เข้าสู่หน้าฝนที่ชุ่มฉ่ำอย่างเป็นทางการเรียบร้อย แต่สำหรับผู้ใช้รถใช้ถนน สิ่งสำคัญอันดับต้นๆ ในการขับขี่รถยนต์ในหน้าฝน แต่กลับมักถูกมองข้ามอยู่เสมอๆ ก็คือ “ปัดน้ำฝน” ที่มีหน้าที่ทำความสะอาดสิ่งสกปรก ที่ติดอยู่บนกระจกหน้าให้หลุดออก เพื่อให้ได้ ทัศนวิสัยการมองเห็นที่ดีในการขับขี่

แต่หากที่ปัดน้ำฝนเสื่อมสภาพหรือชำรุด ย่อมส่งผลให้ทัศนวิสัยการมองไม่ชัดเจน จนเกิดอุบัติเหตุนำมาซึ่งความสูญเสียอันใหญ่หลวงมาแล้วนักต่อนัก ดังนั้นเพื่อความไม่ประมาทเราจึงควรดูแล “ปัดน้ำฝน” ให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้

การดูแล “ปัดน้ำฝน”
เมื่อเดินผ่านลานจอดรถกลางแจ้ง เรามักจะเห็นผู้ใช้รถหลายๆคน “ยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น” เพื่อต้องการรักษาเจ้าปัดน้ำฝนให้มีอายุไขยืนยาว แต่ต่อมาก็มีอีกทฤษฎี ที่ระบุว่า การยกก้านปัดน้ำฝนขึ้น มีผลร้ายมากกว่า กล่าวคือจะทำให้สปริงล้า ส่งผลให้แรงกดที่ปัดน้ำฝนลดลง จนปัดกระจกได้ไม่สะอาด

เทคนิคควรรู้
อายุไข “ปัดน้ำฝน” จริงๆ แล้ว หากเป็น “ปัดน้ำฝน” ที่มีคุณภาพ อายุเฉลี่ยจะอยู่ที่ 18-24 เดือน แต่สำหรับประเทศไทย ซึ่งเป็นเมืองร้อน อายุ “ปัดน้ำฝน” ย่อมสั้นลง โดยยังมีลักษณะการใช้งาน-การดูแลเป็นตัวแปรด้วย แต่ด้วยราคาที่ถูกลงเพียงหลักร้อยบาท ปัจจุบัน หลายๆ ท่านจึงเลือกเปลี่ยนเมื่อเข้าสู่ฤดูฝนของทุกปี แต่เพื่อความชัวร์ หากทดลองแล้วปัดไม่เกลี้ยงก็หาซื้อเปลี่ยนได้เลยครับ

ควรเปลี่ยนเฉพาะยางหรือทั้งก้าน?
ในความเป็นจริงเมื่อยาง “ปัดน้ำฝน” เสื่อมสภาพลง แต่ตัวก้านยังสมบูรณ์ดี สามารถเปลี่ยนเฉพาะยางได้ แต่อย่างไรก็ตามในปัจุบันยางมีหลายขนาด หากเปลี่ยนผิดขนาดฟิต-หลวมไป ก็ย่อมส่งผลให้ “ปัดน้ำฝน” ทำงานได้ไม่สมบูรณ์เช่นกัน หลายๆ ท่านจึงนิยมเปลี่ยนยกก้าน ขึ้นอยู่กับความสะดวกและพึงพอใจของแต่ละคนครับ

ทั้งนี้ ควรหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทำความสะอาด ปัดน้ำฝน เพราะส่งผลให้ยาง “ปัดน้ำฝน” มีอายุไขสั้นลง ซึ่งการดูแลปัดน้ำฝนเป็นเรื่องไม่ยาก แต่หากลุยฝนแล้วปัดไม่เกลี้ยงก็ควรเปลี่ยนเถอะครับ เพื่อความปลอดภัยของตัวเองและคนที่คุณรัก…

…………………………………..
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ [email protected]