กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาเปิดเผย นักศึกษาสาวถูกนักการเมืองใหญ่ลวนลาม ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.ลุมพินี ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 16 เม.ย. ทนายษิทรา เบี้ยยังเกิด กล่าวในรายการ “ทุบโต๊ะข่าว” อมรินทร์ทีวี ถึงกรณีที่บางฝ่ายมองว่าการเคลื่อนไหวกรณีดังกล่าวเป็นการรับงานใครมาหรือไม่ เพราะจะมีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.เป้าตกกับพรรคๆ หนึ่ง มีใครส่งซิกมาหรือไม่ว่า คือถ้าจะทำส่งซิกทำร้ายใคร ต้องส่งซิกไปยังคนที่มีแนวโน้มชนะเลือกตั้งมากกว่า และตนไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอยู่แล้ว และถ้าเกิดว่า คนจะกลั่นแกล้งกันเขาไม่ใช้เด็กกันหรอก เพราะโอกาสจะหลุดเยอะและเขาไม่ใช้คนเยอะขนาดนี้ เพราะถ้ามีใครหลุดปากพูด เขาก็จะทำให้รู้ว่ามันมีการกลั่นแกล้งกัน แต่อันนี้มันมาจากทั่วสารทิศจริงๆ คนก็พยายามให้มองว่าเป็นเรื่องการเมือง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว เพราะผู้เสียหายแต่ละคนก็เพิ่งจะรู้จักตน

ถามว่าทำไมเหยื่อต้องหาทนายตั้ม นายษิทรา กล่าวว่า เริ่มแรกเคสเด็ก 18 ปีแม่เขาเป็นเอฟซีตนอยู่แล้ว แม่เขาเคยเล่าให้ฟังว่า น้องเรียนนิติศาสตร์อยู่ อยากให้มาฝึกงานกับตน และตนก็เคยไปตอบคอมเมนต์แม่น้องเขาด้วย ว่ายินดีและให้น้องเขาจบไวๆ และเมื่อถึงเดือนนี่เอง พอเกิดเคสแรกก่อน ตนเป็นคนนำ และสามารถดำเนินคดีออกสื่อฯ ได้ หลายคนมาพึ่งตนต่อๆ กันมา

เมื่อถามว่าถ้าคนจะเตี้ยม 20 กว่าคน ทุกคนที่โดนมันกี่ปีที่คนๆกระทำกับเหยื่อ นายษิทรา กล่าวว่า ตามไทม์ไลน์ตั้งแต่ปี 2013 และมีหลายเคส เคสล่าสุดเดือนที่แล้วก็มี ส่วนที่เหตุเกิดแล้วทำไมเก็บเอาไว้ไม่แจ้งความ ตนก็ถามว่าทำไมไม่แจ้งความ ก็ได้รับคำตอบว่าหนูเป็นคนตัวเล็กๆ เขาเป็นรองหัวหน้าพรรค ใครจะเชื่อหนู เพราะเหตุเกิด เกิดอยู่แค่สองคน และมีการข่มขู่ว่าพ่อเป็นใหญ่ระดับไหนเคลียร์ได้หมด ทนยอมให้คนระดับนี้ทำเป็นปีๆ หนีไปต่างประเทศ ถูกบังคับ บางเคสมีการถ่ายรูปเอาไว้ และทำไปเรื่อยๆ