@ การปิดล้อม เพื่อจับกุม และการ ไล่ล่า “กองกำลังติดอาวุธ” ของขบวนการแบ่งแยกดินแดน “บีอาร์เอ็น” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้าที่ได้ผล สามารถ “จับกุม” แนวร่วมผู้ให้ที่ “พักพิง” กับ “กองกำลังติดอาวุธ” ที่เข้ามาเคลื่อนไหวเพื่อเตรียม “ก่อการร้าย” และการ “วิสามัญ” ผู้ที่ต่อสู้โดย “ยอมตาย” แทนการ “มอบตัว” ในพื้นที่ อ.รามัน จ.ยะลา อ.เมือง จ.ปัตตานี…รวมทั้งการ “ลาดตระเวน” เพื่อการ “ไล่ล่า” กองกำลังติดอาวุธ ที่เคลื่อนไหว ตั้งค่ายพักแรม ในพื้นที่ “เชิงเขา” หลัง “หมู่บ้าน” ที่เป็น “ที่มั่น” ของ “บีอาร์เอ็น” โดยกองกำลัง “ทหารพราน” ที่นำโดย พ.อ.อิศรา จันทกระยอม ผบ.กองกำลังทหารพรานจังหวัดชายแดนภาคใต้ แม้จะสามารถ “ยึดค่าย” และ “วิสามัญแกนนำ” ระดับ “หัวหน้า” ได้ 2 ศพ ที่ ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.ปัตตานี …ทางหนึ่งขอ “ชื่นชม” ผู้นำหน่วยของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่ประสบความ “สำเร็จ” ในการ “ปิดล้อม ตรวจค้น” และ “ไล่ล่า” เพราะเป็นการสร้างความ “เชื่อมั่น” ให้กับ “ประชาชน” ในพื้นที่และสร้างขวัญ “กำลังใจ” ให้กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ”….

@แต่อีกทางหนึ่งก็กลายเป็น “เงื่อนไข” ให้มีการ “ต่อต้าน” กำลังของ “ทหาร” ในพื้นที่ โดย “ปีกทางการเมือง” ของ “บีอาร์เอ็น” ที่เป็นกลุ่มของ “ภาคประชาสังคม” ที่เห็นได้ “ชัดเจน” หลังการ “วิสามัญ” ที่ เทือกเขา ต.สาวอ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส แม้ “หลักฐาน” ปรากฏชัดทั้ง “ค่ายพัก” รวมทั้ง “อาวุธ” และ “ผู้ถูกวิสามัญ” ที่มี “หมายจับ” เพียบแต่ “มวลชน” ก็ไม่เชื่อ เพราะมีการ “ไอโอ” จากฝ่าย “ไอโอ” ของ “บีอาร์เอ็น” เพื่อ “ใส่ร้ายป้ายสี” เจ้าหน้าที่รัฐ…และที่ต้องจับตามองมี 2 ประเด็น คือประเด็นแรก มีการ “จัดตั้งมวลชน” ที่เป็น “สตรี” จำนวนมาก เพื่อใช้เป็น “แนวหน้า” บุก “ทะลวง” วงล้อมของ “ทหาร” เพื่อเข้าไป “เอาศพ” ของผู้ถูก “วิสามัญ” โดยอ้างเรื่องของ “เวลา” ในการทำพิธีศพตามหลัก “ศาสนา” ในขณะที่ในทาง “กฎหมาย” ต้องมีการนำศพส่ง รพ. เพื่อการ “ชันสูตร” และมีขั้นตอนการ “ตรวจสอบ” ในกรณีของการ “ปะทะ” และมีการ “วิสามัญ” ปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะ “ย้อนรอย” สถานการณ์ ให้กลับไปสู่ “เหตุการณ์” ในปี 2548-2550 อีกครั้ง ที่ “บีอาร์เอ็น” ให้กำลังของ “สตรี” ไปทำการ “ขัดขวาง” และ “ต่อต้าน” กำลังของ “ทหาร-ตำรวจ” ถามว่า ในวันที่ “มวลชน” ที่เป็น “สตรี” พัง กำแพงของ “ทหาร” เข้าไปเพื่อนำศพ “ผู้ถูกวิสามัญ” วันนั้น “ทหารพรานหญิง” หรือ “กองร้อยน้ำหวาน” หายไปไหน จึงไม่มีการ “ปฏิบัติการ” ต่อ กลุ่มผู้ “ขัดขวาง” การ “ปฏิบัติการ” ครั้งนี้….

@และประเด็นที่สอง ศพของผู้ที่ถูก “วิสามัญ” ถูกนำไปประกอบพิธีทาง “ศาสนา” ในลักษณะที่ผู้เสียชีวิตเป็น “ชาอีด” หรือเป็น “นักรบ” ผู้ “พลีชีพ” ในสงครามการต่อสู้กับ “ศัตรู” ของ “มุสลิม” ไม่มีการ “อาบน้ำศพ” มีการ “แห่แหน” และตะโกน “สดุดี” มีการเข้าแถวทำ “วันทยหัตถ์” มีผู้คนโดยเฉพาะ “เยาวชน” เข้าร่วม “แห่แหน” อย่างมากมาย และทั้งหมดคือ “ไฟแค้น” คือไฟใน “หัวใจ” ที่ถูกจุดขึ้นแล้ว และนำไปสู่ “ไฟสงคราม” โดยอาศัยการ “บิดเบือน” คำสอนของ “ศาสนา” และการ “ไอโอ” ที่สร้างความ “เกลียดชัง” ความ “เข้าใจผิด” ให้กับคนใน “หมู่บ้าน” ในพื้นที่ ถามว่า ถ้า “ปรากฏการณ์” อย่างนี้เกิดขึ้นทุกครั้งที่มีการ “สูญเสีย” ของฝ่าย “บีอาร์เอ็น” และถามต่อกับผู้ “สันทัดกรณี” ว่า นี่คือ “ปรากฏการณ์” ของการที่เรียกว่า “ตาย 1 เกิด 10” และตาย “10 เกิด 100” ใช่หรือไม่ และถ้าใช้ การที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ผู้รับผิดชอบในการดับ “ไฟใต้” ประกาศว่าจะ “ยุติ” ปัญหาของ “ไฟใต้” ในปี 2570 เป็นเรื่องของการ “เพ้อเจ้อ” ใช่หรือไม่….

@อีกเรื่องที่ต้อง “จับตามอง” คือการที่ฝ่าย “ประสัมพันธ์” ของ “บีอาร์เอ็น” ออกมาแถลงข่าว “ทำคลิป” และอื่นๆ ในโลก “ออนไลน์” ในวัน “อีดิ้ลอัฎฮา” เพื่อ “สื่อสาร” กับชนชาว “มลายู” ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ เมื่อวันที่ 10 ก.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งยังมีการ “ปลุกเร้า” คนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ลุกขึ้น “ต่อสู้” เพื่อ “อิสรภาพ” และให้ “ขัดขวาง” การ “พัฒนา” จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยการ “มุ่งเน้น” โจมตีโครงการ “เมืองต้นแบบ” ของรัฐบาล โดยเฉพาะ “เมืองต้นแบบที่ 4 อ.จะนะ” หรือ “นิคมอุตสาหกรรมจะนะ” ที่เป็นการลงทุนของ กลุ่ม “ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์” แสดงให้เห็นชัดเจนว่า “บีอาร์เอ็น” พร้อมร่วมมือกับ “เอ็นจีโอ” และกลุ่มภาคประชาสังคม ผู้นำ “ศาสนา” และ “อื่นๆ” ที่ “เห็นต่าง” กับการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ “ฟันธง” บีอาร์เอ็น ไม่ต้องการให้ประชาชน ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ หลุดพ้นจากความ “ยากจน” บีอาร์เอ็น ต้องให้เห็น คน “มุสลิม” ในพื้นที่ มีคุณภาพชีวิตที่ “ต่ำต้อย” และ “ว่างงาน” เพื่อที่จะใช้เป็น “เงื่อนไข” ในการ “โจมตี” รัฐบาล และต้องการที่จะ “ครอบงำ” มวลชนกลุ่มนี้ให้เป็น “สมาชิก” ของ “บีอาร์เอ็น” เพื่อประโยชน์ในการ “แบ่งแยกดินแดน”

@แต่..น่าเสียดายที่ “รัฐบาล” และ “สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม” ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบในการ “ขับเคลื่อน” เมือง “ต้นแบบ” หรือ “นิคมอุตสาหกรรม” ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา ยัง “มะงุมมะงาหรา” มองไม่เห็นสิ่งเหล่านี้ และยังคง “หวาดหวั่น” กับความ “เคลื่อนไหว” ของ “เอ็นจีโอ” ในการ “ขัดขวาง” มิให้โครงการใหญ่ๆ เกิดขึ้น เพราะถ้าโครงการใหญ่ๆ ประสบความสำเร็จ ทั้ง “บีอาร์เอ็น” และ “เอ็นจีโอ” ที่ “ขัดขวาง” โครงการของรัฐจะ “หมดความหมาย” จะ “ตกงาน” และที่สำคัญ แผนการเพื่อ “แบ่งแยกดินแดน” หรือเพื่อให้เป็น “เขตปกครองตนเอง” จะไม่ประสบความสำเร็จ….เรื่องนี้ แม้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะไม่มีเวลา “ใส่ใจ” เพราะต้อง “วางแผน” ที่จะ “อยู่ยาวๆ” กับการเป็น “นายกรัฐมนตรี” อีก 1 สมัย ในการเลือกตั้งในปี 2566 แต่ “มือรอง” อย่าง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช. “กลาโหม” และ พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผบ.ทบ. ต้องศึกษา และดู “ข้อมูล” ที่เป็นจริง อย่าฟังแต่ “รายงาน” ของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ที่เป็นรายงานที่ “สวยหรู” เช่น สถานการณ์ของ “ไฟใต้” ดีขึ้น การก่อเหตุ “ลดลง” เพราะการก่อเหตุที่ “ลดลง” เป็นเรื่องของ “กระพี้” ไม่ใช่ “แก่นแท้” ของสถานการณ์จริง และที่สำคัญ อย่าฟังแต่ “นายพลนอกราชการ” ที่ กำลัง “หลงใหล” กับ “วาทะ” และ ผลประโยชน์ที่ “องค์กรชาติตะวันตก” ที่เข้ามา “แทรกแซง” เต็มพื้นที่ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ หยิบยื่นให้….ไม่ถามนะ ว่า กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า จะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างไร เพราะถึงถามไปก็ “เปล่าประโยชน์” เพราะถ้า “ทำได้” และ “ทำเป็น” เชื่อเถอะ “ไฟใต้” ไม่ “ลุกโชน” อย่างยาวนานถึง 18 ปี และเป็น 18 ปี ของ “ไฟใต้” ที่ทำให้ “ทุกฝ่าย” ทุกคน ที่เข้ามา เกี่ยวข้องกับเรื่องของ “ไฟใต้” ต่าง “สมประโยชน์” ในสิ่งที่ต้องการเช่น “ตำรวจ, ทหาร ร่ำรวย” และ “เลื่อนยศ” ส่วน ผู้นำองค์กรเอกชน และองค์กร “สิทธิมนุษยชน” บางคน บางองค์กร ได้ “รางวัล” ได้ “ตำแหน่ง” ที่ “ปรารถนา” ด้วยการ “เหยียบย่ำบนซากปรักหักพัง” ของ “บ้านเมือง” และบน “ซากศพ” และ “หยาดเลือด, หยาดน้ำตา” ของประชาชน และเจ้าหน้าที่รัฐ…

@ส่วนประเด็นการ “พูดคุย” ระหว่าง พล.อ.วัลลภ รักเสนาะ หัวหน้าคณะ “พูดคุยสันติสุข” ตัวแทนของ “รัฐบาล” ที่มีข่าวว่าจะเดินทางไป “เจราจา” รอบใหม่กับตัวแทน “บีอาร์เอ็น” ในเดือนกรกฎาคม มีการเลื่อนไปเป็น “ต้นเดือน” สิงหาคม ตามที่ พล.ต.วรเดช เดชรักษา ผบ.ฉก.สงขลา/ผบ.พล.ร.5 ซึ่งเป็นตัวแทน ของ พล.อ.พัลลภ รักเสนาะ ได้เดินทางไป “ประสานงาน” กับฝ่าย “มาเลเซีย” เมื่อวันที่ 5-6 ก.ค. ที่ผ่านมา….. โดยได้กำหนดให้มีการ “พูดคุยสันติสุข” ครั้งที่ 5 ในวันที่ 1-2 ส.ค. ซึ่งตัวแทนของ “บีอาร์เอ็น” ยังเป็น นายหิพนี มะเระ เช่นเดิม โดย “ฝ่ายไทย” จะนำข้อเสนอของกลุ่ม “ไทยพุทธ” เข้าสู่ “เวที” ของการ “พูดคุย” เพื่อให้ “บีอาร์เอ็น” รับข้อเสนอที่จะสร้าง “สันติสุข” ในห้วงของเทศกาล “เข้าพรรษา” เช่นเดียวกับการ “หยุดยิง” ในห้วงของเดือน “รอมฎอน” ที่ผ่านมา เพราะกลุ่ม “ไทยพุทธ” ในพื้นที่ มี “ส่วนได้ส่วนเสีย” ในสถานการณ์ที่เกิดขึ้น…

@และเป็นอีกหนึ่ง “เรื่องราว” ที่ต้อง “จับตามอง” คือคดีที่ “นิพนธ์ บุญญามณี” รมช.มหาดไทย ถูก ป.ป.ช. ลง “มติ 5 ต่อ 2” ในความผิดกฎหมาย 157 เรื่องไม่จ่ายเงินให้กับ บริษัทผู้ “ชนะการประมูลรถซ่อมอเนกประสงค์” ในสมัยที่ “นิพนธ์” เป็น นายก อบจ.สงขลา และแม้ว่าสุดท้าย บริษัทผู้ชนะการประมูลและบริษัท “คู่เทียบ” จะถูกศาลทุจริตฯภาค 9 สั่งให้ออกหมายจับ เพราะมีความผิดใน “กฎหมาย” ว่าด้วยการ “ฮั้วประมูล” โดยไม่ส่งคดีให้ศาลทุจริตฯ ภาค 9 เป็นผู้ “ไต่สวน” แต่จะส่งฟ้องศาลทุจริตฯ กลาง เป็นผู้ทำคดีแทน โดยอ้างว่า นิพนธ์ บุญญามณี  รมช.มหาดไทย เป็นผู้ที่มี “อิทธิพล” กลัวว่าการให้ศาลทุจริตฯ ภาค 9 ทำคดีนี้ “นิพนธ์” จะไป “ยุ่งเหยิง” หรือ “แทรกแซง” ในการทำหน้าที่ของศาล การกล่าวเช่นนี้ นอกจาก “นิพนธ์” จะเป็นผู้เสียหายแล้ว ศาลทุจริตฯ ภาค 9 ก็เสียหายด้วย ใช่หรือไม่ใช่ ….และเรื่องนี้ต้องมี “นัย” แอบแฝงอยู่เบื้องหลังที่ไม่ “ธรรมดา” เพราะการอ้างว่า “นิพนธ์” เป็นผู้มี “อิทธิพล” ต้องถามชาวบ้าน ใน จ.สงขลา ดูว่า “นิพนธ์” เป็นผู้มี “อิทธิพล” จริงหรือไม่ “นิพนธ์” เป็นนักการเมืองผู้ “กว้างขวาง” แต่ไม่ใช่ผู้มี “อิทธิพล” เพราะไม่เคยมีคดี “บุกรุกป่า, ค้าของเถื่อน” เจ้าของ บ่อนการพนัน และ “บงการ” ให้ “ฆ่าคน” ถ้า “นิพนธ์” เป็นผู้มี “อิทธิพล” และต้องส่ง “สำนวน” ให้ศาลทุจริตฯ กลาง เป็นผู้ “ไต่สวน” ต่อไป ทุกคดีของ “นักการเมือง” มิต้องย้ายไปพิจารณาที่ศาล “ส่วนกลาง” ทั้งหมดหรือ เพราะผู้ที่เป็น “นักการเมือง” ล้วนแต่เป็นผู้ “กว้างขวาง” ซึ่งหากถูกตีความว่า นี่คือผู้ที่มี “อิทธิพล” ศาลทุจริตฯ ที่ตั้งอยู่ในภาคต่างๆ ก็ไม่ต้อง “ไต่สวน” เพื่อ “พิจารณา” คดีของ “นักการเมือง” อีกต่อไป อย่างนั้นหรือ….

@ยังแก้ “ไม่ตก” ยังหา “ทางออก” ไม่เจอ คือเรื่อง “น้ำมันแพง” ที่เป็น “ต้นเหตุ” ในการทำให้ทุกอย่างนำไปสู่การ “แพงทั้งแผ่นดิน” และผลกระทบที่ทำให้ “จนทั้งแผ่นดิน” วันนี้ ผลกระทบเรื่อง “น้ำมันแพง” ลามไปยัง “ข้าราชการ” ที่ “ปกติ” จะไม่ “หือไม่อือ” กับความเดือดร้อนของ “ประชาชน” แต่ วันที่น้ำมันแพงมาตั้งแต่เกิด “สงครามรัสเซีย-ยูเครน” ปาเข้าเดือนที่ 5 ข้าราชการจำนวนมาก ที่ต้อง “เดินทาง” แบบ “เช้า-เย็น” กำลังจะรับกับสภาพ “น้ำมันแพง” ไม่ไหว เพราะ “เงินเดือน” ครึ่งหนึ่งกลายเป็นค่า “น้ำมันรถยนต์” มีการ “วิ่งเต้น” หา “เส้นสาย” เพื่อการ “โยกย้าย” กลับไปทำงานที่ “ใกล้บ้าน” ผลกระทบที่เกิดขึ้นคือการทำให้ “ประสิทธิภาพ” และ “ประสิทธิผล” (ที่ไม่ค่อยมีอยู่แล้ว) ย่ำแย่กว่าเดิม และเรื่องอย่างนี้ ก็เป็นอีกเรื่องที่ “นายกรัฐมนตรี” และ “เสนาบดี” และ “ปลัดกระทรวง” ตลอดจนถึง “อธิบดี” ที่นั่งอยู่บน “หอคอยงาช้าง” ไม่มีวันที่จะรู้ถึงความเดือดร้อนของ “ข้าราชการ” ชั้นผู้น้อย…แล้วทำไม “ไม่นั่งรถประจำทาง” นายกรัฐมนตรีอาจจะถามอย่างนี้ ก็ตอบว่า วันที่ “น้ำมันแพง” แบบไม่เคยเป็นมาก่อน “รถประจำทาง” หยุดวิ่ง และทิ้งระยะของการ “ปล่อยรถ” เพื่อความอยู่รอดของ “ผู้ประกอบการ” อ้าวแล้วทำไม “ขนส่งจังหวัด” ไม่ดำเนินการ “เอาผิด” กับ “ผู้ประกอบการ” ที่เป็นผู้รับ “สัมปทาน” เส้นทาง เรื่องนี้ก็ต้องไปถาม “อธิบดี” กรมการขนส่งทางบก ว่า “ขนส่งจังหวัด” เคย “ใส่ใจ” กับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่…..

@เตือนจาก ภิรมย์ นิลทยา ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ถึง เกษตรกร พ่อค้า และ “ล้ง” ที่รับซื้อ “ทุเรียน” ใน จ.ยะลา ใน ฤดูการเก็บเกี่ยวผลผลิต ถ้าใครนำทุเรียนอ่อนมาขาย และถูก “ตรวจพบ” จะมีโทษถึงขั้น “ติดคุก” เจ้าของสวน พ่อค้า และ “ล้ง” ที่เห็น “แก่ได้” ได้ยิน ได้อ่าน แล้ว ปฏิบัติตามด้วย อย่าให้ต้องใช้ “ไม้แข็ง”…..

@ในที่สุด ก็มีคำตอบที่ “ชัดเจน” ว่า เมือง “ชายแดน” ทุกเมือง ของจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าจะเป็น “สุไหงโก-ลก” และ “ตากใบ” จ.นราธิวาส “เบตง” จ.ยะลา และ “หาดใหญ่, สะเดา” จ.สงขลา อยู่ได้ด้วย “นักท่องเที่ยว” ชาว “มาเลเซีย” เพราะหลังการ “เปิดประเทศ” ทุกเมืองที่กล่าวมา “คึกคัก” ใน “วันหยุด” ด้วยนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย เงิน “ริงกิต” จึงมีการ “สะพัด” อีกครั้ง พ่อค้า แม่ค้า ต่าง “หน้าชื่น” ไปตามๆ กัน งาน “อีเวนต์” ที่จัดให้มีขึ้นโดยองค์กร “เอกชน” ด้วยการ “สนับสนุน” จาก “ภาครัฐ” เป็นการช่วย “กระตุ้น” ให้บ้านเมืองมี “สีสัน” สิ่งสำคัญคือเมื่อรู้ว่า “เป้าหมาย” คือ คนมาเลเซีย ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ต้องช่วยกันสร้าง “ภาพลักษณ์” ที่ดี และไม่ “เอาเปรียบ ไม่ฉวยโอกาส” ในการ “ตักตวง” เอาแต่ประโยชน์ “เฉพาะหน้า” โดยไม่คิดถึง “อนาคต” ที่สำคัญ ชาวมาเลเซียที่เดินทางมา “ท่องเที่ยว” และ “จับจ่ายใช้สอย” ในเมืองชายแดนเหล่านี้ เป็นเพราะพวกเขาก็ “เบี้ยน้อยหอยน้อย” เช่นกัน เมืองชายแดนไทย จึงเป็นประเทศเดียวที่เหมาะกับ “กระเป๋าเงิน” ของพวกเขา ฉะนั้น อย่า “ขูดรีด” และ “คดโกง” จนเขารู้สึกว่าถูก “โกง” ถูก “เอาเปรียบ” โดยเฉพาะ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ตั้งแต่ “ตรวจคนเข้าเมือง” และ “ศุลกากร” รวมทั้ง “ตำรวจ” ที่เห็นชาวมาเลเซียเป็น “หมู” โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนบ้าน “ด่านนอก” ต.สำนักขาม อ.สะเดา จ.สงขลา ที่ข้าราชการยัง “ประพฤติ ปฏิบัติ” แบบ “เดิมๆ” ด้วยการใช้กฎหมาย ตำแหน่ง หน้าที่ “ข่ม ขู่ รีดไถ” หรือให้ “นายหน้า” เป็นผู้ ดำเนินการแทนหาผลประโยชน์ ถ้าหยุดได้ ก็ควรหยุด เพื่อเห็นแก่ “บ้านเมือง” ที่กำลังจะ “ฟื้นตัว”…..

@แต่ในส่วนที่ผู้ประกอบการ สถานบันเทิง ร้านขายอาหารที่ “ฉวยโอกาส” ในการทำผิด “กฎหมาย” จาก “ร้านขายอาหาร” เป็น “บาร์” เป็น “คลับ” ที่มี “นักร้อง นักดนตรี” และเปิด “เกินเวลา” โดยเฉพาะใน “วันหยุด” ที่ “หลายแห่ง” เปิดกัน “สว่างคาตา” และอาจจะมีเรื่อง “สารเสพติด” ด้วย ตรงนี้ เจษฎา จิตรัตน์ “พ่อเมือง” สงขลา ต้องกำชับฝ่ายปกครองให้ทำการ “เข้มงวด” เช่นเดียวกับ พล.ต.ต.อาชาน จันทร์ศิริ ผบก.ภ.จว.สงขลา ต้อง “สั่งการ” ให้พื้นที่ สภ.คอหงส์ อ.หาดใหญ่ และสถานบันเทิงที่ “ด่านนอก” อ.สะเดา จ.สงขลา ให้ “ปฏิบัติ” ตาม “กฎหมาย” อย่าทำเหมือนบ้านเมือง “ไม่มีขื่อไม่มีแป” ทุกอย่างใช้เงิน “ฟาดหัว” ได้หมด….

@เรื่องความเดือดร้อนของชาวสวนยาง ที่ถามว่าสาเหตุอะไร ที่อยู่ๆ ราคายางพาราจึง “ตกพรวดๆ” กว่า 10 บาท/กิโลกรัม ทั้งที่ “ฝนตก” ทั้งปี ผลผลิตออกสู่ตลาดไม่มาก และที่สำคัญราคา “น้ำมัน” ที่ “แพงมหาโหด” ต้องทำให้ ราคายางแพงขึ้นด้วย เพราะ “ยางสังเคราะห์” จะมีราคาแพงตามราคา “น้ำมัน” แต่ยังไม่เห็น จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ตอบให้ “ชาวสวนยาง” หาย “ข้องใจ” และสิ่งที่อยากจะบอกให้ “เสนาบดี” กระทรวงพาณิชย์ ได้ทราบข้อเท็จจริงอีกข้อคือ “ราคา ซื้อ-ขาย” ที่ “ตลาดกลาง” รายงานในแต่ละวัน เช่น ราคา “น้ำยางสด” กิโลกรัมละ 52 บาท นั้น ชาวสวนยาง ขาย “น้ำยางสด” ให้กับ “พ่อค้าคนกลาง” กิโลกรัมละไม่เกิน 49 บาท เท่านั้น ไม่ได้ขายในราคา กก.ละ 52 บาท ตามที่เข้าใจ เรื่องอย่างนี้ เชื่อว่า “นักการเมือง” ไม่มีวันรู้ และ “ข้าราชการประจำ” ก็ไม่มีวันเข้าใจ….เช่นเดียวกับวันนี้ ราคาผลปาล์มสด ร่วงลงไป กก.ละ 6.50 บาท/กิโลกรัม จากที่เคยแพงถึง กก.ละ 12.50 ถามว่า ในเมื่อ ราคา “ผลปาล์ม” ร่วงลงมาแล้ว แต่ทำไม “น้ำมันปาล์ม” ที่ขายในท้องตลาดยังไม่ลดลงมา ตรงนี้ “เสนาบดี” กระทรวง “พาณิชย์” และ “อธิบดี” กรมการค้าภายใน ต้องตอบให้ประชาชนเข้าใจด้วย อย่าทำ “มึน” อย่าทำ “เฉย” เหมือนประชาชนเป็น “หัวหลักหัวตอ”…. 

@ที่ “หาดใหญ่” สงขลา ราคา “ไก่สด” ถูกปรับราคาขึ้นจาก กก.ละ 50 บาท ไปเป็น กก. 80 บาท โดย “ผู้ประกอบการ” อ้างว่า “ต้นทุน” ที่รับมาจาก “บริษัท” สูงขึ้น ทำเอาผู้ “บริโภค” ร้อง “จ๊ากๆ” กันเป็นแถว เพราะในประเภทอาหารที่เป็น “โปรตีน” เมื่อเทียบกับ “หมู, เนื้อ” และ “ปลา, ไก่” เป็น “โปรตีน” ที่มีราคา “ต่ำ” ที่สุด แต่เมื่อ “ไก่” มีราคาแพงขึ้น เชื่อว่า อาหาร “จานเดียว” ที่เป็นอาหารของ “คนจน” ต่อไปคงจะมีแต่ “วิญญาณ” ของ “ไก่” เท่านั้น เรื่องนี้ “พาณิชย์จังหวัด” ฉัตรสุดา ชุมแสง รู้เรื่องกับเขาหรือไม่ หรือหน้าที่ของ “พาณิชย์” จังหวัดให้ความสำคัญกับการ “ตรวจสอบบริษัท, ห้างร้าน” ว่า ใครบ้างที่ส่ง “งบดุล” ล่าช้า เพื่อออก “จดหมาย” เรียกให้ไปเสียค่าปรับเท่านั้น ส่วนเรื่องการ “ขึ้นราคาของสินค้า” ไม่มีใคร “สนใจ” ก็ใช่ซินะ บริษัทผู้กำหนดราคา “ไก่สด” ของบ้านเรา ก็มีเพียง 2 บริษัทเท่านั้น ถ้าไม่ใช่ “ซีพี” ก็ “เบทาโกร” แค่ชื่อ กระทรวงพาณิชย์ก็ “งอขี้กล้อง” แล้ว….

@ความ “ยุติธรรม” ในประเทศนี้มีอยู่จริงหรือไม่ ถ้ายังมีอยู่ ทำไม พ.ต.ท.ยงยศ เทียมประชา อดีตตำรวจ “มือปราบ” ที่ทำคดีจับ “น้ำมันเถื่อน” ของผู้มี “อิทธิพล” เมื่อ 20 กว่าปีก่อน จึงไม่ได้รับความ “เป็นธรรม” เพราะแม้แต่ “รางวัลนำจับ” ที่ กรมศุลกากรต้องมอบให้ หลังการ “ขายทอดตลาด” น้ำมันที่เป็น “ของกลาง” เพียงไม่มากนัก ก็ยังถูก “กลั่นแกล้ง” ไม่ยอมจ่าย โดยอ้างว่าได้มีการส่งเงินคืน “กรมบัญชีการ” ไปแล้ว เพราะไม่สามารถ “ติดต่อ” ให้ไปรับเงิน “รางวัล” ได้ ก็จะติดต่อได้อย่างไร ในเมื่อ “กรมศุลกากร” โดย “ศุลกากร จ.สตูล” ที่เป็นเจ้าของเรื่อง เป็นท้องที่เกิดเหตุ ไม่ได้แจ้งให้ “เจ้าตัว” ได้รับทราบ แต่แจ้งให้ สภ.เมืองสตูล เป็นผู้ดำเนินการ ในขณะที่คดีนี้ “ศาล” ตัดสินให้ “ขายของกลาง” และ “จ่ายเงินให้ผู้เกี่ยวข้อง” ผ่านมาแล้วกว่า 10 ปี แต่ “กรมศุลกากร” ดอง “เงินรางวัล” ไว้เฉยไม่ยอมจ่าย วันนี้ พ.ต.ท.ยงยศ เป็นข้าราชการ “เกษียณ” อายุ 80 กว่า อาศัยเงิน “บำนาญ” เพียงไม่กี่บาทในการ “เลี้ยงชีพ” กับ “ภรรยา” ในหมู่บ้าน “จัดสรร” เล็กๆ และ “รอคอย” ที่จะได้รับเงิน “รางวัล” จากการ “ขายทอดตลาด” ของกลาง แต่สุดท้าย “ศุลกากร” ตอบสั้นๆ ว่า “เงินรางวัล” ส่งคืนให้ “กรมบัญชีการกลาง” แล้ว ให้ “คนแก่” คนหนึ่งกับ “คู่ชีวิตแก่ๆ” ไป ค้นหา “หลักฐาน” จาก “ไปรษณีย์” เพื่อเป็นการ “ยืนยัน” ว่า ไม่ได้รับ “เอกสาร” ที่ส่งให้ไปรับเงิน “รางวัล” อนาถนะ ประเทศนี้ ก็ถาม สมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรี “ยุติธรรม” ว่า ความ “ยุติธรรม” ยังมีอยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่จริง ทำไม พ.ต.อ.ยงยศ จึงถูกทิ้งเหมือนคนที่ “ไม่มีคุณค่า”….

@สมเพชร เสาร์คำ ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ จ.สงขลา ไปขอ “สัมภาษณ์” อภัย ภัยมณี ผอ.รร.พะตงประธานคีรีวัฒน์ ต.พะตง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา มีการแจ้งกับ รปภ.ตามขั้นตอน แต่ถูก ครู และกรรมการสถานศึกษาศึกษา กลุ่มหนึ่ง กล่าวหาว่า “นักข่าวปลอม” จึงทำการ ยึดโทรศัพท์มือถือ กักตัว ไว้ที่บริเวณโรงเรียน 2 ชั่วโมง ข่มขู่จะพาไปกิน “โต๊ะจีน” พร้อมนำตัวส่ง สภ.ทุ่งลุง เรื่องแบบนี้ ไม่ควรเกิดใน “สถานศึกษา” ที่ได้ชื่อว่าเป็นที่ “สร้างคน สร้างชาติ” หวังว่า อภัย ภัยมณี จะดำเนินการให้ความเป็นธรรมกับ “นักข่าว” ที่เข้าไป ปฏิบัติหน้าที่ตามขั้นตอน และขอให้ ดร.พรศักดิ์ จินา ศึกษาธิการจังหวัด สอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อ “เอาผิด” กับกลุ่มครู และกรรมการสถานศึกษา ที่ “ลุแก่อำนาจ” เพื่ออย่าให้เกิดขึ้นกับสถานศึกษาอื่นๆ อีกต่อไป….

@บรรทัดนี้ของสื่อไปถึง ดร.สัญญา ศรีวิเชียร นายกเทศมนตรีเทศบาลนครตรัง ถึง กรณีนักแข่ง จยย.ชนนักเรียนเสียชีวิต มีการจ่ายค่าเยียวยาเพียง 1 แสนบาท ให้กับครอบครัวผู้เสียชีวิต ทำไมค่าชีวิตของเยาวชนคนหนึ่ง จึงถูกยิ่งว่า “ควายไทย” เท็จจริงเป็นอย่างไร ต้องชี้แจงให้ชัด เพราะมีข่าวว่ามี “ไอ้โม่ง” งาบเงินบางส่วน “เข้าพกเข้าห่อ” ตนเอง…ส่วน ส.ท. ที่ประพฤติตัวไม่เหมาะสม กับ “สื่อมวลชน” ที่ไปทำข่าวด้วยการ “ตบกล้อง” และกล่าววาจาแบบ “สถุน” แม้จะมีการร้องเรียนจากผู้เสียหายไปแล้ว แต่ก็ไม่มีความคืบหน้าว่ามีการ “จัดการ” อย่างไรกับ “ส.ท.” คนดังกล่าว เรื่องคน “ตรัง” ให้ความสนใจและรอ “คำตอบ” จากผู้บริหารเทศบาลนครตรังอยู่นะ….สมาชิกสหกรณ์ออมทรัพย์ตำรวจจังหวัดพัทลุง ขอบคุณ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ดำเนินคดีกับ ผู้บริหารสหกรณ์ฯ ที่โกงเงินสหกรณ์ฯ เกือบ 4,000 ล้าน วันนี้มีผู้ถูกออกหมายจับไปแล้วกว่า 40 คน และ ยึดทรัพย์ได้แล้ว กว่า 400 ล้านบาท เยี่ยม …แล้วพบกันใหม่วันศุกร์หน้า ครับ

—————————————————————– 

ไชยยงค์ มณีพิลึก 

พระผู้ควรกระทำอัญชลี.    พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เป็นประธานในกิจกรรมถวายสักการะยกย่องพระเถระ “ผู้ควรกระทำอัญชลี” 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ครั้งที่ 5 ณ ศาลาการเปรียญ วัดธารากร ต.เจ๊ะเห อ.ตากใบ จ.นราธิวาส 

อุปสมบทหมู่.    พล.ต.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ รองแม่ทัพน้อยที่ 4/รอง ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นประธานในพิธีอุปสมบทหมู่เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ประจำปี 2565 ณ วัดเมืองยะลา พระอารามหลวง 

สันนิบาตเทศบาล.   นิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย เป็นประธานเปิดการประชุมสันนิบาตเทศบาลภาคใต้ ณ ห้องประชุมโรงแรมบรรจงบุรี อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี เน้นย้ำ ท้องถิ่นต้องเป็นเอกภาพ 

บัตรสวัสดิการ.  ร.ต.อ.อรุณ สวัสดี  สมาชิกสภาผู้แทนราษฏรเขต 4 สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่เเนะนำวิธีการกรอกข้อมูลสำหรับการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จะเปิดรับลงทะเบียนใหม่ในเดือนสิงหาคมนี้ ณ  ศาลาอเนกประสงค์ เทศบาล ต.บ่อตรุ อ.ระโนด จ.สงขลา 

ผ้าป่าสามัคคี.   นิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย นริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ ร่วมฉลองเสนาสนะและทอดผ้าป่าสามัคคี ณ สำนักสงฆ์ควนคำทอง บ้านท่าดินแดงตก หมู่ 6 ต.ป่าบอน อ.ป่าบอน จ.พัทลุง 

ร่วมเป็นเกียรติ.   พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ/เลขาธิการพรรคประชาชาติ เดินทางมาเป็นเกียรติงานมงคลสมรส บุตรชายของ เศรษฐ์ อัลยุฟรี นายก อบจ.ปัตตานี ณ โรงแรมทาวน์อินปาร์ค อ.เมือง จ.ปัตตานี 

ปฏิบัติการพิเศษ.   พล.ต.เฉลิมพร ขำเขียว ผู้บัญชาการกองพลทหารที่ 15/ผู้บังคับหน่วยเฉพาะกิจนราธิวาส ลงพื้นที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ค่ายกัลยาณิวัฒนา ตำบลกะลุวอ อำเภอเมือง จังหวัดนราธิวาส เพื่อเข้าตรวจเยี่ยมติดตามความคืบหน้าการปฏิบัติงาน ของปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา และรับฟังข้อมูลเหตุการณ์ปะทะเขาบือเล็ง ในพื้นที่อำเภอรือเสาะ จังหวัดนราธิวาส พร้อมทั้งรับฟังการฝึกทบทวน หน่วยปฏิบัติการพิเศษร่วมป่าภูเขา ของหน่วยเฉพาะกิจยะลา (หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47, หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 30) 

เปิดสวนทุเรียน.    พล.ท.เกรียงไกร ศรีรักษ์ แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ทำกิจกรรมเปิดสวนทุเรียน ชมการเก็บเกี่ยวทุเรียนของเกษตรกรในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้  ที่ ต.ทรายขาว โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยมี อาดัม บาเหมบูงา กำนัน ต.ทรายขาว ให้การต้อนรับ 

ของดีกระแสสินธุ์ .   ไพเจน มากสุวรรณ์  นายก อบจ.สงขลา เปิดงาน “กินกุ้งกรามก้าม ของดีกระแสสินธุ์” เพื่อส่งเสริมอาชีพให้กับพี่น้องเกษตรกรที่ทำประมงพื้นบ้านต่อไป ณ บ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์วัดแหลมบ่อท่อ อ.กระแสสินธุ์  จ.สงขลา 

ช่วยกีฬาสี.    อาหมัด รามันห์ศิริวงค์ ผู้สื่อข่าว เดลินิวส์ จ.ยะลา/กรรมการบริหารสมาคมหนังสือพิมพ์ภาคใต้แห่งประเทศไทย เป็นตัวแทนร้านมาดาม สเกล สปา แอนด์ ซาลอน มอบน้ำดื่มเพื่อร่วมกิจกรรมกีฬาสี วันตรุษอีดิ้ลอัฎฮา ที่ ต.อาซ่อง อ.รามัน จ.ยะลา 

บริจาคเงินช่วยเหลือผู้พิการ.    ดร.สมมาตร แก้วมณี  นายก อบต.รำแดงเ อ.สทิงพระ จ.สงขลา เป็นตัวแทนบริจาคเงินช่วยน้องผู้พิการเป็นเงินจำนวน 2,000 บาท โดยผู้ใจบุญเป็นคนตระกูลดั้งเดิมอยู่ในตำบลรำแดง ที่ไม่ประสงค์จะออกนาม 

ลอยแพสะเดาะเคราะห์.    กระจายศักดิ์ ศรีสงค์ นายกเทศบาลตำบลบ่อตรุ อำเภอระโนด จัดงานประเพณีลอยแพสะเดาะเคราะห์ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่ประกอบอาชีพเกี่ยวประมง ให้มีพลังในการทำอาชีพต่อไป ณ ชายทะเลบ่อหูด ตำบลวัดสน อำเภอระโนด จังหวัดสงขลา 

สนับสนุนเมืองกีฬา : ถาวร สุขสว่างผล ผู้อาวุโสด้านกีฬาและทีมงาน ตำบลเท่าข้าม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ประกอบด้วย คณะกรรมการกองทุนหมู่บ้าน, สถาบันการเงินชุมชน และกลุ่มออมทรัพย์เยาวชนบ้านท่าข้าม ได้จัดซื้อเสื้อพร้อมรณรงค์การเล่นกีฬาในพื้นที่หมู่บ้าน พร้อมทุกคนมีส่วนร่วมและออกกำลังกายเล่นกีฬาสนองนโยบายและสนับสนุน สงขลาเมืองกีฬา (Songkhla sports city) 

เปิดศูนย์เรียนรู้.    โรงแรมเรือรัษฎา อ.เมืองตรัง โดย สำนักงาน ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง ร่วมกับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาตรัง เขต 1 เขต 2 ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดตรัง เปิดศูนย์การเรียนรู้ต่อต้านทุจริตในรูปแบบออนไลน์ตามหลักสูตรต้านทุจริตศึกษา โดยมี ราม วสุธนภิญโญ ผอ.ป.ป.ช.ประจำจังหวัดตรัง นางชุลีกร ทองด้วง ผอ.สพป.ตรัง เขต 1 น.ส.นิอร ศรีสุนทร สพป.ตรัง เขต 2 พร้อมด้วยครูผู้สอน จำนวน 120 คน เข้าร่วมในการประชุม รับหลักการนำเข้าสู่ระบบการเรียนการสอน 

เฉลิมพระเกียรติ.   ไพบูลย์ โอมาก รองผู้ว่าราชการจังหวัดตรัง เป็นประธานพิธีเปิดโครงการปล่อยปูม้า 12 ล้านตัว เฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิต์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2565 ณ ธนาคารปูม้าบ้านนาชุมเห็ด  หมู่ที่ 2 ตำบลตะเสะ อำเภอหาดสำราญ จัดโดย ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดตรัง 

เจ้าแม่ทับทิม.   มุขตาร์ มะทา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดยะลา มอบหมาย เฉลิมพล เรืองเริงกุลฤทธิ์ รองนายก พร้อม ด้วยรุ่งกานต์ สิริรัตน์เรืองสุข รองปลัด สมาชิสภา เจ้าหน้าที่ ครู นักเรียนโรงเรียน ในสังกัดร่วมเชิญองค์เจ้าแม่ทับทิมและองค์เทพต่างๆ ประทับเกี้ยวห่ม ขึ้นรถออกแห่รอบเขตเทศบาลนครยะลา เพื่อสักการบูชา ณ ศาลเจ้าแม่ทับทิมยะลา อำเภอเมืองยะลา จังหวัดยะลา