เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง หลังจากโลกออนไลน์นำภาพประกาศของโรงเรียนเอกชนชื่อดังใน จ.สงขลา มาเผยแพร่ ซึ่งเป็นเรื่องราวของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ครูแนะแนวในโรงเรียนที่ไปสอบบรรจุครูได้อันดับ 1 ของจังหวัดสงขลา ซึ่งควรจะได้รับคำชมเชยในความพยายามและความสามารถจนประสบความสำเร็จ แต่กลับปรากฏว่า ในประกาศของโรงเรียนฉบับดังกล่าวไม่ได้กล่าวชมเชยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม… กลับระบุว่า ให้ น.ส.เอ พ้นสภาพจากการเป็นบุคลากรของโรงเรียนตั้งแต่วันที่ 15 มี.ค. 65 การใดที่ น.ส.เอ ได้กระทำลงในนามส่วนตัวหรือกล่าวอ้างถึงโรงเรียน ภายหลังพ้นสภาพการเป็นบุคลากรจักไม่มีผลผูกพันกับโรงเรียน ประกาศ ณ วันที่ 25 มี.ค. 65

ภายหลังจากประกาศดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไปทำให้ชาวเน็ตเสียงแตก ส่วนหนึ่งมองว่าโรงเรียนทำถูกต้องแล้วเพราะต้องรักษากฎระเบียบ หากครูไม่ได้ลาออกจริง ขณะที่อีกฝ่ายมองว่า ทางโรงเรียนไม่ควรออกประกาศเช่นนี้ เพราะจะทำให้หลายคนที่พบเห็น เข้าใจผิดคิดว่าครูทำผิดวินัยร้ายแรงมาก เช่น ยักยอกทรัพย์ หรืออ้างชื่อไปแสวงหาผลประโยชน์ ทั้งที่ความจริงแล้วไม่ได้กระทำเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด เพียงแต่ไปสอบบรรจุครูเท่านั้น เหตุที่ไม่ได้ลาออกเพราะเห็นว่าสัญญาจ้างจะหมดลงในเดือนเมษายนนี้ ซึ่งต่อมา น.ส.เอ ได้โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว ทำนองว่า ประกาศดังกล่าวทำให้เธอเสียหาย ทำให้สังคมเข้าใจผิด พร้อมกับได้หารือกับทนายความ เพื่อเจราหาข้อยุติกับทางโรงเรียนให้ถอดประกาศออก และด้านกฎหมายเพื่อเรียกร้องความเป็นธรรม

โดย นายพงศธ สุวรรณรักษา หรือ “ทนายพี่อาร์ม” ทนายความด้านสิทธิมนุษยชนที่รับมอบจาก น.ส.เอ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันนี้จะเข้าพบกับทางอธิการบดีมหาวิทยาลัย และเดินทางไปพบกับทางผู้บริหารโรงเรียนแห่งนี้ เพื่อที่จะพูดคุยหาทางออกร่วมกัน โดยเฉพาะการถอดประกาศนี้ออก ซึ่งเรื่องนี้ยอมความกันได้ แต่ถ้าหากทางโรงเรียนยังยืนกรานในประกาศนี้ต่อไป ก็คงจะดำเนินการในเรื่องของการฟ้องร้องทางกฎหมายต่อไป

“….ปัญหาของเรื่องนี้เป็นผลมาจากประกาศของโรงเรียน ซึ่งครูหญิงมีสัญญากับโรงเรียนเมื่อปี 62 เป็นเวลา 3 ปี และจะหมดลงในเดือนเมษายนนี้ กล่าวคือ ประกาศของโรงเรียนออกมาว่า บุคคลที่จะไปสอบข้าราชการ พนักงานข้าราชการ หรือพนักงานเอกชน หากต้องการไปสอบจะต้องลาออกก่อนที่จะมีการประกาศรายชื่อ หากไม่ลาออก เป็นเหตุให้โรงเรียนสามารถเลิกจ้างได้ ซึ่งมองว่าประกาศนี้ไม่ยุติธรรม เป็นการบังคับไม่ให้เจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ขัดกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นกับโรงเรียนเอกชนหลายแห่ง เรื่องนี้หากมองในแง่ดีก็จะสะท้อนให้เห็นว่า การที่ครูไปสอบบรรจุได้อันดับ 1 โรงเรียนมีบุคคลากรที่ดี มีครูที่ดี สอนอยู่ในโรงเรียนนี้ ซึ่งเรื่องนี้ตนจะยื่นเรื่องต่อคณะกรรมการต้นสังกัดโรงเรียนเอกชนด้วย เพื่อให้มีการแก้ไขระเบียบ เพราะเป็นเหมือนกับสัญญาทาส…” ทนายพี่อาร์ม กล่าว.