จากกรณีตำรวจ ปคม. บุกจับกุม นายปิยบุตร อุไรงาม อายุ 27 ปี คาบ้านพัก จ.ปทุมธานี หลังพบพฤติการณ์ใช้บัญชีแอคเคานท์แอพพลิเคชั่นดิสคอร์ด และทวิตเตอร์ปลอม หรือที่เรียกว่า “อวตาร” เข้ามาทักและตีสนิทกับเหยื่อสาว ก่อนจะล่อลวงให้ส่งภาพโป๊แลกกับเงิน แต่พอได้ภาพมาแล้ว ก็นำภาพดังกล่าวไปข่มขู่แบล็กเมล์เหยื่อ ด้วยการให้วิดีโอคอล แล้วสั่งให้ทำในสิ่งที่ต้องการในทางลามกอนาจาร หากไม่ยอมทำตามจะนำภาพไปเผยแพร่ โดยเจ้าตัวให้การแบบไม่สะทกสะท้าน อ้างว่า ชอบสะสมรูปภาพโป๊พวกนี้เท่านั้น แต่ตำรวจพบหลักฐานสำคัญในโทรศัพท์มือถือเชื่อมโยงการฆ่าตัวตายของสาววัยรุ่นที่เป็นเหยื่อ 2 ราย ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เผยหื่นใช้ ‘อวตาร’ ล่อลวงให้ส่งภาพโป๊ ต้นตอทำเหยื่อสาวฆ่าตัวตาย 2 ราย

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 23 มิ.ย. ดาบตำรวจ ซึ่งเป็นพ่อของ น.ส.เอ (นามสมมุติ) ได้เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต ครูวัฒนเศรษฐ์ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.วิวัฒน์ คำชำนาญ ผบก.ปคม. พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. เพื่อขอบคุณคณะทำงานในการจับกุมคนร้ายคดีนี้ก่อนจะเปิดใจและร่ำไห้ว่า ในฐานะตำรวจรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลคดีดังกล่าวได้ หลังจากได้รับรู้เรื่องราว ได้เข้าไปหารือกับผู้บังคับบัญชา พยายามรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมด รวมทั้งได้พูดคุยกับเพื่อนของลูกสาว และนำข้อมูลมามอบให้กับทาง บก.ปคม. และสืบสวนขยายผลต่อนาน 2 เดือน จนสามารถชี้พิกัด และเข้าจับกุมคนร้ายได้วันนี้ ส่วนในฐานะพ่อรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถดูแลปกป้องลูกสาวได้ ก่อนเกิดเหตุลูกสาวมีพฤติกรรมเปลี่ยนไป ไม่ยอมไปไหนมาไหนด้วย กักตัวอยู่แต่ในห้อง จึงพยายามพูดคุยกับลูกสาว สอบถามจนทราบเรื่องราว และพบว่าก่อนหน้านี้ ลูกพยายามฆ่าตัวตายแต่ตนสามารถช่วยได้ทัน ทั้งนี้ ลูกสาวมีความชื่นชอบในเรื่องของคอสเพลย์ ตั้งแต่ช่วงประมาณ ป.6 อีกทั้งลูกสาวยังได้หาชุดมาให้ผู้แต่งคอสเพลย์รายอื่นเช่า และสามารถหายรายได้หลักแสนบาท โดยตนและภรรยาได้เตือนให้ลูกระมัดระวังตัวเรื่องการแต่งคอสเพลย์​ถ่ายรูป เพราะ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม ซึ่งลูกสาวได้รู้จักคนร้าย ตั้งแต่ช่วงปลายเดือน ก.พ.-มี.ค.

“….ในฐานะพ่อ อยากบอกลูกเป็นครั้งสุดท้ายว่า พ่อทำหน้าที่ของพ่อได้ดีที่สุดแล้ว แต่ลูกก็ไม่ควรจากพ่อไปไวขนาดนี่ ขอให้ลูกรู้ว่า พ่อยังรักลูกตลอดไป…” นายตำรวจกล่าว

ด้าน พล.ต.ต.ศิร์ธัชเขต กล่าวว่า ในฐานะพ่อเหมือนกันไม่รู้​ว่าเมื่อใดลูกจะตกเป็น​เหยื่อ​ของ​อาชญากรรม​ ดังนั้นจะนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ ต้องเร่งดำเนินการเพื่อปราบปราม​อาชญากรรม​ลักษณะ​นี้​ และส่งเสริมให้เด็กและเยาวชนรู้เท่าทันอาชญากรรมในสื่อสังคมออนไลน์ โดยขณะนี้ ทาง บช.ก. ได้เตรียมมาตรการเชิงรุก เพื่อป้องกันปัญหาอาชญากรรม ที่เกิดขึ้นในสื่อสังคมออนไลน์ โดยมีการเปิดโครงการป้องกันอาชญากรรมตามแนวตำรวจสมัยใหม่ โดยร่วมกับ กสทช. และมูลนิธิเกี่ยวกับเด็ก โดยเฉพาะโรงเรียนในสังกัด กทม. โดยตำรวจจะมีการทำคอนเทนต์ ส่งไปให้ครูตามโรงเรียนต่างๆ เพื่อสอนเด็กให้เข้าใจถึงโทษภัยของอาชญากรรมทางเทคโนโลยี เพื่อเป็นแนวทางการป้องกันภัยต่อไป

ขณะที่ พล.ต.ต.วิวัฒน์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจค้นและจับกุมผู้ต้องหาภายในบ้านพัก พบว่าคนร้ายได้ก่อเหตุลักษณะเดียวกันกับเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี อีกกว่า 10 คน ซึ่งหลังจากนี้ ตำรวจจะเร่งหาแหล่งปลายทางของคลิป รวมถึงบุคคลที่เกี่ยวข้องมาดำเนินคดีทั้งหมด พร้อมทั้งจะสอบสวนหาข้อมูลให้ได้ความชัดเจนว่า ผู้ต้องหาเป็นสาเหตุของการตายของเหยื่อหรือไม่ ซึ่งจะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมในภายหลัง เบื้องต้น การกระทำของผู้ต้องหาเข้าข่ายความผิดฐาน ครอบครองสื่อลามกอนาจารเด็ก เพื่อแสวงหาประโยชน์ในทางเพศสำหรับตนเองและผู้อื่น และความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ