สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา เมื่อวันที่ 28 มี.ค. ว่าสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวถึงสงครามในยูเครน ว่ากัมพูชาไม่เคยเห็นด้วย กับการที่ประเทศหนึ่งรุกรานอีกประเทศหนึ่ง แม้รัสเซียเป็นพันธมิตรที่ดีของรัฐบาลพนมเปญตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา แต่กัมพูชาไม่สนับสนุนปฏิบัติการทางทหารที่รุกรานประเทศใด หมายถึงการที่กองทัพรัสเซียส่งทหารเข้าไปปฏิบัติการในยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ผู้นำกัมพูชาให้ความเห็นต่อวิกฤติการณ์ในยูเครนครั้งนี้ว่า “เป็นเรื่องของยุโรป” กล่าวคือ การที่สหภาพยุโรป (อียู) ยังคงเดินหน้าขยายความสนับสนุนทางทหารให้แก่รัฐบาลเคียฟ และคว่ำบาตรรัฐบาลมอสโกในเวลาเดียวกัน การดำเนินการเหล่านี้มีแต่จะยิ่งทำให้สงครามยืดเยื้อ และบ่งชี้ว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความขัดแย้งเฉพาะระหว่างรัสเซียกับยูเครน แต่ยุโรปยังยินยอมพาตัวเองเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย
แม้สมเด็จฮุน เซน ทิ้งท้ายด้วยการเรียกร้องให้คู่กรณีหัวหน้ามาเจรจากันอย่างสันติ แต่ท่าทีดังกล่าวของผู้นำกัมพูชา ซึ่งทำหน้าที่ประธานสมาคมประชาชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) ประจำปีนี้ ถือว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เมื่อเทียบกับแถลงการณ์ของอาเซียนที่เผยแพร่ออกมาในช่วงต้นของสงคราม เรียกร้องคู่กรณีทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงต่อกัน และเจรจาเพื่อบรรเทาความขัดแย้ง โดยไม่มีการพาดพิงรัสเซียโดยตรง
อนึ่ง สิงคโปร์ยังคงเป็นประเทศเดียวในอาเซียน ณ เวลานี้ ที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซีย ส่วน บรูไน เวียดนาม และลาว งดออกเสียงต่อมติสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่เรียกร้องการเปิดกว้างด้านมนุษยธรรมต่อยูเครน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว.
เครดิตภาพ : REUTERS
