เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับการร้องเรียนจาก น.ส.วรรณ ชวดพงษ์ อายุ 40 ปี อยู่เลขที่ 9/229 หมู่ 3 ต.บางหญ้าแพรก อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ว่า ได้โอนเงินผิดบัญชี เงินไปเข้าบัญชีของสาวชาวจังหวัดบุรีรัมย์ ต้องลำบากวิ่งหาสืบสวนเอง ไม่สามารถพึ่งธนาคารอายัดเงินไว้ได้ทัน สอบถาม น.ส.วรรณ ชวดพงษ์ เล่าว่า ตนประกอบธุรกิจ ร้านขายส่งหมูหมักชื่อ “เอส.พี.ฟู้ดส์ 2017” อยู่สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา เวลาประมาณ 08.30 น. ได้ใช้แอพธนาคารแห่งหนึ่ง โอนเงินค่าเนื้อหมูให้กับคู่ค้าที่เพิ่งค้าขายด้วยกันเป็นครั้งแรก จำนวน 293,439 บาท

หลังโอนได้ส่งสลิปไปให้คู่ค้าดู ได้รับคำตอบว่าใบสลิปไม่ใช่ชื่อเขา เมื่อมาตรวจสอบหมายเลขบัญชี พบว่าตัวเองกดเลขผิดจากเลข 1 มาเป็นเลข 7 แล้วเงินไปเข้าบัญชี น.ส.เสาวณีย์ (สงวนนามสกุล) จึงรู้ว่าโอนเงินผิด ภายใน 2 นาที ให้สามีซึ่งเป็นเจ้าของบัญชี เดินทางไปที่ธนาคารในสมุทรสาคร ทันที ส่วนตัวเองติดต่อคอลเซ็นเตอร์ของธนาคาร

โดยเจ้าหน้าที่ คอลเซ็นเตอร์ ระบุว่า ไม่สามารถอายัดบัญชีได้ เพราะไม่มีหน้าที่โดยตรง จะต้องไปที่ธนาคารสาขา ทันใดนั้นสามีได้โทรศัพท์แจ้งมาว่า ธนาคารแจ้งว่า ”ต้องติดต่อคอลเซ็นเตอร์” เพราะรวดเร็วกว่า และให้ไปแจ้งความเอาหลักฐานมายืนยันกับธนาคาร เวลา 10.51 ได้ไปแจ้งความที่ สภ.เมืองสมุทรสาคร เอาหลักฐานไปแจ้งธนาคาร เพื่อให้อายัดบัญชีไว้ก่อน แต่ธนาคารให้กลับไปแก้ไขเวลาการแจ้งความอีก เพราะเวลาที่โอนเป็นเวลา 08.30 น. แต่เวลาแจ้งเป็นเวลา 10.51 น. ต้องแก้ให้เป็น 08.30 น. เป็นเวลาแจ้ง สุดท้ายได้รับคำตอบจากธนาคารสาขาว่า ไม่สามารถอายัดได้ จะต้องส่งเรื่องไปที่สำนักงานใหญ่ก่อนตามขั้นตอน รู้สึกว่าไม่ทันการ จึงให้ทีมงานค้นหาเฟชบุ๊กไปบุคคลชื่อ เสาวณีย์ (สงวนนามสกุล) พบชื่อแต่ไปขอแอดเป็นเพื่อน แต่ไม่รับแอด

จากนั้นได้ให้ทีมงานระดมค้นหาบุคคลที่เกี่ยวข้องใกล้ชิด จนกระทั่งไปพบญาติพี่น้องของ น.ส.เสาวณีย์ หลายคน ต่อมาได้เบอร์โทรฯของ น.ส.เสาวณีย์ มาแล้วโทรฯหา แต่ไม่ยอมรับว่าเป็นตัวเองแล้วปิดสาย การค้นหายังทำอย่างต่อเนื่อง และสามารถติดต่อลูกสาว น.ส.เสาวณีย์ ได้ ยอมรับว่าแม่โอนเงินให้จำนวน 50,000 บาท เอาไปปิดค่างวดรถ 20,000 บาท เหลือเงิน 30,000 บาท ขอโอนให้ก่อนที่เหลือจะผ่อนชำระให้ ตนก็ยอม

ต่อมาทราบว่า น.ส.เสาวณีย์ ยังเอาเงินไปซื้อทองน้ำหนัก 1 บาท และซื้อรถมอเตอร์ไซค์อีก 1 คัน ตนจึงติดต่อตำรวจ ให้ไปประสานร้านทอง ร้านทองยอมโอนเงินคืนให้ 30,000 บาท หลังจากตำรวจไปเอาทองจาก น.ส.เสาวณีย์ มาคืนให้ร้านทอง รวมทั้งหมดที่ น.ส.เสาวณีย์ โยกย้ายเงินและไปซื้อสินค้า รวม 5 คน ได้เงินคืนมาแล้ว 150,000 บาท

หลังจากตนเอาไปแชร์ในเพจศูนย์แจ้งข่าวบุรีรัมย์ เสาวณีย์ โทรฯกลับมาหาบอกจะโอนเงินคืนให้ 55,000 บาท ที่เหลือจะขอผ่อนชำระ ตนก็ยอมอีก สุดท้ายเสาวณีย์ โอนมาคืนให้เพียง 10,000 บาท เมื่อโทรฯไปถาม กลับตอบว่า ”ใช้หมดแล้ว” ที่เหลือไม่มีจะยอมติดคุกแทน สรุปได้เงินกลับคืนมาทั้งหมด 160,000 ยังคงค้างอีกจำนวน 133,439 บาท หลังจากนี้จะต้องปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมายเพราะได้แจ้งความ เอาไว้แล้ว

น.ส.วรรณ บอกด้วยว่า ความรู้สึกส่วนตัวยอมรับว่าเสียใจ ทำไมคนเราไม่ยึดหลักศีลธรรม ไม่ใช่ของตนก็อยากได้ และอยากฝากถึงธนาคารพาณิชย์ ทุกแห่ง ว่ากรณีแบบนี้ ควรจะเร่งด่วนอย่างไร หากลูกค้าธนาคารยืนยันตัวตนชัดเจน น่าจะดำเนินการอย่างเร่งด่วนหรือไม่ ต่างจากการโฆษณาของธนาคาร ว่าทันสมัย สะดวก รวดเร็วแค่ใช้ปลายนิ้ว