วันที่ 28 มี.ค. ที่ห้องประชุมพญาแถน สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดยโสธร นายแพทย์ธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร พร้อมด้วย นายแพทย์สุดชาย เลยวานิชย์เจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร ได้ให้ข้อมูล กับสื่อมวลชน กรณีมีข่าวร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน เพื่อขอความเป็นธรรม หลังฉีดโควิด-19 แล้วมีอาการตาพร่ามัว ทำให้การดำเนินชีวิตได้รับผลกระทบ และยังไม่มีหน่วยงานใดเข้ามารับผิดชอบ

กรณีดังกล่าว นายแพทย์ธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร ได้แถลงต่อสื่อมวลชน พร้อมทั้งเห็นใจต่อครอบครัวผู้ได้รับผลกระทบ ได้ชี้แจงแนวทางของกระทรวงสาธารณสุขในการขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้น เมื่อเกิดอาการไม่พึงประสงค์จากวัคซีนโควิด-19 ซึ่งผู้ป่วยรายนี้ได้ยื่นหนังสือไปยังสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติสาขาเขต 10 อุบลราชธานี เรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการรวบรวมประวัติและข้อมูลการรักษาที่รอบด้าน และจะนำเข้าที่ประชุมกรรมการเขตในวันที่ 1 เมษายน 2565 โดยคณะกรรมการจะนำข้อมูลเพื่อพิจารณาต่อไป

ในส่วน นายแพทย์สุดชาย เลยวานิชย์เจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร ได้กล่าวถึงผู้ป่วยรายดังกล่าว เป็นผู้ป่วยฟอกไตที่ รพ.ยโสธร ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2564 สัปดาห์ละ 3 วัน(อังคาร พฤหัสบดี และวันเสาร์) ผู้ป่วยมาฉีดวัคซีนที่ รพ.ยโสธร เข็มที่ 1 เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2565 หลังจากนั้น แจ้งว่ามีอาการตาพร่ามัว เข้ารักษาที่แผนกจักษุ โรงพยาบาลยโสธร แพทย์ลงความเห็นว่า มีเลือดออกในน้ำวุ้นตาทั้งสองข้าง และรักษาตามาอย่างต่อเนื่อง และได้รับวัคซีนเข็มที่ 2 เมื่อวันที 19 มกราคม 2565
วันที่ 7 มีนาคม 2565 มารดาผู้ป่วย ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนกับศูนย์ดำรงธรรม และยื่นหนังสือถึง รพ.ยโสธร เพื่อของดการฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 และขอความเมตตาเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือเยียวยา

นายแพทย์ธีระพงษ์ แก้วภมร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดยโสธร กล่าวยืนยันจะให้ความเป็นธรรมมากที่สุด ตามกระบวนการของกระทรวงสาธารณสุขและสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ พร้อมกับ นายแพทย์สุดชาย เลยวานิชย์เจริญ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลยโสธร กล่าวยืนยันอีกว่า โรงพยาบาลยโสธร จะช่วยเหลือในด้านการดูแลรักษาพยาบาลตามมาตรฐานให้ดีที่สุด ส่วนสาเหตุอาการตาพร่ามัว เกิดจากวัคซีนหรือไม่ จะเป็นการพิจารณาจากผู้เชี่ยวชาญในระดับเขตต่อไป