ถึงแม้โลกปัจจุบันเทคโนโลยีจะเจริญก้าวหน้าไปไกล แต่ความเชื่อในสิ่งลี้ลับและเรื่องไสยศาสตร์ในสังคมไทยยังคงมีอยู่ ยิ่งตามหมู่บ้านในต่างจังหวัดด้วยแล้ว เรื่องความเชื่อคงจะห้ามกันไม่ได้จริงๆ ..

ณ บ้านหลังหนึ่งในพื้นที่หมู่ 1 ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีสภาพเก่าทรุดโทรม ชาวบ้านต่างลือกันไปต่างๆ นานาว่า นางสี หรือที่เรียกกันว่า “ยายสี” หญิงชราวัย 80 ปี เจ้าของบ้านที่อาศัยอยู่เพียงลำพังเป็น “ปอบ” ทำเอาผู้คนในหมู่บ้านต่างหวาดผวา ตกกลางคืนพากันปิดบ้านเงียบไม่กล้าออกไปไหน

ด้วยพฤติกรรมของยายสีที่ผิดปกติจากคนแก่ทั่วไป กลางวันจะนอนซมอยู่ในบ้าน ตกกลางคืนจะกระปรี้กระเปร่ามีเรี่ยวแรงลุกขึ้นมาเดินเที่ยวเล่นและเข้าครัวหาอาหารรับประทานอย่างคล่องแคล่ว ซึ่งยายสีมีอาการแบบนี้มาเป็นเดือนและระยะหลังเป็นหนักขึ้น ไม่ยอมนอนทั้งกลางวันและกลางคืน ที่ซ้ำร้ายไปกว่านั้นไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ตัวโดยเด็ดขาด

หากใครเข้ามาใกล้ยายสีก็จะหยิบสิ่งของที่คว้าได้ขว้างปาใส่จนทุกคนต้องถอยห่าง เมื่อไม่ได้รับความสนใจ บางครั้งยายสีจะแกล้งหลับใช้ผ้าห่มคลุมโปงทั้งร่างกาย พอหลายคนเป็นห่วงกลัวว่าจะหายใจไม่ออกจึงเดินเข้าไปดึงผ้าห่มออกให้ ยายสีก็จะรีบคว้ามือกระชากแขนเข้ามาทุบตีอยู่บ่อยครั้งจนทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้อีก

ขณะที่ชีวิตบั้นปลายของยายสีน่าสงสารต้องอยู่เพียงลำพัง เนื่องจากลูกๆ ต่างมีครอบครัวแยกออกไปอยู่ที่อื่น บางคนก็ไปทำงานต่างจังหวัด เมื่อว่างถึงจะได้กลับมาเยี่ยมแม่สักครั้ง

หลังชาวบ้านพูดกันปากต่อปาก ไม่นานเรื่องก็บานปลาย เพราะคนในหมู่บ้านต่างเชื่อกันไปแล้วว่า ยายสี เป็น “ปอบ” ลูกๆ ของยายสีจึงรีบกลับมาดูแม่ทันที พร้อมกับนิมนต์พระมาทำพิธีไล่ปอบ!!

ด้านนางสมร ลูกของยายสี เล่าด้วยความทุกข์ใจว่า เมื่อก่อนแม่จะมีนิสัยร่าเริง พูดจาเพราะ ไม่เคยดุด่าลูกหลาน และพูดจารู้เรื่องมาตลอด แต่ตอนนี้กลับพูดจาก้าวร้าวดุด่าลูกหลาน และพูดเรื่อยเปื่อยชนิดจับใจความไม่ได้ มีพฤติกรรมคล้ายกับผีปอบ

ขณะที่นางอำนวย ลูกสาวคนเล็ก กล่าวว่า เวลานี้ลูกทุกคนแทบไม่มีเวลาทำงานเลย ต้องคอยมาสลับกันเข้าเวรดูแลแม่ตลอด 24 ชั่วโมง หลังนิมนต์พระมาทำพิธีขับไล่ปอบ ซึ่งพระได้แจ้งว่าไม่สามารถขับไล่ได้เนื่องจากปอบตนนี้มีวิชาอาคมสูง ครอบครัวตนมีฐานะยากจนก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ดังนั้นจึงได้ปรึกษากับญาติพี่น้องและอยากจะขอวิงวอนให้ “หมอปลา” มาช่วยทำพิธีขับไล่ปอบ

ต่อมา น.ส.ทิพวรรณ ตันสุริยวงศ์ นักพัฒนาสังคมชำนาญการพิเศษ สำนักงานพัฒนาสังคมฯ จังหวัดชัยภูมิ แพทย์และพยาบาลจากโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลนายางกลัก และเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอเทพสถิต ได้ลงพื้นที่เยี่ยมอาการของยายสีที่บ้านพัก แพทย์ตรวจเบื้องต้นพบว่า ที่ผ่านมายายสีไม่รับประทานยาลดความดัน ยาลดคอเลสเตอรอล และยาเบาหวานตามที่แพทย์สั่ง อีกทั้งยังพักผ่อนไม่เพียงพอ สังเกตได้จากขอบตามีสีคล้ำเห็นได้ชัด จึงแนะนำให้ลูกๆ พายายสีไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล

ด้าน “หมอปลา” หลังรู้ข่าวยายสีจึงเดินทางมาหาพร้อมกับ “พระมหาไพรวัลย์” ก่อนจะพูดคุยกับยายสีและเดินสำรวจสภาพรอบบ้าน โดยหมอปลา กล่าวว่า กรณีที่เกิดขึ้นกับยายสีไม่ใช่เคสแรก เคยเกิดขึ้นมาแล้วหลายพื้นที่ ตนได้ตรวจสอบอย่างละเอียดแล้ว ไม่พบความผิดปกติทางความเชื่อด้านวิญญาณใดๆ หรืออะไรที่จะสื่อได้ว่า ยายสีเป็นปอบ

“เชื่อว่าน่าจะเกิดจากภาวะความเครียด ทั้งเรื่องหนี้สินที่ยายสีกู้ยืมเงินนอกระบบมาจนถูกยึดบ้านพร้อมที่ดิน อีกทั้งสุขภาพที่มีโรครุมเร้าประกอบกับอยู่ในวัยชรา ซึ่งโดยทั่วไปของคนสูงอายุก็จะมีลักษณะความเปลี่ยนแปลงของเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดอาการลักษณะแปลกๆ”

ด้านพระมหาไพรวัลย์ กล่าวว่า หลังจากรู้ข่าว อาตมามีความตั้งใจจะมาสอนลูกสาวที่กระทำกับบุพการีแบบนี้ แต่พอได้เห็นกับตา อาตมาความคิดเปลี่ยนทันที เมื่อเห็นสภาพความเป็นอยู่ที่แร้นแค้น ด้วยเหตุผลนี้อาตมาจึงเชื่อว่าการที่ลูกสาวตัดสินใจพึ่งพระมาไล่ปอบ เพราะติดขัดปัญหาค่าใช้จ่าย พบพระไม่ต้องเสียตังค์ แต่พบหมอต้องมีตังค์ อาตมาจึงได้ให้คำแนะนำและให้กำลังใจในการอยู่อย่างมีสติและมีความสุข

หลังจากที่ “หมอปลา” ยืนยันว่า “ยายสี” ไม่ใช่ปอบ และ “พระมหาไพรวัลย์” ชี้ทางดำเนินชีวิตและแนะนำให้ลูกๆ ดูแลเอาใจใส่ยายสี ทุกคนในหมู่บ้านรวมทั้งลูกหลานก็สบายใจ ก่อนจะพายายสีไปพบแพทย์ที่ รพ.ชัยภูมิ เพื่อตรวจร่างกายและพบว่าป่วยเป็น “โรคสมองเสื่อม” แต่เนื่องจากยายสีมีอาการต่อสู้ขัดขืน พยาบาลจึงต้องมัดมือติดกับเตียงไว้และให้ยาทางสายยาง เพราะเกรงจะเกิดอันตรายกับผู้ป่วยใกล้เคียง

นางอำนวย ลูกสาว กล่าวว่า ตนเองไม่ได้เชื่อว่าแม่เป็นปอบมาตลอด แต่อยากให้ชาวบ้านสบายใจ ตนจึงทำพิธีรดน้ำมนต์เพื่อให้เพื่อนบ้านสบายใจว่า แม่ไม่ได้เป็นปอบ ยิ่งแพทย์ชี้ออกมาว่าแม่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมเนื่องจากอาการเครียดและอายุมากจึงอยากให้ชาวบ้านเข้าใจและช่วยแก้ข่าวให้ด้วย

“ส่วนสาเหตุที่แม่เป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะแม่ต้องอยู่บ้านคนเดียว ลูกๆ ไปทำงานต่างจังหวัดหมด แม่คงคิดถึงลูกจึงได้นั่งสวดมนต์เพื่อให้จิตใจสงบ แต่แม่คุมสติไม่ได้จึงเป็นเช่นนี้ และเครียดเรื่องหนี้สินทำให้ที่ดินถูกยึดไป”

คอลัมน์ : นิยายชีวิต โดย : อสงไขย
เรื่องและภาพโดย : วิรัตน์ ดวงแก้ว จ.ชัยภูมิ
แนะนำเรื่องราวชีวิตดั่งนิยาย หรือสอบถามได้ที่  [email protected]
คลิกอ่านเรื่องราว “นิยายชีวิต” เพิ่มเติมได้ที่นี่..