เมื่อวันที่ 18 ส.ค. ที่ว่าการอำเภอหนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ นายจารุวัตร ภูแก้ว นายอำเภอหนองกุงศรี พร้อมด้วย พ.ต.ท.กชฐพงศ์ ศรียางค์ สวป.สภ.หนองกุงศรี และนายกเทศมนตรีตำบลคำก้าว ลงพื้นที่ตรวจสอบบริเวณโรงเรียนคำไฮวิทยา หลังได้รับแจ้งมีการตัดไม้พะยูง วานนี้ (17 ส..ค.) และถูกขนย้ายไปตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา เบื้องต้นจากการตรวจดูเอกสาร เป็นการจัดซื้อจัดขายไม้พะยูงกับเอกชนรายหนึ่ง กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 ในราคา 153,000 บาท จากการขายไม้พะยูง 22 ต้น

ส่อบานปลาย ‘พะยูง’ ของกลางหาย ‘ส.ส.วิรัช’ เชื่อมีเจ้าหน้าที่รัฐรู้เห็น

ผบช.ภ.4 สั่งเร่งหามือดีขโมยไม้พะยูงหน้าเทศบาลอิตื้อ พบใครเอี่ยวฟันไม่เลี้ยง

นายจารุวัตร กล่าวว่า กรณีตัดไม้ดังกล่าว ตนเพิ่งทราบจากชาวบ้าน จึงได้รายงาน นายธวัชชัย รอดงาม รอง ผวจ.กาฬสินธุ์ ก่อนที่ทางจังหวัด โดยนายศุภศิษย์ กอเจริญยศ ผวจ.กาฬสินธุ์ จะได้สั่งการให้ตนและภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ทั้ง สภ.หนองกุงศรี ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ และชาวบ้าน ร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งจากการตรวจสอบข้อมูลกับครูโรงเรียนคำไฮวิทยา ทราบว่า การตัดไม้พะยูงดังกล่าว มีการตกลงให้นายทุนเข้ามาประมูลซื้อ โดยการรับรองของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพป.) กาฬสินธุ์ เขต 2 ร่วมกับโรงเรียนคำไฮวิทยาและธนารักษ์พื้นที่กาฬสินธุ์ ซึ่งในเอกสารระบุประมูลซื้อขายไม้พะยูงจำนวน 22 ต้น ในราคา 153,000 บาท ซึ่งตัดไปแล้ว 17 ต้น เหลือ 5 ต้น ทั้งนี้ ได้สั่งชะลอการตัดไว้ก่อน เนื่องจากมีชาวบ้านเรียกร้องให้มีการตรวจสอบ ส่วนประเด็นที่มีการพูดกันมาก เป็นในส่วนของความเหมาะสม และเหตุผลในการขออนุญาตตัด รวมทั้งการประเมินราคา ก็จะมีการตรวจสอบในเชิงลึกในลำดับต่อไป

ด้านนายอภิวัฒน์ ราชาพัฒน์ ผู้ใหญ่บ้านคำไฮ หมู่ 11 กล่าวว่า ในรอบหลายปีที่ผ่านมา เคยมีเหตุคนร้ายไม่ทราบจำนวน ลักลอบเข้ามาตัดไม้พะยูงภายในโรงเรียน 4 ครั้ง 2 ครั้งแรกไม่ได้ไม้พะยูงไป ครั้งที่ 3 ได้ไม้พะยูงไป 1 ต้น และครั้งที่ 4 เมื่อเดือน พ.ค. 66 ที่ผ่านมา คนร้ายไม่ได้ไม้พะยูงไป ทั้งนี้ทุกครั้งหลังเกิดเหตุ ผู้นำชุมชนก็จะมาอยู่เป็นเวรยามเฝ้าไม้พะยูงภายในโรงเรียนกับครูเวร แต่คนร้ายก็ฉวยโอกาสในคืนฝนตกเวลากลางดึก เข้ามาก่อเหตุซ้ำอีก ซึ่งถือเป็นภาระรับผิดชอบและความเดือดร้อนของผู้นำชุมชน ที่ต้องหวาดระแวง หวั่นเกิดอันตราย จากการมาเข้าเวรเฝ้าไม้พะยูง เนื่องจากทราบว่า คนร้ายที่เข้ามาลักลอบตัดไม้พะยูง มาหลายคนและมีอาวุธ อย่างไรก็ตาม จากการขายไม้พะยูงจำนวน 22 ต้น ราคา 153,000 บาท โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ และธนารักษ์ มาเป็นคนประเมินราคา ตนคิดว่าเป็นราคาขายที่ต่ำ ไม่ค่อยจะเหมาะสมกับปริมาตรไม้นัก กับจำนวนไม้ 1 รถบรรทุก และรถกระบะต่อโครงสูงอีก 1 คัน

“จากการเดินสำรวจดูทำเล ก็ไม่ถือว่าเป็นจุดเสี่ยงที่จะทำให้เกิดอันตรายกับตัวอาคาร หรือครู นักเรียน หากมีการหักโค่นลงมาด้วยภัยธรรมชาติ เนื่องจากมีจัดเป็นโซนปลูกเป็นสวนต้นไม้เศรษฐกิจทางเข้าประตูโรงเรียน มีไม้พะยูง ไม้ประดู่ ที่ไม่มีสิ่งปลูกสร้างหรือทรัพย์สินอื่นใดของทางราชการแต่อย่างใด” ผู้ใหญ่บ้านคำไฮ หมู่ 11 กล่าว

นายอภิวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากการขายไม้พะยูง 22 ต้น ลำเลียงขึ้นรถบรรทุก 2 คันดังกล่าว บุคคลในวงการค้าไม้บอกว่าเป็นราคาที่ถูกจนน่าตกใจ เรียกว่าถูกกว่าไม้ยูคาลิปตัสก็ว่าได้ ถือเป็นการขายไม้พะยูงเที่ยวนี้แบบดัมพ์ราคาทีเดียว จึงอยากเรียกร้อง สตง., ป.ป.ช., ป.ป.ท. เข้าตรวจสอบเส้นทางการค้าไม้พะยูงของโรงเรียนคำไฮวิทยาว่า ถูกต้อง เหมาะสม โปร่งใส รัฐได้ประโยชน์จริงหรือไม่ โดยเฉพาะอยากเรียกร้องให้ดีเอสไอ บรรจุเป็นคดีพิเศษด้วย เพราะการอนุญาตขายไม้ในพื้นที่ของกรมธนารักษ์ มีการเปิดประมูลขายหลายครั้งมาก จนชาวบ้าน ครู และเด็กนักเรียน ที่ได้ยินเสียงเลื่อยยนต์ตัดไม้พะยูงอายุเกือบ 100 ปี น้ำตาซึมไหล รู้สึกเจ็บปวดหัวใจ และแสนเสียดาย เพราะไม่อยากให้มีการขายไม้พะยูงในโรงเรียน ที่รุ่นพ่อรุ่นแม่เคยปลูกไว้ให้ความร่มรื่น และเป็นสมบัติของแผ่นดิน.