กรณี นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ ออกมาเปิดเผย นักศึกษาสาวถูกนักการเมืองใหญ่ลวนลาม ผู้เสียหายแจ้งความไว้ที่ สน.ลุมพินี และขณะนี้มีเหยื่อหลายรายทยอยออกมาแจ้งความมากถึง 15 ราย โดยรายที่ 15 เป็นถึงไฮโซสาวตระกูลใหญ่ จนเป็นประเด็นใหญ่ กระทั่งนักการเมืองใหญ่ออกมาปฏิเสธ และลาออกจากพรรคไป ตามที่มีการนำเสนอข่าวมาอย่างต่อเนื่องแล้วนั้น

รายที่15! ‘ทนายตั้ม’ แฉโผล่อีกไฮโซสาวตระกูลใหญ่ ตกเป็นเหยื่อนักการเมือง

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 20 เม.ย. ที่กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) นายษิทรา เปิดเผยความคืบหน้ากรณีผู้เสียหายสาวทยอยเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับ นายปริญญ์ พานิชภักดิ์ อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งข้อหากระทำอนาจารและข่มขืนกว่าสิบรายว่า มีผู้เสียหายรายที่ 15 เป็นไฮโซ ติดต่อเข้ามาบอกว่าเคสตัวเองเกิดเมื่อปี 2551 ซึ่งรู้จักกับฝ่ายชายผ่านอินสตาแกรม 4-5 เดือนก่อนจะโดนล่อลวงไปคอนโดฯ พร้อมเพื่อน แล้วผู้ต้องหาก็จูบลูบคลำ ไม่ได้ถูกข่มขืน แต่เจ้าตัวไปเป็นพยานในคดีหลายรายแล้ว รวมถึงคดีแอนนา หทัยรัตน์ ซึ่งเหยื่อรายนี้เป็นกรณีที่ลูกนัท ธนัตถ์ เผยแพร่แชตผ่านเฟซบุ๊กไป ตอนนี้ยังมีคนนัดหมายมาอีก 2 ราย แต่ก็ติดต่อไม่ได้แล้ว เชื่อว่ายังมีเหยื่อติดต่อเข้ามาอีก แม้จะมีคนที่ถูกข่มขืนถอนตัวไป 2 คดีก็ตาม

นายษิทรา กล่าวถึงกรณีพรรคประชาธิปัตย์ ตั้งกรรมการสอบสวนเรื่องนี้ว่า ไม่ทราบว่าพรรคจะดำเนินการอย่างไร เพราะช้าไปแล้ว อีกทั้งพรรคยังไม่มีอำนาจสอบสวน ตามจริงพรรคน่าจะทราบพฤติกรรมผู้ก่อเหตุมาก่อนแล้ว เรื่องทางอินเทอร์เน็ตก็มีเยอะแยะ การที่พรรคออกมาแถลงขอโทษมองว่าถูกสังคมกดดันมากกว่า

นายษิทรา กล่าวอีกว่า คดีคงยังไม่ส่งฟ้องเร็วๆ นี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้กันผู้เสียหายเป็นพยาน 3 ราย จาก 12 คน อย่างไรก็ตาม มีผู้ใหญ่ที่สนิทกับตนและหัวหน้าพรรคการเมืองหนึ่ง มาเตือนว่า ให้ระวังโดนพรรคโต้กลับ ก็ไม่ทราบว่าเป็นการเตือนในลักษณะไหน แต่ยอมรับว่ากังวลว่า จะมีคนแฝงตัวมาเป็นผู้เสียหายมาทำให้ดูเป็นเกมการเมือง จนทำให้เหยื่อทั้งหมดดูเป็นการสร้างเรื่องขึ้นมา จากนี้มีใครติดต่อมาต้องระวังมากขึ้น ที่ผ่านมาก็ได้ตรวจสอบทุกเคส บางคนมีแชต ภาพถ่ายหลักฐาน แต่คนที่มาเล่าเหตุการณ์อย่างเดียวก็คงต้องตรวจสอบอย่างละเอียด

นายษิทรา กล่าวด้วยว่า ตอนนี้ไม่ได้พูดคุยกับผู้เสียหายรายแรกแล้ว เพราะเขาไม่ให้ความร่วมมือกับตน ซึ่งมีตำรวจยศพลตำรวจตรีนายหนึ่งคอยมาคุยกับแม่ จึงกังวลว่าจะเป็นคนห้ามผู้เสียหายมาคุย ซึ่งตนเองบอกให้ทำหนังสือมอบฉันทะ ให้ไปค้านการประกันตัวผู้ต้องหาที่ศาล แต่เหยื่อรายนี้ก็ไม่ทำ ทั้งนี้ ได้มอบคลิปอีกชิ้นระหว่างผู้เสียหายกับผู้ต้องหาเป็นหลักฐานให้ตำรวจไปแล้ว

“นอกจากนี้ยังมีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งที่สนิทกับตน และสนิทกับหัวหน้าพรรค บอกว่า ให้ระวังพรรคการเมืองโต้กลับ แต่ไม่มีการข่มขู่แต่อย่างใด โดยส่วนตัวไม่ได้กลัวโดนฟ้อง เนื่องจากไม่ได้เอ่ยถึงชื่อใครและพรรคการเมืองชื่ออะไร แต่มีความกังวลนิดหน่อย เนื่องจากมีนายพล ยศ ”พลตำรวจตรี” นายหนึ่ง เข้ามาชักจูงพยานไม่ให้ความร่วมมือ” ทนายนายษิทรา กล่าว