“คุณหาเงินได้มากเท่าไหร่ไม่สำคัญ สำคัญที่คุณเก็บได้มากเท่าไหร่ และให้มันทำงานแทนคุณเท่าไหร่”

กลายเป็นข่าวอาชญากรรมที่อาจไม่ใหญ่โตหรืออยู่ในความสนใจของประชาชนมากนัก เพราะเป็นแค่การจับกุมนักค้ายาเสพติดธรรมดา แต่ในคดีดังกล่าวกลับมีความน่าสนใจบางอย่างซ่อนอยู่ นั่นคือตัวผู้ต้องหาเป็นทายาทราชายาเสพติดระดับตำนานอย่าง “บังรอน”

คดีการจับกุมทายาทราชายาเสพติดรายนี้เกิดขึ้นเมื่อตำรวจ สน.นิมิตรใหม่ นำกำลังเข้าจับกุม น.ส.ละอองดาว หรือวาววา เงินทองฟู อายุ 30 ปี โดยสามารถจับกุมได้ภายในห้องน้ำปั๊มน้ำมัน ปตท.หทัยราษฎร์ 33/1 ถนนหทัยราษฎร์ แขวงบางชัน เขตคลองสามวา กรุงเทพฯ พร้อมของกลาง ยาบ้า 200 เม็ด

เนื่องจากตำรวจได้รับแจ้งจากสายลับว่าจะมีการนัดหมายส่งมอบยาเสพติดกันบริเวณหน้าห้องน้ำปั๊มน้ำมันดังกล่าว จึงวางกำลังเฝ้าสังเกตการณ์ กระทั่งผู้ต้องหาลักษณะตรงตามที่สายรายงาน เดินถือกระเป๋าคาดเอว เข้าห้องน้ำปั๊มน้ำมัน จึงแสดงตัวเข้าตรวจค้นพบของกลางยาบ้าทั้งหมด น.ส.ละอองดาว ให้การรับสารภาพว่า ยาบ้าเป็นของตนจริง

จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงนำตัวไปตรวจสารเสพติด และพบว่าปัสสาวะเป็นสีม่วง โดยเจ้าตัวไม่สมัครใจเข้ารับการบำบัด จึงแจ้งข้อหา มียาเสพติดให้โทษประเภทที่ 1 ไว้ในความครอบครอง และเสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ก่อนนำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี

ซึ่งจุดที่น่าสนใจคือ น.ส.ละอองดาว เป็นบุตรสาวของ นายสุรชัย เงินทองฟู หรือ บังรอน นักค้ายาเสพติดหมายเลข 1 ที่ทางการไทยต้องการตัวมากที่สุด หลบหนีคดีนานเกือบ 20 ปี จนมีค่าหัว 1 ล้านบาท

โดยตอนนั้นในช่วงค่ำวันที่ 14 ต.ค.2541 เจ้าหน้าที่ตำรวจนครบาล 3 นำกำลังปิดล้อมโรงเลื่อยไม้ ภายในชุมชนสุเหร่านาตับ เขตหนองจอก กรุงเทพฯ เพื่อจับกุมขบวนการยาเสพติดรายใหญ่ที่มี “บังรอน” เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง

ในครั้งนั้น ตำรวจมีการยิงปะทะกันกับขบวนการค้ายาเสพติด ซึ่ง บังรอน อาศัยจังหวะชุลมุนที่กำลังปะทะกับเจ้าหน้าที่ฝ่าวงล้อมหนีออกไปได้ ปล่อยให้ลูกน้อง 1 คนเสียชีวิต อีก 3 คนโดนจับ และเมื่อตรวจค้นภายในบ้านพัก ก็พบยาบ้า 778,000 เม็ด มูลค่ากว่า 30 ล้านบาทซุกซ่อนอยู่ เงินสด 272,430 บาท พร้อมอาวุธสงคราม เช่น ปืนเอ็ม 16 ปืน .38 ปืน .22 กล่องระเบิดสังหารเอ็ม 26 จำนวน 2 กล่อง และ บัญชีซื้อขายยาบ้าจำนวนหนึ่ง

เมื่อตรวจสอบ ตู้เซฟที่ยึดได้ ก็พบว่าภายใน มีเงินสด มูลค่า 1,371,610 บาท และโฉนดบ้านไม้สักหลังงามมูลค่า 10 ล้านบาท อีกด้วยและจากเหตุการณ์ที่ตำรวจบุกทลายอาณาจักร ทำให้ บังรอน ต้องหนีหัวซุกหัวซุน ไปหลบอยู่ตามแนวชายแดนไทย-ลาว และ ไทย-เมียนมา สลับกันไปมา

อีกทั้งยังมีการอาศัยอิทธิพลของ นายเหว่ยเซียะอิง น้องชายของ เหว่ยเซียะกัง ราชายาเสพติดชาวว้าแดง ในการลำเลียงยาเสพติดเข้ามาขายในไทย หรือส่งผ่านไปยังชายแดนทางภาคใต้ของไทย เพื่อส่งออกไปประเทศที่ 3

เจ้าหน้าที่ได้พยายามติดตามจับกุมตัวมาตลอด กระทั่งผ่านมาหลายปีก็ยังไม่สามารถจับกุมได้ จนได้รับฉายาว่า “อาชญากรไร้เงา” บางครั้งก็มีกระแสว่าเสียชีวิตแล้วบ้าง บ้างก็ว่าไปผ่าตัดทำหน้าใหม่อยู่ที่ประเทศเพื่อนบ้านบ้าง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ยังไม่มีใครรู้หรือทราบข้อเท็จจริงที่แน่ชัดว่าอาชญากรไร้เงาผู้นี้..อยู่ที่ไหน..เป็นหรือตาย.

*ขอบคุณภาพบางส่วนจากรายการ ข่าวดังข้ามเวลา สำนักข่าวไทย

ตำรวจชุมชนสัมพันธ์

ตรวจเยี่ยม ปชช.
พ.ต.อ.รัตนสุข คำวงศ์ ผกก.สภ.ชุมแพ จ.ขอนแก่น พ.ต.ท.ยุทธนา ทาตะรัตน์ สวป.สภ.ชุมแพ พร้อมชุดปฏิบัติการ Cyber Village สภ.ชุมแพ ออกตรวจเยี่ยมหมู่บ้านตามโครงการ Stronger Together, RTP Cyber Village และขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ “แก่นคูน เกื้อกูล คนขอนแก่น ไม่ทอดทิ้งกัน” ประจำปี 2565 ณ บ้านเหมือดแอ่ หมู่ 2 ต.โนนสะอาด อ.ชุมแพ โดยมี นายมนตรี รินอินทร์ กำนันตำบลโนนสะอาด และเจ้าหน้าที่ อสม. เข้าร่วมกิจกรรม พร้อมกันนี้ได้มอบเงินและสิ่งของอุปโภคบริโภคที่จำเป็นแก่ผู้ป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ จำนวน 3 ราย

*********************************

คอลัมน์ : สน.รอตรวจ
โดย : บิ๊กสลีป