เมื่อบ่ายวันที่ 1 เม.ย. นายไตรยฤทธิ์ เตมหิวงศ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) สั่งการให้ พ.ต.ท.พเยาว์ ทองเสน รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ในฐานะกำกับดูแลกองคดีภาษีอากร และมอบหมายให้ พ.ต.ท.อนุรักษ์ โรจนนิรันดร์กิจ ผอ.กองคดีภาษีอากร สนธิกำลังร่วมกับพนักงานเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์ และเจ้าหน้าที่ตำรวจ บูรณาการนำหมายค้นของศาลอาญา เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย 5 แห่งในกรุงเทพฯ และปริมณฑล เป็นสถานที่เก็บรักษาสินค้า ซึ่งเป็นโกดังเย็น 3 แห่ง เป็นออฟฟิศ 2 แห่ง ของบริษัทแห่งหนึ่ง

หลังสืบทราบมีการลักลอบหรือรับซื้อซากสัตว์ที่ไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าจากประเทศแถบอเมริกาใต้ เข้ามาในราชอาณาจักร และนำไปซุกซ่อนเก็บรักษาไว้ที่โกดังห้องเย็นหลายแห่งใน จ.สมุทรสาคร เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงหีบห่อบรรจุภัณฑ์สินค้าให้เป็นสินค้าที่มีแหล่งผลิตในประเทศไทย แล้วส่งออกไปจำหน่ายยังต่างประเทศและภายในประเทศ ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ จากการจัดเก็บภาษีหลายร้อยล้านบาท กระทบต่อระบบเศรษฐกิจของประเทศ รวมทั้งอาจเป็นอันตรายต่อสุขอนามัยของผู้บริโภค

นายไตรยฤทธิ์ เปิดเผยว่า ผลการตรวจค้นพบว่าในโกดังสินค้าทั้ง 3 แห่ง มีสินค้าจำพวกขาไก่ ปีกไก่ ที่ลักลอบนำเข้ามาจากประเทศบราซิล โดยไม่ได้รับอนุญาตซุกซ่อนเก็บรักษาไว้มากกว่า 4 แสนกิโลกรัม คิดเป็นตู้คอนเทเนอร์จำนวน 170 ตู้ รวมมูลค่าทั้งสิ้นประมาณ 170 ล้านบาท หากนำไปจำหน่ายตามท้องตลาดและต่างประเทศ จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 250 ล้านบาท ส่วนออฟฟิศทั้ง 2 แห่ง พบเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับการนำเข้าและธุรกรรมทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดจำนวนมาก

อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ เผยอีกว่า นอกจากนี้ยังปรากฏข้อมูลเชื่อได้ว่ามีการนำสินค้าผิดกฎหมายลักษณะดังกล่าวเข้ามาแล้วมากกว่า 500 ตู้คอนเทเนอร์ อันอาจเป็นความผิดฐานลักลอบนำสินค้าไม่ผ่านพิธีการศุลกากร หรือซื้อรับไว้ด้วยประการใดๆ ตามมาตรา 242 และมาตรา 246 แห่งพระราชบัญญัติศุลกากร พ.ศ. 2560 ประกอบความผิดฐานนำเข้าสัตว์หรือซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ พ.ศ. 2558 และอาจมีความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เจ้าหน้าที่ชุดตรวจค้นจึงอายัดสินค้าไว้ดำเนินคดีตามกฎหมาย และตรวจยึดเอกสารหลักฐานข้างต้น ประกอบการสืบสวนสอบสวน ขยายผล หาตัวผู้กระทำความผิดต่อไป