เมื่อวันที่ 15 เม.ย. พล.ต.ต.จิรสันต์​ แก้วแสงเอก รอง ผบช.น. เปิดเผยกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Nattapong NC Chadong ได้โพสต์ภาพและคลิปหน้ารถในเพจเฟซบุ๊ก เรารักดอนเมือง พร้อมระบุข้อความ #ตำรวจเมาแล้วขับ #ตำรวจชนแล้วหนี ชนรถ 2 คัน ชนที่ถนนประชาอุทิศ และแยกวัดสีกัน ทะเบียน 07637 ว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.23 น. ของวันที่ 14 เม.ย. บริเวณสามแยกวัดสีกัน ถนนประชาอุทิศ ต่อเนื่องถนนสรงประภา โดยมี พ.ต.ต.ประวิทย์ กิณณะรีแช อายุ 47 ปี สว.กก.6 บก.จร. เป็นผู้ขับรถยนต์ตราโล่ เลขทะเบียน 07637 คันดังกล่าว เบื้องต้นทางผู้ก่อเหตุได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง แล้ว

และถูกดำเนินคดีใน 2 ข้อหาหลัก ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้เฉี่ยวชนรถและทรัพย์สิน​ผู้อื่นเสียหาย และข้อหา ไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือ และไม่แสดงตัวแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ที่ใกล้เคียง นอกจากนี้ยังได้ทำการตรวจวัดปริมาณ​แอลกอฮอล์​ในร่างกาย ซึ่งผลการตรวจไม่พบปริมาณ​แอลกอฮอล์​ในร่างกาย อย่างไรก็ตามได้สั่งการให้ทาง บก.จร. ซึ่งเป็นต้นสังกัดได้พิจารณาโทษทางวินัยอีกส่วนด้วย ในกรณีดังกล่าวถึงแม้ผู้กระทำความผิดเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ แต่ก็จะดำเนินคดีตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดเช่นเดียวกัน และขออภัยผู้เสียหายมา ณ โอกาสนี้ด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ที่ สน.ดอนเมือง พ.ต.ต.ประวิทย์ กิณณะรีแช อายุ 47 ปี สว.กก.6 บก.จร. ผู้ขับรถยนต์ตราโล่คันก่อเหตุได้เจรจาไกล่เกลี่ย กับ พ.อ.อ.ประทีป แสงรัศมี อายุ 77 ปี เจ้าของรถแท็กซี่ สีชมพู หมายเลขทะเบียน ทส 1111 กรุงเทพมหานคร โดยมี พ.ต.อ.รังสรรค์​ สอนสิงห์ ผกก.สน.ดอนเมือง ร่วมในการเจรจาด้วย

พ.ต.ต.ประวิทย์ กล่าวว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อคืนนี้ ขณะที่ตนเองเดินทางมาหาเพื่อนในย่านนี้ แต่ไม่คุ้นเส้นทาง จึงมีการเปิดแอพ นำทางเพื่อจะกลับบ้านพักในย่านพระราม 2 แต่จีพีเอสได้นำทางมาในเส้นทางที่ตนเองไม่คุ้นจึงเกิดการเฉี่ยวชนขึ้น ซึ่งตอนที่เฉี่ยวชนรถแท็กซี่ตนเองได้จอดรถและตะโกนแจ้งเจ้าของรถว่า จะติดต่อมาชดใช้ ไม่ต้องกลัว และที่ตนเองรีบเพราะลูกไม่สบายอยู่บ้านเพียงลำพัง จึงรีบเดินทางออกไป ก่อนจะไปเฉี่ยวชนกับรถคู่กรณีอีกคัน

“ทั้งนี้ตนเองยืนยันว่าเมื่อคืนไม่ได้มึนเมา แต่เป็นเพราะตนเองมีโรคต้อลมในดวงตาและไม่คุ้นเคยเส้นทางจึงเกิดการชน ส่วนที่รีบกลับเพราะลูกไม่สบายไม่มีเจตนาที่จะหลบหนี ตนเองได้เจรจาพูดคุยกับคู่กรณีโดยพร้อมชดใช้ในความเสียหายทั้งหมด ทั้งค่าเสียเวลาและค่าซ่อมให้กับอู่ ซึ่งหลังจากที่เคลียร์ปัญหาที่บ้านแล้ว ตนเองได้มีการพยายามติดต่อเจ้าของรถแท็กซี่ในช่วงเวลาประมาณ 03.00 น. แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ก่อนที่จะมาติดต่ออีกครั้งในช่วงเช้าวันนี้ และนัดหมายเพื่อเจรจาเกี่ยวกับการชดใช้ค่าเสียหาย” พ.ต.ต.ประวิทย์ กล่าว

ด้าน พ.อ.อ.ประทีป เจ้าของรถแท็กซี่ กล่าวว่า จุดเกิดเหตุคือริมถนนในซอยตรงข้ามบ้านพัก ซึ่งขณะนั้นตนเองได้มีการจอดรถและไปเข้าห้องน้ำที่บ้านเพื่อจะวิ่งรถต่อ ก่อนที่ลูกสาวจะวิ่งมาบอกว่า รถที่จอดอยู่บริเวณหน้าบ้านถูกเฉี่ยวชน เมื่อตนเองออกไปถึงหน้าบ้านก็เห็นว่ารถตำรวจคันดังกล่าวยังคงจอดอยู่แต่ไม่ได้ลงจากรถ แต่เมื่อเดินเข้าไปใกล้ได้ยินเสียงตะโกนบางอย่าง แต่จับใจความไม่ได้ก่อนจะเลี้ยวออกจากจุดเกิดเหตุและขับด้วยความเร็วออกไป ทั้งนี้ตนเองยอมรับว่าตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่ในวันนี้ได้มีการพูดคุยเจรจากับทางคู่กรณีแล้ว ซึ่งเบื้องต้นทางคู่กรณีแจ้งว่าจะยินยอมชดใช้ค่าเสียหายทั้งหมด ซึ่งตนเองพอใจแต่ขอให้ทางคู่กรณีทำตามที่ให้คำมั่นสัญญาไว้ รวมถึงขอให้ใช้รถใช้ถนนด้วยความระมัดระวัง เพราะรถบนถนนมีมากมายอาจเกิดอันตรายกับบุคคลอื่นได้