เมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ถือเป็นการประชุมวันแรกหลังเทศกาลสงกรานต์เป็นสัญลักษณ์แห่งการเริ่มต้นใหม่ ในการขับเคลื่อนประเทศ ฟื้นฟูเศรษฐกิจตามแผนโรดแม็พ ทั้งการท่องเที่ยวการลงทุนและการส่งออก เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบ โดยการดูแลคนทุกช่วงวัย ต้องใช้เงินมากกว่า 800,000 ล้านบาทต่อปี

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า ขณะที่การแก้ไขปัญหาเรื่องการเงินการคลังของประเทศ ครม.ได้ชี้แจงไปแล้วว่าเรายัง มีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง พร้อมยอมรับห่วงค่าใช้จ่ายของประชาชน เนื่องจากมีรายได้ลดลง แต่สินค้าอุปโภคบริโภคราคาสูงขึ้น ทำให้รายได้ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายในแต่ละวัน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับพฤติกรรมที่ต้องปรับเปลี่ยน เพื่อให้เหมาะสมกับสถานะในขณะนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐบาลไม่สนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำ และยกระดับรายได้ให้มากยิ่งขึ้น พร้อมย้ำว่ารัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจและสั่งการให้มีมาตรการช่วยเหลือต่างๆทยอยออกมาต่อเนื่อง และจำเป็นต้องหาแหล่งรายได้เพิ่มเติมให้ได้

ส่วนประเด็นเรื่องกระแสข่าวรัฐบาลมีปัญหาด้านการเงินการคลัง ไม่มีเสถียรภาพนั้น พล.อ.ประยุทธ์ ชี้แจงว่าหน่วยงานเกี่ยวข้องชี้แจงไปหมดแล้วปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และมาตรการในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างไร บางครั้งคำพูดถูกตัดตอนออกไป เวลาแก้ไขปัญหาไม่พูดถึง แต่ไปพูดในสิ่งที่เกิดขึ้นและไม่ดีทั้งนี้ได้สั่งการให้ กระทรวงการคลังและฝ่ายเศรษฐกิจทั้งหมดไปเตรียมมาตรการต่างๆเพื่อรองรับ ตนเพียงแต่อยากบอกว่าให้เข้าใจซึ่งกันและกัน ตนมีความห่วงใยให้ทุกคนและทุกระดับ

นายกฯ กล่าวด้วยว่า ส่วนรัฐบาลมีความจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มหรือไม่นั้น ขณะนี้กำลังหารืออยู่ และได้เตรียมมาตรการเอาไว้แล้ว ซึ่งการที่จะทำให้อยู่รอดปลอดภัยและเพียงพอจต้องดูว่าใช้งานอย่างไรมีเงินอยู่เท่าไหร่และจำเป็นจะต้องหาเพิ่มหรือไม่เป็นขั้นตอนการหารือ หากไม่ได้ดูแลในช่วง โควิด-19 ประเทศไทยจะอยู่ในสถานภาพที่ดีกว่านี้ แต่สถานการณ์ภายนอกบังคับไม่ได้ อยู่เหนือการควบคุม

เมื่อถามถึงเรื่องเตรียมพิจารณาโครงการคนละครึ่งเฟส 5 หรือไม่นั้น พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ตนได้ให้แนวทางไปแล้ว ยอมรับว่าใช้เงินเยอะพอสมควร แต่มีผลดีเยอะ เกิดการหมุนเวียนของเงินอีกหลายเท่าตัว แต่ปัญหาคือจะหางบประมาณมาจากไหน ก็ต้องหาวิธีการ แต่หากดำเนินการแล้วเอากลับมาโจมตีกันไปมา รัฐบาลก็ลำบาก บางอย่างต้องเข้าใจกันบ้างถึงเหตุผลและความจำเป็น เพราะเงินทุกบาททุกสตางค์ใช้จ่ายอย่างประหยัด เท่าที่ยังมีงบประมาณอยู่ และเงินที่กู้มาก็ใช้ไปบ้างแล้ว ทุกรัฐบาลที่ผ่านมาไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน และยืนยันรัฐบาลนี้ดำเนินการอย่างเต็มที่ จึงขอประชาชนเข้าใจ หากมัวแต่โจมตีกันไปมา ก็จะไม่สำเร็จสักอย่าง ซึ่งต้องรับฟังเสียงจากประชาชนด้วย.