เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 25 เม.ย. ที่ ศูนย์รับแจ้งความกองบัญชาการตำรวจสอบสอนกลาง (บช.ก.) นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พา นายสมคิด ละอองนวล อายุ 47 ปี บิดาของนายปริญญา ละอองนวล อายุ 19 ปี ผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถยนต์ เข้าพบ พ.ต.ท.ภานุพงศ์ จันตระกูล สว.สอบสวน กก.5.บก.ป. แจ้งความเอาผิด พ.ต.อ.ธวัชชัย นรสิงห์ อดีต ผกก.สภ.หนองปรือ จ.กาญจนบุรี และพวกฐาน “ลักทรัพย์โดยใช้กลอุบาย” จากกรณีหลอกลวงเกี่ยวกับจำนวนเงินค่าสินไหมที่จะได้รับตามสิทธิ เพื่อยักยอกไปเป็นของตนเอง โดยนำเอกสารหลักฐานต่างๆ มามอบให้กับทางพนักงานสอบสวนประกอบการพิจารณา

นายสมคิด กล่าวว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 27 ธ.ค. 64 ลูกชายขี่รถ จยย.ไปเฉี่ยวชนกับรถยนต์ของ พ.ต.อ.ธวัชชัย ผกก.สภ.หนองปรือ ขณะนั้น จนลูกชายตัวเองเสียชีวิต หลังจากนั้น 1 เดือน ได้ติดต่อพนักงานสอบสวน สภ.หนองปรือ เพื่อตามคดี ก่อนมีการเจรจาให้ตนยอมรับเงิน 1 แสนบาท ถ้าไม่รับก็จะไม่ได้อะไรเลย จึงต้องจำยอม จากนั้น พ.ต.อ.ธวัชชัย เอาเอกสารทั้งหมดจากตนไปเรียกเอาเงินประกันสินไหมทดแทน พร้อมกับให้ตนเปิดบัญชีธนาคารใหม่และให้ลงชื่อมอบอำนาจไว้ โดยไม่ทราบรายละเอียดและจำนวนเงินตามสิทธิที่ตนจะได้รับ

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธวัชชัย พยายามปิดบังผู้เสียหายว่าจะต้องได้รับเงินค่าสินไหมตามสิทธิจากบริษัทประกัน และ พ.ร.บ.คุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ 1.5 ล้านบาท โดยทาง พ.ต.อ.ธวัชชัย ได้หลอกผู้เสียหายว่า มีสิทธิได้เงินดังกล่าวเพียงแสนกว่าบาทเท่านั้น แต่แท้จริงแล้วเงินอีกเกือบ 1.4 ล้านบาท ที่หายไปได้ถูก พ.ต.อ.ธวัชชัย และพวก เบิกถอนออกไปจนหมด

“นอกจากนี้ยังทราบข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า เมื่อช่วงต้นเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา พ.ต.อ.ธวัชชัย และพวก ยังมีพฤติกรรมวางแผนอมเงินค่าสินไหมของเหยื่อคดีอุบัติเหตุรถชนคดีอื่นในท้องที่ สภ.หนองปรือ อีกคดีหนึ่ง หลังทั้งสองฝ่ายมีการเจรจาไกล่เกลี่ยจ่ายค่าสินไหมกันที่ 5.9 แสนบาท แต่ทางฝั่ง พ.ต.อ.ธวัชชัย และพวก กลับขอเรียกเก็บเงินจากฝั่งคู่กรณีจำนวน 2.9 แสนบาท เพื่อเป็นค่าจบคดี ส่วนที่เหลือ 3 แสนบาท จะนำไปให้กับฝั่งผู้เสียชีวิต แต่ทว่าเรื่องเกิดแดงขึ้นมาเสียก่อน จึงทำให้ทางฝั่งคู่กรณีไม่ยินยอมจ่ายเงินดังกล่าวให้กับทาง พ.ต.อ.ธวัชชัย แล้วเลือกจ่ายค่าสินไหมจำนวนเต็ม 5.9 แสนบาท ให้ฝั่งผู้เสียชีวิตแทน ซึ่งจากทั้ง 2 เรื่องราวนี้ ผมเชื่อว่าน่าจะมีการทำกันเป็นขบวนการ เนื่องจากพนักงานสอบสวนที่เป็นผู้รับผิดชอบทำคดีทั้ง 2 เป็นคนเดียวกัน จึงอยากให้มีการตรวจสอบอย่างละเอียด” นายอัจฉริยะ กล่าว

เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำผู้ร้องทุกข์ ไว้ก่อนเสนอให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาสั่งการต่อไป.