กลายเป็นอีกเรื่องที่ย้อนกลับมาเขย่าวงการสีกากี สั่นสะเทือนไม่น้อย

ถึงแม้กำลัง ตำรวจ 191 จะโชว์ปฏิบัติการจู่โจมจับกุม บ่อนพนันบัคคารา บริเวณชั้นใต้ดินตึกใจกลางเมืองกรุง พื้นที่ของโรงพักสุทธิสาร ช่วงปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ดูเหมือนเรื่องจะจบลงง่ายๆ เพียงแค่จับกุมผู้กระทำผิดดำเนินคดีเท่านั้น

คดีนี้ 52 ผู้ต้องหาที่ถูกจับกุม บริเวณชั้นใต้ดินตึกทาวเวอร์หรู สูง 27 ชั้น ภายในซอยรัชดาภิเษก 18 แขวง-เขตห้วยขวาง เป็น ชาวจีน 22, เมียนมา 14, มาเลเซีย 2 และ คนไทย 14 คน ภายในบ่อนกะทัดรัด มีโต๊ะบัคคารา เรียงรายให้เลือกเล่น ยึดของกลางเป็นเงินสดได้กว่า 4 ล้านบาท พร้อมอุปกรณ์การเล่นกว่า 30 รายการ

น่าฉงนจู่ ๆ ทำไมมี “ต่างชาติ” มาถูกจับในบ่อนแห่งนี้มากกว่าชาวไทยเสียอีก ที่สำคัญมีชาวจีนมากถึง 22 คน!!

กลายเป็นว่า หลังจากประเทศไทย เริ่มคลายล็อกโควิด-19 เพียงแค่เดือนเศษ ๆ เท่านั้น บรรยากาศสถานบันเทิงแหล่งท่องเที่ยวหลายแห่งทั่วประเทศเริ่มกลับมาเปิดบริการคึกคักอีกครั้ง แต่ไม่วายมี บ่อนพนัน มั่วนิ่มลักลอบแอบมาเปิดบริการด้วย

แถมใจกล้าบ้าบิ่น เปิดเย้ยฟ้าท้าดินใจกลางเมืองหลวง ย่านห้วยขวาง-รัชดาฯ บริเวณที่ถูกขนานนามว่าเป็น ไชน่าทาวน์ 2 งานนี้เลยไม่พลาด ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เจ้าถิ่นในพื้นที่ห้วยขวาง-รัชดาฯ ออกมาจัดหนักในเฟซบุ๊กว่า เป็นเพียงแค่ ผักชีโรยหน้า จับกุมก่อนศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ พร้อมยังเปิดโปงด้วยว่า บ่อนนี้เป็นของ “ต.” มีนายทุนใหญ่เป็น ชาวจีน กระเป๋าหนัก หลังจบอภิปรายก็คงจะกลับมาเปิดเหมือนเดิม

หลังจากออกมาเล่าจุดประเด็นไปว่า เริ่มมีกลุ่ม นายทุนจีน เข้ามาทำ ธุรกิจสีเทา เปิดบ่อนละแวกไชน่าทาวน์ 2 ถัดมาอีก 1 สัปดาห์ ชูวิทย์ ตัดสินใจออกมาแถลงให้ข้อมูลอีกรอบกับสื่อมวลชน ที่โรงแรมเดวิสสุขุมวิท 24 เปิดโปงกลุ่มทุนนักธุรกิจจีนฮุบธุรกิจสีเทาในไทย นอกจากทำบ่อนแล้ว ยังมี ผับใหญ่ ใจกลางกรุงเทพฯ ปิดตี 4 เจ้าของผับมีนายทุนจีนหนุนหลัง ชื่อ “ด.” เปิดมานานจนเหมือนเป็นคนไทย เปิดใหญ่ไม่เกรงใจใคร

“คนจีนบุกธุรกิจสีเทาของไทย ซึ่งทุนจีนเข้ามาครอบงำธุรกิจสีเทา อย่างบ่อนการพนัน ผับ บาร์ โดยใช้เงินถึง 4-5 ร้อยล้านที่เข้ามาอย่างไม่ถูกต้องเพื่อเข้ามาฟอกเงิน ขอถามว่าได้ไปดูเส้นทางการเงินของกลุ่มคนพวกนี้หรือไม่ และใครเป็น นอมินี คนไทยประเทศไทยได้อะไรจากสิ่งเหล่านี้ ขอเตือนสติ!!”

แต่ละดอกที่ชูวิทย์ ออกมาเปิดโปงแบบตรงประเด็นครั้งนี้ ต้องจับตาดูว่า ปัญหาธุรกิจสีเทา ๆ ของกลุ่มทุนจีน ที่เริ่มสยายปีกเข้ามาบริการอยู่ใจกลางเมืองไทย จะมีฝ่ายค้าน หยิบยกปัญหาอาชญากรรม เข้าไปพูดในศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วยหรือไม่ เพราะผู้ที่กำกับดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ไม่ใช่ใครที่ไหน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม  ซึ่งเป็น ประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.)

รู้กันมานานแล้ว นายทุนแดนมังกร ที่มาทำธุรกิจสีเทา อุตสาหกรรมการพนันกาสิโนหรูขนาดใหญ่ครบวงจร อยู่รายรอบๆประเทศไทยตามตะเข็บชายแดนประเทศเพื่อนบ้าน ตั้งแต่ภาคเหนือทั้งฝั่งท่าขี้เหล็ก เมียนมา, สามเหลี่ยมทองคำ สปป.ลาว ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ถ้ามาทางตะวันตกฝั่งเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ไล่ลงไปได้ถึงภาคใต้เกาะสน ใกล้ จ.ระนอง และถ้าตะวันออก ชายแดนไทย-กัมพูชา มีทั้งปอยเปต เกาะกง บรรดากาสิโน เป็นนายทุนจีนแทบทั้งสิ้น ในกาสิโนให้เลือกเล่นพนัน ทั้งแบบดั้งเดิม หรือ พนันออนไลน์ ตามใจชอบ

เม็ดเงินมหาศาลที่ได้จาก ธุรกิจสีเทา แต่ละปีหลายแสนล้านบาท ส่วนใหญ่เกือบทั้งหมดจะถูกนำมาเล่นแร่แปรธาตุฟอกให้กลายเป็นเงินสะอาด แหล่งฟอกเงินชั้นดี ส่วนหนึ่งก็ไม่ต้องไปไหนไกล ไทยแลนด์แดนสไมล์ เพราะมี นอมินี พร้อมอาสาวางแผนทำธุรกิจให้ โดยเฉพาะสถานบันเทิงยามราตรี คลับบาร์ คาราโอเกะหรู ร้านอาหาร ฯลฯ 

ในเมื่อมีประชาชนออกมาสะกิดเตือนช่วยแจ้งเบาะแส ให้ตำรวจและหน่วยงานที่รับผิดชอบได้รับรู้ นับเป็นเรื่องดี ส่วนจะตรวจสอบหรือเมินเฉย รอให้เกิดปัญหาบานปลายแบบตอน “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ก่อนแล้วค่อยแก้ไขก็ตัวใครตัวมันนะครับ!!

——————————
เชิงผา