิตกล่าวว่า ตนไม่เชื่อพ่อซึ่งเป็นปู่แท้ ๆ ของหลานสาววัย 11 ขวบ จะลงมือก่อเหตุ ตามข้อกล่าวหา โดยตนกับพ่อได้เปิดอกคุยกันแบบลูกผู้ชายตั้งแต่แรก แล้วพ่อก็ยืนยันว่าไม่ได้ทำอะไรหลานเลย อย่างไรก็ตาม เมื่อเรื่องราวมาถึงขั้นนี้ โดยเฉพาะศาลท่านได้เมตตาและพิพากษาตามพยานหลักฐานว่าพ่อเป็นผู้บริสุทธิ์ ตนและครอบครัวก็ดีใจที่สุดแล้ว

ด้าน นางซี (นามสมมุติ) อายุ 40 ปี ลูกสาวนายประยูร กล่าวว่า หลังเกิดเหตุทราบว่าพ่อ แม่ ลูกหลานทุกคน รู้สึกเป็นทุกข์ใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นมาก ไม่มีใครอยากเชื่อเลยว่าพ่อจะลงมือทำกับหลานอย่างนั้น ทำให้พ่อตกเป็นจำเลยทางสังคม และแม่ก็ถูกชาวบ้านมองแบบผิด ๆ สิ่งที่ชาวบ้านและสังคมคิด เหมือนเป็นตราบาปให้กับครอบครัวเรามาตลอดปีเศษ จนถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ศาลได้พิจาณาโดยตัดสินยกฟ้อง ทุกคนรู้สึกดีใจมาก ขอบคุณกระบวนการยุติธรรม ยอมรับแล้วว่าความยุติธรรมมีจริง หลังจากนี้ก็จะได้เตรียมสู่ขวัญบายศรี เพื่อเรียกขวัญกำลังใจกลับคืนมาให้พ่อ และขอฝากถึงบุคคลใดก็ตาม ที่เคยเข้าใจพ่อผิด หรือมีอคติกับครอบครัวเรา ทั้งมีการโพสต์ การคอมเมนต์ในสื่อโซเชียลต่าง ๆ นานา เราก็ยินดีจะอโหสิกรรมให้ และคงจะไม่ไปเรียกร้องอะไรกับใคร ถือเป็นการยุติกันไป และจะไม่ถือโทษโกรธเคืองใคร เพื่อที่หลานสาวจะได้ไปสู่สุคติ.