จัดเป็นอีกหนึ่งสาวเก่งและมากความสามารถของจริงสำหรับนักร้องสาว ป็อปปี้ ชัชชญา หรือ ป็อปปี้ 3.2.1 สาวน้อยสุดเก่งที่ไม่ว่าจะทำอะไรก็ทำได้ดีไปเสียหมด ล่าสุด yimyim มีโอกาสได้เจอตัวสาวป็อปปี้หลังจากเธอมาเรียนปริญญาโท คณะมนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว สาขาวิชานวัตกรรมการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ เราเลยไม่พลาดขอคว้าตัวเธอมาอัพเดทสักหน่อยว่าทำไมถึงมาเรียนปริญญาโท และทำไมหายหน้าจากวงการไปพักใหญ่ รวมถึงพร้อมหรือยังกับการเสิร์ฟความสุขผ่านผลงานให้แฟนๆเห็นอีกรอบ

ทักทายแฟนๆ เดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?
“สวัสดีค่า ป็อปปี้ค่ะ ป็อปปี้ ชัชชญา ส่งเจริญ เป็นอดีตสมาชิก 3.2.1 ค่ะ(ยิ้ม)”

ก่อนหน้านี้แอบเห็นป็อปปี้ หายไปพักนึง ป็อปปี้หายไปไหนมาเอ่ย?
“ก็หลังจากที่วงเราสมาชิกแยกย้ายปุ๊บ เป็นช่วงเวลาที่ป็อปเรียนจบพอดี ปริญญาตรีค่ะ ก็เลยอยากลองหาประสบการณ์ ลองสมัครงาน หางานทำ เลยเป็นจุดเริ่มต้นที่ไปสมัครแอร์โฮสเตสที่การ์ตาร์ แอร์เวย์ พอได้ปุ๊บก็อพยพเลยค่ะ ขนข้าวของไปอยู่ที่นู่น (ยิ้ม) อาจจะหายไปในช่วงเวลานั้นประมาณ 3 ปีนิด ๆ เลยค่ะที่ไปอยู่ที่กาตาร์ แล้วตอนนี้ก็กลับมาอยู่ที่ไทยเรียบร้อยแล้วค่ะ”

ตอนที่ตัดสินใจ แน่นอนว่าเราเป็นศิลปินที่มีชื่อเสียง ตัดสินใจมาสายการบินเรียกว่าออกจากวงการไปไกลเลยที่หลายๆคนแอบแซวกัน ความรู้สึกเราตกใจมั้ย?
“ตอนนั้นทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมาก เรายังไม่ทันได้คิด ตอนนั้นเรียนจบตอนตุลา ไปสมัครตอนธันวาเลย ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากภายในเวลา 2 เดือน สมัครแล้วได้ปุ๊บ เราว่าเรารีบคว้าโอกาสที่อยู่ตรงหน้าไว้ดีกว่า งานในวงการป็อปเชื่อว่าป็อปไม่ทิ้ง ซึ่งวันนี้ก็พิสูจน์ให้เห็นว่า เห้ย เราก็ยังกลับมา เพราะเป็นสิ่งที่เรารักและทำมาตลอดตั้งแต่เด็กด้วย เลยโอเคไปลองดูก่อน จะกี่ปีไปลองดู ประสบการณ์แบบนี้ไม่ได้หาได้ง่าย ๆ คิดแค่นั้นเลยค่ะ ก็เลยไป ระหว่างทางที่เป็นแอร์อยู่ ป็อปก็กลับมาไทยบ้าง ช่วงวันหยุดก็กลับมาทำเพลง อัดเสียง ถ่ายเอ็มวี ก็เป็นอีกมิติในการใช้ชีวิต กลายเป็นเราได้บริหารจัดการเวลาได้คุ้มค่ามาก ถือว่าเป็นประสบการณ์ ถ้าให้ย้อนเวลากลับไป ป็อปก็ยังเลือกที่จะไปอยู่ดีค่ะ”

เราเคยเรียนเรื่องการบินมาก่อนไหม?
“ไม่เลยค่ะ บอกตรง ๆ ว่าตอนเด็ก ๆ ไม่เคยคิดที่จะเป็นแอร์ด้วยซ้ำ เพราะว่าส่วนสูงเราไม่ได้สูงมาก เราไม่ได้ดูเรียบร้อยอะไรขนาดนั้นที่ดูเหมาะกับการที่จะไปเป็นแอร์ เราเลยไม่เคยคาดคิด แต่พอไปลองสมัคร อยู่ ๆ ก็ไปเลย อาจจะด้วยจังหวะประจวบเหมาะอะไรหลาย ๆ อย่าง ก็เลยได้ไป พอได้ไปก็เรียนรู้อะไรใหม่ทุกอย่าง 100 เปอร์เซ็นต์ เพราะ ป็อปจบจากคณะวิทยาศาสตร์เคมี คนละสายเลย ไปถึงก็ต้องเทรนใหม่ นับหนึ่งกับเพื่อน ๆ ทุกคน โชคดีที่มีเพื่อนคนไทย บางคนก็เทรนมาแล้ว ติวแอร์กันมา คนที่มีเบสิกความรู้ก็มาช่วยติวด้วย กลายเป็นเราต้องขยันกว่าเพื่อนนิดนึง เขาจะมีเวลาให้เราฝึกฝน อ่านหนังสือประมาณ 2-3 เดือน เป็นช่วงที่เราต้องฟิตมาก ๆ ทำการบ้านเยอะ ๆ”

เราได้ประสบการณ์มากๆแล้วก็ได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่าง ทำไมตัดสินใจกลับมาไทย?
“อย่างแรก เราเป็นคนติดบ้านมาก เพราะ ทำงานตั้งแต่เด็ก คุณพ่อคุณแม่จะคอยรับส่งตลอด เป็นลูกคนเดียวด้วย ไม่เคยออกไปไกลบ้านหรืออยู่คนเดียวนานขนาดนี้ จริง ๆ ไปอยู่ได้ 3 ปี เราค่อนข้างภูมิใจในตัวเองมาก ๆ ค่ะ เรารับผิดชอบตัวเองได้แล้ว ตื่นไปทำงานทัน ทำกับข้าว ซักผ้า ถูบ้าน เราต้องทำเองทุกอย่าง เหมือนอยู่หอคนเดียว พอไปอยู่ระยะ 3 ปี คุณพ่อคุณแม่เริ่มคิดถึงค่ะ ก็มีแบบว่า กลับมาได้แล้วมั้ง ไปเที่ยวพอละ เก็บประสบการณ์พอละ เก็บเงินพอละ กลับมาอยู่บ้านดีกว่า ที่ตัดสินใจอีกอย่างนึงก็คือ ด้วยสถานการณ์โควิดระบาด ป็อปก็บินจนวินาทีสุดท้ายก่อนที่จะปิดประเทศ ป็อปก็เลยลาออกกลับมาได้ 1 อาทิตย์ก่อนหน้าที่เขาจะปิดประเทศ ที่เลือกเป็น 3 ปี ตอนกลับมาทำงานที่ไทย เขาจะ Require ประสบการณ์ 3 ปีอย่างต่ำ ก็เลยจบที่ 3 ปีพอดีด้วย สถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วย เลยยื่นใบลาออกแล้วกลับมาเลยค่ะ”

ถือว่าเป็นการตัดสินใจอย่างหนึ่งที่ค่อนข้างยากใช่ไหม?
“ยากมาก ตอนนั้นเสียใจเพราะเราผูกพันกับสังคม เพื่อนที่นู้น เราผ่านอะไรมาด้วยกัน ความลำบาก การต่อสู้ การทำงานมาด้วยกัน เลยเสียใจกับเพื่อน ๆ มีร้องไห้ ตอนกลับมาก็ใช้ระยะเวลาปรับตัวสักพักเลยค่ะ ใช้เวลาด้วย เพราะตอนอยู่ที่นู้น ทานอาหาร การหลับนอนไม่เป็นเวลาเลย กว่าจะรู้สึกว่ากลับมาอยู่ไทยสมบูรณ์แล้วก็เกือบ ๆ ปีเลยค่ะ

ตลอดเวลาที่ผ่านมาแฟนๆคิดถึงเราหนักมาก ได้เห็นกระแสบ้างไหม?
“เห็นค่ะ เห็นแล้วดีใจ บอกตรง ๆ ตอนที่อยู่ที่นั้นไม่มีเวลามาเสพหรือดูอะไรเลย แต่จะมีบางจังหวะที่ทำงานอยู่เจอน้องๆ เพื่อน ๆ หรือใครที่รู้จักเราในอดีตก็ได้กำลังใจพอสมควร เวลาไปทำงานเราก็ยังรักการร้องเพลงอยู่นะ ร้องในห้องครัว ในห้องน้ำ ก็ยังมีความสุข พอกลับมาก็เห็นว่าช่วงนี้เริ่มย้อนกลับไปยุค 90-2000 แล้วเริ่มกลับไปยุคของ 3.2.1. ถ้านับจริงๆ ก็ 10 กว่าปีแล้ว แอบสปอยล์นิดนึงว่าเราจะกลับมา” (ยิ้ม)

พูดถึงความเซอร์ไพร้ส์หลังจากที่ป็อปปี้กลับมาดีกว่า หนึ่งคือกลับมาแล้วอาจจะมีผลงานในวงการได้อีกถูกมั้ย?
“ใช่ค่ะ จริง ๆ ก็โฉบ ๆ มาเรื่อย ๆ รับงานละคร ร้องเพลงประกอบซีรีส์ ออกเพลงของตัวเองด้วย ถ้านับจากหลัง 3.2.1. ก็มีผลงานเป็นของตัวเองประมาณ 3-4 เพลงได้”

แสดงว่าต่อไปเรื่อย ๆ เราอาจจะเห็นมากกว่านี้ อาจจะเป็นอัลบั้มหรืออะไรต่าง ๆ ถูกไหม?
“ใช่ค่ะ อัลบั้มน่าจะเกิดขึ้นค่ะ แต่อาจจะรอดูสถานการณ์ก่อน การรวมตัวก็อาจจะเกิดขึ้นค่ะ ในส่วนของงานแสดงก็มีซีรีส์ที่ไม่แน่ใจว่าออนแอร์ไปหรือยังด้วยความที่เราเป็นฟรีแลนซ์แล้วจะลงตามแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ”

เซอร์ไพร้ส์ที่ 2 ล่าสุดแอบเห็นว่ามาเรียนปริญญาโทแล้ว?
“(ยิ้ม) ใช่ค่ะ ตอนนี้เรียนไปเกินครึ่งทางแล้วค่ะ 70 เปอร์เซ็นต์ เหตุผลที่ตัดสินใจเลยอย่างแรก คือ กลับมาไทยปุ๊บ รู้สึกว่ากำลังค้นหาตัวเองอยู่ จับทางอยู่ว่าเราจะไปทางไหนดี 1 2 3 4 สอง คือ งานในวงการเราไม่ทิ้งแน่นอน แต่ต้องการประกอบอาชีพที่มั่นคงควบคู่ไปด้วย ตั้งใจไว้ตั้งแต่แรกแล้วค่ะ พอมาเป็นแอร์ก็เป็นตัวจุดประกาย เพราะว่าพลิกบทบาทไปทำ Service Industry อยู่ดี ๆ เราก็ตกหลุมรักกับอาชีพที่เกี่ยวกับบริการพอสมควร เหมือนได้ประสบการณ์ชีวิต ได้เรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ทุกวัน การที่เราได้ดูแลคน เจอผู้โดยสาร คนที่ต้องดีลสถานการณ์ก็คือตัวแอร์เอง แต่พอเราทำงาน เข้าใจว่าทุกคนมาจากต่าง Background กัน เช่น ต้องเดินทางไปหาคุณพ่อคุณแม่ที่กำลังรักษาตัวอยู่ อาจจะเกิดความเครียด มันมีหลายมิติมาก จนทำให้รู้สึกว่าอยากเข้าใจมากขึ้น พอเห็นคณะที่ ม.กรุงเทพ เปิดปุ๊บ ก็เลยตัดสินใจสมัครและเรียนเลย ที่เกี่ยวข้องกับ Tourism และ Hospitality โดยตรงค่ะ”

เหมือนศึกษาหลักสูตรต่าง ๆ ของ ม.กรุงเทพ มาพอสมควร ทำไมถึงตัดสินใจเลือกคณะนี้ สาขานี้?
“อย่างแรกก็คือสาขาวิชานวัตกรรมการจัดการการท่องเที่ยวและการบริการตรงใจเรา มนุษยศาสตร์และการจัดการการท่องเที่ยว ต่อให้สถานการณ์โควิดเกิดเอฟเฟกต์หนักใน Industry นี้ แต่เชื่อว่ามันยังเป็นอุตสาหกรรมหลักที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศไทยเรา เพราะเราเป็นประเทศการท่องเที่ยวอยู่แล้ว เราอยากเป็นหนึ่งในคนที่ช่วยขับเคลื่อนเลยตัดสินใจว่าจะเรียนเกี่ยวกับการตลาดด้วย พลิกจากสายที่ป็อปไม่เคยเรียนมาก่อน ยิ่งต้องเรียนแล้วล่ะ เราต้องมีเบสิกตรงนี้เลยตัดสินใจสมัครเลย”

แล้วพอได้มาเรียนแล้ว 70 เปอร์เซ็นต์ที่ผ่านมาเป็นอย่างไรบ้างรูปแบบการเรียนการสอนของมหาวิทยาลัยกรุงเทพ?

“ค่ะ ก็ค่อนข้างประทับใจค่ะ ประทับใจอาจารย์ทุก ๆ ท่านที่นี่ เราเหมือนเป็นเฟรชชี่ที่เพิ่งเข้ามาที่นี่ ได้รับการต้อนรับที่ดีจากเพื่อน ๆ พี่ ๆ น้อง ๆ ที่เรียนด้วยกัน ช่วงที่เราเริ่มเรียนยังเป็นช่วงล็อกดาวน์อยู่ เราเลยเรียนออนไลน์เป็นหลัก การเรียนออนไลน์มันก็มีข้อดีข้อเสีย จากตัวนักเรียนเลยก็เหมือน Work From Home สบายหน่อย ไม่ต้องเดินทาง แต่ว่าอีกมุมหนึ่ง คือ เหมือนเราได้ฝึกสมาธิกับการเรียนมากขึ้น ที่ผ่านมาเราไม่เคยคุ้นชินกับการเรียนออนไลน์มาก่อน แต่ที่นี่จัดการการเรียนการสอนออนไลน์ได้ดีมาก ๆ เลย

เนื้อหาการเรียนยากไหม?
“บางตัวที่ยากค่ะ ด้วยความที่มันแปลกใหม่ อย่างไฟแนนซ์ไรงี้ แต่เราก็พยายามดึงประสบการณ์ที่ผ่านมา ตอนที่เราเป็นนักร้องมันก็เกี่ยวกับงานบริการเหมือนกัน มันคือการ Entertain ทำให้คนดูมีความสุข บวกกับการแชร์ประสบการณ์กับเพื่อน ๆ ในห้อง อาจารย์จะค่อนข้างเน้นการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่อนข้างเยอะในระดับปริญญาโท เราได้เรียนรู้จากน้อง ๆ ที่จบจากทางนี้มาโดยตรง หลาย ๆ อย่างมีการแชร์ความรู้กัน เราเองก็แชร์ความรู้สายการบินที่เราทำมา พอเราเห็นภาพก็สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับการเรียนได้ การแบ่งเวลาน่าจะสำคัญที่สุด ต้องมีวินัยในตนเอง การเรียนปริญญาโทค่อนข้างที่จะมีอิสระ อยู่ที่ตัวเรา แตกต่างจากปริญญาตรีละ ตอนนั้นยิ่งมาเรียนที่มหาวิทยาลัย อาจารย์มาช่วยดูแล มีเพื่อน ๆ ช่วยดูแล มีบรรยากาศห้อมล้อมที่รู้สึกมีแรงกระตุ้นในการเรียน พอเรียนปริญญาโทต้องมีวินัยอย่างแรก สองคือแบ่งเวลา ส่วนใหญ่ทำงานกันแล้วทั้งนั้น ทุกคนต้องแบ่งเวลา โชคดีที่คอร์สเรียนที่นี่ เรียนทุกวันเสาร์ วันจันทร์ถึงศุกร์จะมีเวลาให้เราได้ทำงาน ผ่านมาได้ก็ถือว่าโอเคค่ะ”

การต่อยอดล่ะหลังจากนี้ เราจะนำวิชาจากที่นี่ไปต่อยอดของเราได้ยังไง?
“จริง ๆ ระหว่างทางตอนนี้ ป็อปก็สมัครงานค่ะ ไม่อยากอยู่เฉย ๆ ด้วย เราชินกับการทำงานมาตลอด ช่วงแก๊ป 1 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้ทำอะไรเลยตัดสินใจมาเรียน เราอยากทำอะไร มีความรู้เพิ่มเติมเพื่อเตรียมพร้อม พอเราจะสมัครงานเกี่ยวกับ Service Industry แต่วุฒิของเราปริญญาตรีเป็นวิทยาศาสตร์เคมี การนำไปต่อยอดคงยาก งั้นไม่เป็นไร เราเริ่มนับหนึ่งใหม่ เชื่อว่าอีก 1 ปีข้างหน้าเชื่อว่าบริษัทและเศรษฐกิจจะกลับมาฟื้นตัวแล้ว เราก็อยากไปสมัครและเป็นบุคลากรที่ดีในองค์กรเช่นกันค่ะ

ถ้าแฟน ๆ ของป็อปปี้บางคนที่กำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วยได้มั้ย ป็อปปี้แนะนำนิดนึงได้มั้ย?
“ถ้าใจเรามันได้ (หัวเราะ) ใจพร้อม ทุกคนทำได้ 24 ชม.ในหนึ่งวัน เราสามารถทำอะไรได้หลายอย่างเลยค่ะ ป็อปเชื่อว่าถ้าเรามีการวางแผนแล้วเราทำได้ แล้วประสบความสำเร็จในแต่ละวันเหมือนเป็น Challenge นึงในชีวิต เป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่งในชีวิตเราเลย อยากให้ทุกคนอย่าไปกลัวนะคะ ลองดูค่ะ ต้องเริ่มนับหนึ่งก่อน ไม่ต้องห่วงเลยใครที่อยากเข้ามาเรียนที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ทุกคนพร้อมต้อนรับทั้งอาจารย์ ทั้งเพื่อน ๆ ทุกคนพร้อมที่จะซัพพอร์ตให้เราผ่านไปได้ ทำให้เรียนจบไปได้อย่างภาคภูมิใจค่ะ”

งั้นให้ป็อปปี้ฝากถึงแฟน ๆ นิดนึงว่าจะสามารถติดตามป็อปปี้ได้ที่ไหนบ้าง?
“ถ้าเรื่องการเรียนปริญญาโทก็ได้ที่มหาวิทยาลัยกรุงเทพค่ะ(ยิ้ม)จะออกแบบชะแว้บ ๆ เข้ามา (หัวเราะ) ตอนนี้จะเริ่มออนไซต์แล้วค่ะ เริ่มกลับมาที่มหาวิทยาลัย ในช่องทางต่าง ๆ สามารถติดตามได้ทางโซเชียลมีเดียแพลตฟอร์มต่าง ๆ จะคอยอัพเดทผลงานเรื่อย ๆ นะคะ อย่าเพิ่งลืมกันนะคะ ฝากเนื้อฝากตัวด้วย ป็อปปี้กลับมาแล้วค่ะ เร็ว ๆ นี้จะกลับมาสร้างความสุขให้ทุกคนแน่นอนค่ะ”

แหม…ได้คุยกับสาวป็อปปี้แบบจัดเต็มเลย ทั้งเรื่องการกลับมาทำงานในวงการบันเทิง แนวคิด และการเรียนต่อ เรียกว่าครบถ้วนจริง ๆ และสาวป็อปปี้ก็ถือเป็นคนคุณภาพที่แฟน ๆ ชื่นชอบสุด ๆ อีกด้วย ยังไงก็อย่าลืมซัพพอร์ตสาวคนนี้ไปเรื่อย ๆ นะจ๊ะ

—————————

คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”
โดย “yimyim”