สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย เมื่อวันที่ 27 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ให้การต้อนรับและพบหารือกับนายอันโตนิโอ กูเตร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่กรุงมอสโก เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา โดยกูเตร์เรสย้ำจุดยืนของยูเอ็นที่มีต่อสงครามในยูเครน นั่นคือ การหยุดยิงเพื่อยุติความรุนแรง และการที่คู่กรณีหันหน้ากลับมาเจรจากันตามแนวทางสันติวิธี

Putin says Russia won't sign a peace deal with Ukraine unless it first agrees to "solve the issues of Crimea and Donbas" at least on the working level, meaning accepting losing those parts of its territory for good. pic.twitter.com/0OQakgkp9U
— max seddon (@maxseddon) April 26, 2022
During a meeting with UN Secretary-General Antonio Guterres, Russian President Vladimir Putin agreed "in principle" to the involvement of the UN and the International Committee for the Red Cross in evacuation of civilians from the Azovstal steel plant in Mariupol. pic.twitter.com/vMkmmHNJyz
— DW News (@dwnews) April 27, 2022
ขณะเดียวกัน เลขาธิการยูเอ็นหยิบยกประเด็นเกี่ยวกับสถานการณ์ที่เมืองมาริอูโปล โดยเฉพาะที่โรงงานถลุงเหล็กอาซอฟสทาล ซึ่งเป็นหนึ่งในโรงงานถลุงเหล็กขนาดใหญ่ที่สุดในทวีปยุโรป ซึ่งปูติน “เห็นชอบในหลักการ” ให้สหประชาชาติและคณะกรรมการกาชาดระหว่างประเทศ (ไอซีอาร์ซี) “เข้ามามีบทบาท” ในการอพยพพลเรือนออกจากโรงงานถลุงเหล็กแห่งนี้
นอกจากนั้น ผู้นำรัสเซียยืนกรานว่า รัฐบาลมอสโกจะไม่ลงนามในข้อตกลงสันติภาพกับยูเครน ตราบใดที่รัฐบาลเคียฟยังคงปฏิเสธแก้ไขความขัดแย้งเรื่องภูมิภาคดอนบาส และคาบสมุทรไครเมีย “อย่างน้อยในระดับคณะผู้แทนเจรจา” ส่งสัญญาณโดยนัย ว่าไม่อย่างไรยูเครนต้องสูญเสียดินแดนทั้งสองส่วน “เป็นการถาวร”

UN chief Guterres called for an independent investigation of possible war crimes in Ukraine after having a "frank discussion" with Russia's Lavrov in Moscow https://t.co/JKLeCDLBbT pic.twitter.com/mLiMAjtVL1
— Bloomberg Quicktake (@Quicktake) April 26, 2022
นอกจากนี้ กูเตร์เรสพบหารือกับนายเซอร์เก ลาฟรอฟ รมว.การต่างประเทศของรัสเซียด้วย โดยเลขาธิการยูเอ็นกล่าวในเวลาต่อมา ว่าเป็นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาระหว่างกัน แต่ชัดเจนว่า ต่างฝ่ายต่างมีจุดยืนคนละแบบในเรื่องยูเครน.
เครดิตภาพ : REUTERS