นางพเยาว์ อริกุล นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง เปิดเผยว่า ปัญหาสภาพอากาศร้อน-แล้ง ทำให้แม่ไก่เครียด กินอาหารน้อย แม่ไก่จะมีไข่ไก่แตกในท้อง และมีไก่ตายวันละ 5-10 ตัว เปอร์เซ็นต์ไข่ที่ได้จะลดลงประมาณ 10-15 % คือ จากที่เคยมีอัตราการให้ไข่เฉลี่ยที่ 80 % เหลือเพียง 60-65 % ส่งผลให้มีเปอร์เซ็นต์ไข่ที่ได้ช่วงนี้ มีจำนวนลดน้อยลงจากปกติ ผู้เลี้ยงขอให้ภาครัฐเข้าใจเกษตรกร และปล่อยให้ราคาไข่ไก่เป็นไปตามกลไกตลาด เพราะขณะนี้เกษตรกรต้องแบกรับภาระการผลิตที่สูงขึ้น เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์สูงขึ้นมากอย่างที่ไม่เคยเจอ ขณะที่ต้นทุนการเลี้ยงจากวัตถุดิบอาหารสัตว์ถือเป็นต้นทุนหลักที่ 70-80 %

“ปัญหาต้นทุนการเลี้ยงที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ขณะนี้เกษตรกรผู้เลี้ยงตัดสินใจเลิกอาชีพไปแล้ว 10 % เพราะไม่สามารถแบกรับภาระการขาดทุนต่อไปได้ สำหรับสภาพอากาศที่ร้อนมากขณะนี้ แม่ไก่ไข่กินอาหารน้อย ทำให้ได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ส่งผลต่อผลผลิตไข่ที่ได้ ซึ่งจะมีเปลือกไข่ช่วงนี้บางกว่าปกติ ง่ายต่อการร้าว และแตกได้ง่าย ทำให้มีสภาพไข่ไก่สมบูรณ์พร้อมขายเพียงกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ และผลผลิตไข่ไก่ที่ได้ในช่วงนี้ส่วนใหญ่จะเป็นขนาดกลาง-เล็ก ทำให้ผู้เลี้ยงขายไข่ได้ราคาลดลงไปด้วย” นางพเยาว์ กล่าว

นายกสมาคมการค้าผู้เลี้ยงไก่ไข่รายย่อยภาคกลาง กล่าวด้วยว่า ปัจจุบันราคาไข่ที่ขายไม่มีความสมดุล เพราะไม่สามารถขายในราคาสะท้อนต้นทุนที่แท้จริง และในสภาพอากาศร้อนขณะนี้ ทำให้ไก่เครียด แทบไม่กินอาหาร ขนาดของไข่ไก่ที่ออกมาในช่วงนี้จึงมีเพียงขนาดกลางถึงเล็ก ที่เบอร์ 3-4-5 เท่านั้น จากปกติมีไข่ไก่ 6 ขนาด คือ เบอร์ 0 ใหญ่สุด และเบอร์ 5 เป็นขนาดเล็กสุด

สถานการณ์ภัยแล้ง ทำให้ผู้เลี้ยงต้องมีค่าใช้จ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นจากการต้องเปิดระบบน้ำพ่นฝอย เพื่อลดความร้อนภายในโรงเรือน รวมถึงระบบน้ำและพัดลมระบายอากาศของโรงเรือน ช่วงนี้เกษตรกรต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น จากค่าไฟที่เพิ่มขึ้นประมาณ 10 % จึงอยากให้ทุกภาคส่วน รวมถึงผู้บริโภคเข้าใจเกษตรกรด้วย.