ควันหลงจาก “นิด้าโพล” สำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2565 ระหว่างวันที่ 10-15 มี.ค.65 จากคำถาม บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า อันดับ 1 ร้อยละ 27.62 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้ อันดับ 2 ร้อยละ 13.42 ระบุว่า เป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ (พรรคก้าวไกล) เพราะ เป็นคนตรงไปตรงมา ชื่นชอบในวิธีการทำงาน มีวิสัยทัศน์และแนวคิดแบบคนรุ่นใหม่ ขณะที่บางส่วนระบุว่า ต้องการให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ อันดับ 3 ร้อยละ 12.67 ระบุว่า เป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เพราะ เป็นคนซื่อสัตย์และสุจริต ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบ นโยบายสามารถช่วยเหลือประชาชนได้จริง ขณะที่บางส่วนระบุว่า จะได้บริหารประเทศอย่างต่อเนื่อง อันดับ 4 ร้อยละ 12.53 ระบุว่าเป็น น.ส.แพทองธาร (อุ๊งอิ๊ง) ชินวัตร (พรรคเพื่อไทย) เพราะต้องการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ชื่นชอบผลงานในอดีตของตระกูลชินวัตร
ตรงนี้ยิ่งตอกย้ำความนิยมขาลงของ “บิ๊กตู่” นายกรัฐมนตรี ที่วันนี้สารพัดปัญหารุมเร้ารัฐบาล ทั้งปมเศรษฐกิจ-โควิด-19-สินค้าแพงพุ่งกระฉูด-คนตกงาน ฯลฯ ในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล แม้แต่โพลยังอยู่คั่นกลาง ระหว่าง “พิธา-แพทองธาร” ตัวแทน 2 พรรคการเมืองฝั่งตรงข้าม

ซึ่งการเปิดตัว “อุ๊งอิ๊ง” เปิดตัวเข้าสู่ถนนการเมือง ในฐานะประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัว “นายกดูไบ” ซึ่งในเชิงจิตวิทยาถือว่าได้ผล “ชะลอ-สกัด” เลือดไหลออกจากพรรคเพื่อไทย เพราะการส่ง “อุ๊งอิ๊ง” นั่งเป็น นายหญิง คนใหม่ ไม่ใช่ นอมินี แต่เป็น ดีเอ็นเอสายตรง ยี่ห้อ “ชินวัตร” ที่มองไกลถึงการนั่งเก้าอี้ นายกรัฐมนตรีหญิง คนที่ 2 ของประเทศ
เพียงแค่เปิดตัวไม่กี่วันฝั่งตรงข้ามก็เกิดอาการหลอน “ปลุกผีทักษิณ” หลังประกาศทวงคืน 14 ล้านเสียงแบบแลนด์สไลด์ จัดตั้งรัฐบาล ทำให้ “ทักษิณ” ผู้เป็นพ่อก็ออกมาปกป้องลูกสาว และเคียงข้างหากต้องการเป็น นายกรัฐมนตรี “…อุ๊งอิ๊ง ติดตามผมมาตั้งแต่เด็ก ทำให้มีหัวใจประชาธิปไตย อยากเห็นบ้านเมืองดีเต็มร้อย และพยายามเอาแนวทางเทคโนโลยีมาช่วยเขาไม่ได้คิดจะเป็นนักการเมือง และเป็นกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย ยังไม่รู้เล่นการเมืองหรือแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หลักการผมยึดถือ คือทั้งหมดอยู่ที่การตัดสินใจของลูก ถ้าคิดว่าอยากสานต่องานของพ่อถือเป็นเรื่องของเขา เพราะผมเป็นพ่อที่รักลูก ให้ความอบอุ่นและพร้อมปกป้องเสมอ ผมพร้อมปกป้องลูก เครื่องบินส่วนตัวก็มี บ้านอยู่หลายประเทศ บินมาปุ๊บ สบาย ไม่เคยกลัว ดังนั้น อย่ามาขู่ เรื่องกลัวไม่มีอยู่แล้ว…”

เท่ากับว่า งานนี้ “อุ๊งอิ๊ง” ไม่เดียวดาย เพราะ “ทักษิณ” ประกาศสู้เพื่อลูก ในศึกเลือกตั้ง เพราะมั่นใจในกติกา บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ
แต่ล่าสุดในการประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. รัฐสภา ก็ไฟเขียวลงมติท่วมท้น คะแนน 32 ต่อ 14 เสียง และงดออกเสียง 1 ให้ใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต และส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นบัตรคนละเบอร์ โดย กมธ.อ้างว่า ซื้อเสียงยาก
ซึ่งบัตรคนละเบอร์ยังถือเป็นแค่ด่านแรก เพราะการพิจารณากฎหมายลูกยังไม่จบ และมีแทคติกอีกหลายด่าน โดยเฉพาะร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่…) พ.ศ…. ที่ยังมีด่านหินรอบอนไซพรรคเพื่อไทย อาทิ การคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ทำเอาการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยไม่ได้ ส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อแม้แต่คนเดียว
ยังไงๆ แผน “แลนด์สไลด์” คงไม่ได้มาง่ายๆ