ต้องบอกว่า “ประชาธิปไตย” กลับมาเบ่งบานในพื้นที่กรุงเทพมหานคร หลังจากนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ด้วยคะแนนเสียงถล่มทลาย แถมคนของพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล ยังกวาดเก้าอี้สมาชิกสภา กทม. (ส.ก.) มาอีก 34 คน จากทั้งหมด 50 คน (50 เขต)

นาน ๆ คนกรุงเทพฯ จะได้ผู้ว่าฯ ดีกรีระดับ “ดอกเตอร์” มีประสบการณ์การทำงานในภาครัฐ ภาคเอกชน แถมเคยเป็นรมว.คมนาคม และที่สำคัญคือมีความ “แอ๊คทีฟ” สูงมากอย่างนายชัชชาติ ตระเวนดูปัญหาตรงโน้นตรงนี้ทั้ง 7 วัน ตั้งแต่สี่แยกท่าพระ ถนนพระราม 3 ดอนเมือง เคหะชุมชนบางบัว

วันก่อนไปเยี่ยมสำนักการระบายน้ำตอน 4 ทุ่ม หลังจากนั้นไปกรมราชทัณฑ์เพื่อเจรจาว่าจ้างนักโทษชั้นดีมาขุดลอกท่อ เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป ประมาณ 500 กิโลเมตรในระยะแรก โดยเลือกจากพื้นที่เขตที่มีปัญหาน้ำท่วมซ้ำซากก่อน วันต่อมาไปคุยกับตำรวจจราจรที่กองบังคับการตำรวจจราจร เพื่อช่วยกันหาแนวทางแก้ไขปัญหารถติดตามจุดต่าง ๆ

ชัชชาติ” บุกสำนักการระบายน้ำ กลางดึก - สำนักข่าวไทย อสมท

นายชัชชาติทำงานแบบลุยทุกวัน ทั้ง 4 รองผู้ว่าฯ และทีมที่ปรึกษาจึงนั่งกันไม่ติด! ต้องลงพื้นที่ดูปัญหาเพื่อเร่งแก้ไข ไม่ต้องพูดถึง “ผู้อำนวยการเขต” เจอผู้ว่าฯ แบบนี้เข้าไป ต้องอยู่ในสภาพ “หัวร้อน” นั่งกันไม่ติดห้อง!

ผู้อำนวยการเขตประเภทเฉื่อยชา เช้าชามเย็นชาม เช้าเข้าสำนักงานเขต เย็นเลิกงานกลับบ้านไปกระดกไวน์ ไม่เคยลงพื้นที่ดูแลทุกข์สุขของชาวบ้าน จะอยู่ลำบากในยุคนายชัชชาติ!

นี่แหละเขาเรียกว่าประชาธิปไตย “กินได้ จับต้องผลงานได้” เพราะชาวบ้านเลือกผู้ว่าฯ-ส.ก. มาทำงานให้เรา มาช่วยแก้ปัญหาต่าง ๆ ไม่ได้เลือกผู้ว่าฯ มาเป็น “ไม้กันหมา” หรือ “ไม่เลือกเรา เขามาแน่” มันเป็นวาทกรรมที่ล้าหลังจริง ๆ

นายชัชชาติเดินย่ำไปหลายพื้นที่ แบบไม่มีพิธีรีตอง ไม่มีชุดรักษาความปลอดภัยล้อมหน้าล้อมหลัง เป็นกันเองกับทุกคน ไม่ไป “ตวาด” ชาวบ้าน หรือโวยวายขึ้นเสียงกับสื่อฯ นี่คือเสน่ห์ของชัชชาติ ที่สำคัญคือไปพื้นที่เพื่อดูปัญหา และแก้ไขปัญหาอย่างคนมีวิชั่น แต่ถ้าไม่ใช่งานของ กทม.โดยตรง ก็จะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น การไฟฟ้านครหลวง เข้ามาคุยเพื่อร่วมกันแก้ปัญหาต่าง ๆ ให้ลุล่วง

นายชัชชาติและทีมงานทำงานกันแบบนี้ กรุงเทพฯ เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน ดังนั้นไม่ว่าจะขยับตัวไปทางไหน ผู้คนจะให้ความสนใจนายชัชชาติมากกว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี (ครม.)

ปัจจุบันนายชัชชาติชิงพื้นที่สื่อไปจากนายกฯ และ ครม.เรียบร้อยแล้ว ใครจะว่านายชัชชาติ “โอเวอร์ พีอาร์” แต่หารู้ไม่ว่ายุคนี้ใครก็สามารถเป็นเจ้าของสื่อได้เองทั้งนั้น โดยไม่ต้องใช้เงินมากมาย ไม่ต้องถลุงเงินภาษีของประเทศมา “พีอาร์” ตัวเอง และที่สำคัญคือไม่ได้บังคับยัดเยียดให้ใครดู

แต่การที่ทีมชัชชาติต้องไลฟ์สดทุกครั้งเมื่อลงพื้นที่ เพื่อรายงานให้ประชาชนผู้เสียภาษีทราบ ว่าวัน ๆ ผู้ว่าฯ กทม. ทำอะไรบ้าง

ตอนนี้ กทม.มีประชากรตามทะเบียนราษฎร และประชากรแฝง รวมกันประมาณ 10 ล้านคน ส่วนใครจะเลือกหรือไม่เลือกนายชัชชาติเมื่อวันที่ 22 พ.ค.ที่ผ่านมา ไม่เป็นไร เพราะผู้ว่าฯ เขาบอกแล้วว่าเข้ามาทำงานให้ทุกคน

ถ้า “พยัคฆ์น้อย” เป็นกุนซือใกล้ชิด พล.อ.ประยุทธ์ จะแนะนำให้รีบชิงพื้นที่สื่อกลับคืนมาจากผู้ว่าฯ กทม. ด้วยการไลฟ์สดประกาศ “ยุบสภา-ลาออก” เพื่อให้ประเทศไทยมีโอกาสเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นเหมือนกรุงเทพฯ บ้าง!!

———————
พยัคฆ์น้อย