การแก้ปัญหาไวรัสโควิด-19 ระบาดทั้ง 3 รอบของรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ต่างอะไรกับ “ลิงแก้แห” ยิ่งแก้ยิ่งยุ่ง หาหัวหาท้ายไม่เจอ พันกันมั่วไปหมด

เอาเป็นว่า พล..ประยุทธ์ และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ถนัดแต่การทำรัฐประหาร เพราะนักการเมืองและประชาชนฝ่ายประชาธิปไตยเขาไม่มีปืน!

คือประสบความสำเร็จอยู่เรื่องเดียวในการทำรัฐประหาร 22 พ.ค. 57 ด้วยการหลอกนักการเมืองและแกนนำผู้ชุมนุมไปประชุมที่หอประชุมกองทัพบก ถนนวิภาวดีรังสิต หลังจากนั้นก็ปิดห้องประชุมยึดอำนาจ ฉีกรัฐธรรมนูญซึ่งมีโทษสูงสุดถึงประหารชีวิต แต่แล้วก็ออกกฎหมายนิรโทษกรรมตัวเองกับพรรคพวก เหมือนกับเผด็จการทหารรุ่นก่อน ๆ

รัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 - วิกิพีเดีย

หลังจากรัฐประหารสำเร็จลุล่วง แต่การบริหารประเทศ “ไม่ง่าย” เหมือนเป็น ผบ.ทบ. เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีต้องใช้ความรู้ความสามารถ ดังนั้นจึงเห็นผลงานพล.อ.ประยุทธ์ทั้งปัญหาทางเศรษฐกิจและสังคม ล้วนออกทะเลไปหมด

ปัญหาเศรษฐกิจพูดกันมาหลายรอบ อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ต่ำเตี้ยที่สุดในอาเซียนมาโดยตลอดแถมจัดงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องมาก ๆ ทุกปี ใช้เงินมือเติบ กู้มาแจกสะเปะสะปะ แต่หาเงินไม่เก่ง ส่งผลให้จำนวนคนจนในประเทศเพิ่มมากขึ้น ปัจจุบันนักเรียนยากจนมีมากขึ้น มีโอกาสหลุดออกจากระบบการศึกษามากขึ้นด้วย

ไหนจะปัญหาอาชญากรรม ฉกชิงวิ่งราว ปัญหายาเสพติดที่ไทยกลายเป็นต้นทางสำคัญในการส่งออกยาเสพติดไปต่างประเทศ และที่น่าตกใจคือสถิติการฆ่าตัวตายของคนไทยกำลังพุ่งสูงมากในอาเซียน

ยิ่งมาเจอปัญหาโควิด-19 ระบาด 3 รอบ ยิ่งเห็นฝีมือ และเห็นผลงานของพล..ประยุทธ์ชัดเจนว่าทำงานเหมือน “ลิงแก้แห” ทำให้ปัญหาบานปลาย มีตัวเลขติดเชื้อโควิดวันละ 4,000-5,000 คน ตายวันละ 30-50 ศพ

ขณะที่การฉีดวัคซีนล่าช้ามาก เพิ่งฉีดไม่ถึง 10 ล้านคน (28 มิ.ย.) เนื่องจากวัคซีนมาแบบกะปริดกะปรอย วัคซีนคุณภาพสูง ๆ รัฐบาลก็ไม่ยอมสั่งเข้ามา เหมือนทำบาปกับประชาชนทั้งที่วิกฤติโรคระบาดแบบนี้รัฐบาลควรหาวัคซีนดี ๆ และฟรี!มาบริการประชาชน

แต่ถ้าประชาชนอยากฉีดวัคซีนดี ๆ อย่าง“ไฟเซอร์โมเดอร์นาซิโนฟาร์ม” ก็ต้องควักกระเป๋าจ่ายเองโด๊สละ 888-1,500 บาท รัฐบาลบริหารจัดการวัคซีนแบบนี้จึงไม่มีใครเชื่อหรอกว่า 120 วันจะเปิดประเทศ ด้วยโครงการ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เพราะตอนนี้ยังควบคุมผู้ติดเชื้อในกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภาคใต้บางจังหวัดไม่อยู่เลย

หลังสุดดันออกประกาศตอนตีหนึ่ง ห้ามลูกค้านั่งกินในร้านอาหาร แต่ซื้อกลับบ้านได้เป็นเวลา 1 เดือนในพื้นที่กรุงเทพฯ ปริมณฑล จ.สมุทรสาคร และ 4 จังหวัดภาคใต้ เป็น การออกประกาศโดยไม่เข้าใจพ่อค้าแม่ค้า ไม่เข้าใจหัวอกเจ้าของร้านอาหารที่มีลูกน้อง และต้องสต๊อกของสดไว้ขาย พอวันรุ่งขึ้นจึงถูกพ่อค้าแม่ค้า เจ้าของร้านอาหารโวยกันทั่วเมือง

ตามมาด้วยประกาศปิดแคมป์คนงานก่อสร้าง ด้วยการส่งทหารเข้าไปคุมแคมป์คนงาน แต่งานนี้ไม่หมู! และกลายเป็นผึ้งแตกรัง! เพราะคนงานแห่กลับบ้านจนรถยนต์แน่นบนถนนมิตรภาพ ส่วนที่ยังอยู่ก็ดูแลเขาไม่ดี บางแคมป์มีคนงาน 400 คน แต่ส่งข้าวไปให้แค่ 50 กล่อง

เมื่อ 2 วันก่อน “วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย”ออกมาสอนมวย พล.อ.ประยุทธ์ว่าไม่ควรหยุดงานก่อสร้างอย่างกะทันหัน เพราะปั้นจั่นตามไซต์งานอาจล้มลงมา งานฐานราก งานใต้ดิน จะมีปัญหาการยุบตัว พื้นคอนกรีตอัดแรงหากไม่ดึงอัดแรงตามเวลาอาจเกิดอันตรายได้ ส่วนนั่งร้าน-ค้ำยัน หากทิ้งไว้นานอาจรับน้ำหนักไม่ไหว และจะถล่มลงมา!

สรุปคือการส่งทหารเข้าไปยึดแคมป์คนงานก่อสร้าง ไม่ง่ายเหมือนทำรัฐประหารยึดอำนาจนะจ๊ะ พล.อ.ประยุทธ์!!.

—————–
พยัคฆ์น้อย