สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานจากกรุงออตตาวา ประเทศแคนาดา เมื่อวันที่ 26 เม.ย. ว่า นางอนิตา อนันด์ รมว.กลาโหมแคนาดา เปิดเผยรายงานเสียดสีที่มีใจความสำคัญว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพแคนาดา ล้มเหลวในการจัดการปัญหาการเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบ ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของชาติ
คณะที่ปรึกษาของกระทรวงกลาโหม ซึ่งเริ่มทำงานในเดือน ม.ค. 2564 ออกรายงานฉบับสุดท้ายพร้อม 13 ข้อเสนอ เพื่อเปลี่ยนแปลงวัฒนธรรม และทำลายกำแพงความครอบคลุม
“ข้อปฏิบัติยกเว้นต่างๆ กำลังเสื่อมโทรม, ตกต่ำ และก้าวล่วงความภาคภูมิใจที่ทุกคนควรได้รับ” อนันด์กล่าวในระหว่างการนำเสนอรายงาน “อุปสรรคเหล่านี้ทำร้ายความสามารถด้านปฏิบัติงาน และสร้างความเสียหายต่อความมั่นคงของประเทศเรา”
สมาชิกคณะที่ปรึกษา 4 คน พบว่า กลุ่มชาติพันธุ์, คนพิการ และผู้หญิง ถูกมองข้ามอย่างมากในกระทรวงกลาโหมแคนาดา และกองทัพแคนาดา อีกทั้งยังแนะนำการสรรหาแรงงานที่หลากหลายอีกด้วย
นอกจากนี้ยังตอกย้ำการเหยียดเชื้อชาติและการเลือกปฏิบัติอย่างเป็นระบบต่อผู้นำ กล่าวว่าการใช้อำนาจในทางที่ผิด คือ “ปัจจัยผุกร่อนหลัก”
รายงานฉบับนี้เกิดขึ้นเมื่อเจ้าหน้าที่ทหารแคนาดาเข้าปฏิบัติภารกิจขององค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ในประเทศลัตเวีย และโปแลนด์ และช่วยเหลือผู้อพยพจากสงครามในยูเครน
พ.ต.หญิง แซนดรา เพอร์รอน สมาชิกคณะที่ปรึกษา กล่าวว่า มีการเสนอข้อเสนอแนะมากกว่า 250 รายการ ในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา ให้กับผู้นำทางทหาร เพื่อจัดการความหลากหลาย, การรวมกัน และการปฏิบัติแบบมืออาชีพ แต่สิ่งเหล่านี้ถูกนำไปใช้ได้ไม่ดี, ถูกเก็บ หรือถูกทิ้ง
“ทีมป้องกันไม่จำเป็นต้องรอทีมงานภายนอกเพิ่มเติม ดังเช่นพวกเรา เพื่อบอกว่าต้องทำอะไร” เธอกล่าว
รายงานระบุว่า มันเป็น “ช่วงเวลาที่อึดอัด” เมื่อต้องจัดการกับการประพฤติผิดทางเพศในกองกำลังติดอาวุธ กองทัพแคนาดาอยู่ใต้แรงกดดันในข้อกล่าวหาเรื่องประพฤติผิดทางเพศโดยเจ้าหน้าที่อาวุโส ซึ่งรวมถึงอดีตทหารระดับสูงอีกด้วย
คณะที่ปรึกษาเรียกร้องกองทัพแคนาดาให้ปรับปรุงการศึกษา และเพิ่มอำนาจให้ชนเผ่าพื้นเมือง, คนผิวสี, ผู้หญิง, คนข้ามเพศ และคนพิการ
เครดิตภาพ : REUTERS