จัดเป็นอีกหนึ่งภาพยนตร์ที่หลายคนรอคอยอย่างมาก และน่าเสียดายที่เป็นผลงานภาพยนตร์ชิ้นสุดท้ายของ หม่อมหลวงพันธุ์เทวนพ เทวกุล หรือ หม่อมน้อย บรมครูการแสดงของไทย ที่ฝากไว้ผ่านฝีมือของลูกศิษย์หม่อมน้อยทุกคน ที่มาปรากฏตัวในเรื่องนี้ สำหรับภาพยนตร์เรื่อง “Six Characters มายาพิศวง” ภาพยนตร์ที่จะทำให้คนไทยได้ชมงานดี ที่เป็นบทประพันธ์จากต่างประเทศที่ควรค่าแก่การดู โดยเรื่องนี้ได้รวบรวมนักแสดงไว้อย่างคับคั่ง และด้วยตัวบทที่น่าสนใจ บวกกับฝีมือการแสดงของนักแสดงแล้ว ทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกจับตามองอย่างมาก ในสายตาของคนรักหนัง

ล่าสุด yimyim มีโอกาสได้เปิดบ้านต้อนรับนักแสดงชื่อดังของเรื่อง ได้แก่ นิว ชัยพล, แอฟ ทักษอร และ ฮัท จิรวิชญ์ เพื่อพูดคุยประเด็นต่างๆ ในเรื่อง แฟนคลับห้ามพลาดเลยจ้า

ในภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในยุคไหน?
นิว : “จริงๆ บอกไม่ได้ครับว่ายุคไหน เพราะว่าหม่อมน้อยท่านห้ามสปอยล์ จริงๆ เป็นแนวพีเรียดแล้วกัน เป็นพีเรียดในอดีต เขาไม่ได้กำหนดตายตัวว่าเป็นปีไหนแน่ๆ เพราะต้องบอกว่าเรื่องนี้จริงๆ มันเป็นเรื่องราวของบทประพันธ์ที่ถูกประพันธ์เมื่อ 101 ปีก่อน ซึ่งในยุคนั้น เราก็เหมือนตีความว่ามันเป็นพีเรียดแล้วกัน แล้วชุดหรือการแต่งตัวมันก็จะความพีเรียด มีความเป็นฝรั่งนิดๆ มีความเป็นยุโรป มีความเป็นอิตาเลียนหน่อยๆ … เพราะบทประพันธ์จริงๆ มันมาจากอิตาลีครับผม มันก็เลยมีกลิ่นอายของความเป็นอิตาลียุคเก่าเข้ามาผสมผสานกับชุดเครื่องแต่งกายของไทยครับ”

ความเกี่ยวพันในเรื่องนี้เป็นแบบไหน?
นิว : “ต้องเล่าให้ฟังก่อนคร่าวๆ ว่า เรื่อง Six Characters เป็นเรื่องของ 6 ตัวละครที่ผู้ประพันธ์เขาได้เสียชีวิตระหว่างประพันธ์เรื่องของเขาอยู่ แล้วเขาอยากรู้ว่าเรื่องของเขาจะเป็นยังไงต่อ แต่ผู้ประพันธ์ดันมาเสียชีวิต เขาก็เลยพยายามมาหาผู้กำกับที่กำลังถ่ายทำอยู่ว่า ช่วยแต่งเรื่องของเขาต่อให้หน่อย เขาอยากรู้ว่าเรื่องราวของเขาทั้งหมดมันจะเป็นยังไงต่อ แล้วผู้กำกับคือรับบทโดย มาริโอ้ เมาเร่อ แล้วก็มีผมที่เป็น อัคนี เป็นดารานำชายในยุคนั้น กับ แต้ว ณฐพร ที่เป็นดารานำหญิงในยุคนั้นเนี่ย กำลังถ่ายหนังกันอยู่ อยู่ดีๆ 6 คนนี้ก็โผล่เข้ามาแล้วบอกว่า ช่วยแต่งเรื่องให้หน่อย ช่วยเล่นเรื่องให้หน่อย เขาอยากรู้ว่าชีวิตเขาจะเป็นยังไงต่อไป จะมีจุดจบยังไง เราก็แบบเฮ้ย 6 คนนี้คือใครอ่ะ ทำไมโผล่เข้ามาในนี้ได้ยังไง แล้วก็เป็นใครมาขอให้แต่งเรื่องชีวิตแบบต่อไป มันคืออะไรกันแน่ มันก็กลายเป็นว่า เป็นเรื่องพิศวงที่เกิดขึ้นในกองถ่ายเมื่อ 6 คนนี้มาถึงครับ”

จริงๆ ดูเหมือนเป็นเรื่องซ้อน เรื่องที่ค่อนข้างมีมิติมากๆ เลยในเรื่องนี้ บทที่ได้รับแต่ละคนมีความยากง่ายยังไงบ้าง?
นิว : “ผมก็เป็นนักแสดงนำชายในยุคนั้นที่ เป็นเหมือนคู่ขวัญกับแต้ว สองคนนี้คือเล่นด้วยกันก็คือจะประสบความสำเร็จทุกเรื่อง แล้วก็เป็นเหมือนเบอร์หนึ่งของฝ่ายชายกับฝ่ายหญิง มาริโอ้ก็จะเป็นผู้กำกับเบอร์หนึ่งเลย คือ 3 คนนี้จะทำงานด้วยกันจะประสบความสำเร็จในทุกๆ เรื่อง มันก็จะมีการภาพยนตร์ซ้อนภาพยนตร์นิดหนึ่ง คือเวลาเราเป็นตัวเราก็จะเป็นแบบหนึ่ง เวลาเข้ามาในกองถ่ายก็จะเป็นแบบหนึ่ง เวลาที่ทำการแสดงก็จะเป็นอีกแบบหนึ่ง มันก็มีความยากของผมนิดหนึ่ง ที่แต่ละพาร์ท แต่ละสิ่งที่เจอมันจะมีคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันออกไปในฐานะนักแสดงในยุคนั้นครับ”

แอฟ : “แอฟแสดงเป็นอมร ก็เป็นผู้หญิงที่จริงๆ ชีวิตก็เหมือนจะดี จนกระทั่งวันหนึ่งก็มามีเหตุการณ์ที่มันพลิกผันอะไรแบบนี้ค่ะ ต้องไปติดตามชมในภาพยนตร์ว่า ชีวิตเธอจะพลิกผันไปแบบไหนค่ะ ต่อประเด็นของนิวการแสดงใช่ไหม นอกจากนั้นมันยังมีมิติที่ซ้อนๆ กันอยู่ค่ะ ระหว่าง 2 กลุ่ม กลุ่มนักแสดงกับกลุ่มคาแรกเตอร์ กลุ่มนักแสดงเขาเป็นคนแน่ๆ 100% เป็นนักแสดง แต่กลุ่มนี้ทุกคนหรือเปล่าระบุไม่ได้ คนหรือผีหรือไม่ใช่ หรืออะไรในจินตนาการ แต่ในความรู้สึกของแอฟ 6 คนนี้เขาเป็นอะไรก็ไม่รู้ ที่เหมือนไม่ใช่คน แต่ชีวิตเขามันดูเป็นคน แต่กลุ่มนักแสดงเขาเป็นคนจริงๆ แต่ลองไปดูในเรื่องนะการพูดจา การใช้ชีวิตเขาไม่เหมือนคน มันก็รู้สึกว่า อันนี้คือความไม่จริง แต่ดูมีความเรียลในเรื่องราว การเล่าในเรื่อง แต่อันนี้เขาดูเป็นคนจริงๆ แต่ดูไม่เรียลเลย”


นิว : “ทุกคนอาจจะงง แต่ต้องไปดู ดูแล้วจะไม่งง”

ฮัท : “คาแรกเตอร์จริงๆ แล้วของเรื่อง อย่างที่บอกว่าเป็นบทประพันธ์ ระดับคนเขียนที่ได้รางวัลโนเบลเป็นอิตาเลียน .. ซึ่งบทมันยากอยู่แล้วครับ เพราะฉะนั้นเนี่ย ถ้าเราซ้อมไม่พอ ยังไงมันไม่มีทางที่จะออกมาดีแน่ๆ แต่เรื่องเนี่ยนักแสดงเริ่มจากศูนย์ด้วยกัน แล้วก็พัฒนาด้วยกันตั้งแต่อ่านบทแล้ว ตั้งแต่มีการซ้อมถึงแม้จะซ้อมไม่ได้เพราะมีโควิด เราก็ยังซ้อมผ่านทางเป็นวิดีโอ ก็คือซ้อมกันตลอด ก็มาเจอกันจริงๆ มันก็จูนกันติดง่ายขึ้น แล้วมีทั้งซ้อมก่อนถ่ายทำ ซ้อมกับฉาก ซ้อมกับเสื้อผ้าจริงๆ …ซึ่งบอกเลยว่า ต้องแบบเต็มร้อย เกินร้อยจริงๆ มันถึงสร้างผลงานที่เป็นงานศิลปะที่มันมีคุณค่าที่จะอยู่กับของไทยเรา เพราะตอนนี้เรื่องนี้ได้ มีชื่อเขาชิงด้วยที่ปูซาน งานภาพยนตร์อินเตอร์เนชั่นแนล ก็เสนอชื่อเป็นรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมด้วย ซึ่งมันก็เป็นเหมือนแบบ โห รางวัลออสการ์ของเอเชีย ซึ่งเราก็ภูมิใจที่หนังเราได้รับเลือกให้ไปเสนอชื่อชิงถึงต่างประเทศครับ”

อย่างที่เราทราบกัน หม่อมจะต้องละเอียดพิถีพิถันในทุกๆ ขั้นตอนจริงๆ เรื่องนี้ก็ไม่ปล่อยผ่านง่ายๆ เหมือนกันถูกไหม?
นิว : “แน่นอนครับแน่นอน เรียกว่าทุกเม็ด ไม่ต้องห่วงเลย”


ฮัท : “คือทุกคนโดนกดดันอยู่แล้ว มีน้ำตา (ยิ้ม)”

แอฟ : “เคี่ยวเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุด”

นิว : “ในงานภาพยนตร์ของหม่อมน้อย ในทุกชิ้นงานของหม่อม มีความคาดหวังอยู่แล้ว .. มีความคาดหวังจากผลงานของหม่อมว่าต้องเป็นงานที่มีคุณภาพในทุกๆ เรื่องที่ผ่านมา เรื่องนี้ก็เช่นเดียวกัน พอมีคนคาดหวังเช่นเดียวกันว่า หม่อมก็ต้องทำเต็มที่อยู่แล้ว รวมถึงเรา ก็แน่นอนว่าเป็นคนที่รับหน้าที่ในการคนถ่ายทอดบทประพันธ์อันนี้ให้กับทุกคนได้ดูกัน ก็ต้องถูกการคาดหวังไว้อยู่แล้ว เราก็ต้องทำเต็มที่ที่สุดเท่าที่เรียกว่าทุ่มทั้งชีวิตดีกว่า เพื่อให้บทมันสำคัญ แล้วออกมาดีที่สุดครับ”

ในเรื่องนี้เห็นบอกว่ามีเวลาเตรียมตัวกันนาน แต่ถ่ายจริงๆ ใช้ระยะเวลาสั้นๆ ประมาณหนึ่งถูกไหม?
นิว : “ครับผม ก็ด้วยสถานการณ์โควิดด้วย เรื่องของการถ่ายทำมันก็มีเรื่องงานอะไรกันด้วย แต่ระหว่างเพื่อน เราก็มีการซ้อมกันก่อนตลอดเวลาอย่างที่ฮัทบอกเมื่อสักครู่นี้ คือทั้งซ้อมที่บ้านหม่อม ทั้งซ้อมที่เอ็มพิกเจอร์แห่งนี้ ทั้งซ้อมออนไลน์ เพราะบางช่วงอย่างที่โควิดระบาดหนักๆ เราก็ซ้อมออนไลน์ เพราะหม่อมไม่อยากให้ขาดช่วง ไม่อยากให้คาแรกเตอร์หรือตัวละครที่เราซ้อมกันมันขาดหายไป อยากให้มันต่อเนื่อง อยากให้เป็นตัวละครตลอดเวลานะครับ แล้วก็พอถึงวันถ่ายทำจริง ก่อนถ่ายเราก็มีการซ้อมในสตูดิโอแต่งตัวจริงทั้งหมด เพื่อวางลายกล้องต่างๆ ทำงานกับพี่สอง ซึ่งเป็นมือกำกับภาพระดับออสการ์อยู่แล้ว ก็ให้เกียรติมาถ่ายทำในเรื่องนี้ด้วย คืองานทุกอย่าง ทุกชิ้น ทุกทีม เรียกว่าเป็นงานระดับโลกก็ว่าได้ ทำให้วันถ่ายทำ มันไม่ได้ใช้เวลาเยอะ แล้วก็ทุกอย่างโฟล์วไปซะหมดเลย เพราะว่าเราซ้อมกันมาล่วงหน้าก่อนวันถ่ายทำเกือบ 1 ปีได้ครับ”

อย่างเมื่อกี้พี่ฮัทบอกว่า เรามีการเสนอชื่อเขาชิงด้วย มันทำให้ความกดดันเราเกิดขึ้นกับเรื่องนี้ไหม?
ฮัท : “ก็จริงๆ ไม่กดดัน เพราะว่าทุกอย่างมัน process ของมันคือโปรดักชั่นจบไปหมดแล้ว ทำทุกอย่างหมดแล้ว หลังจากนั้นที่เราส่งผลงานนี้ออกไป เขาถึงรับเลือกให้ไปเสนอชื่อชิง แปลว่ามันต้องออกมาเป็นที่น่าพอใจของคนระดับต่างชาติ”


แอฟ : “ต้องมีคุณภาพระดับหนึ่ง เอาจริงๆ คงไม่ได้กดดัน แค่ได้รับการเสนอชื่อเราก็รู้สึกดีใจมากแล้วค่ะ”


นิว : “ผมว่ามันเป็นโอกาสดีของคนไทยมากกว่า ที่จะได้ดูภาพยนตร์ที่เป็นภาพยนตร์คุณภาพ ที่สามารถไปชิงระดับเอเชียได้ อันนี้เป็นความภาคภูมิใจแล้วเป็นโอกาสดีมากๆ ของคนไทย ที่จะได้ดูก่อนที่จะประกาศรางวัลด้วยซ้ำ แล้วก็เทศกาลของปูซานที่ชิงรางวัลนี้ ก็เป็นการชิงรางวัลระดับเอเซียเลย จะชิงในช่วงต้นเดือนตุลาคม ก็แน่นอนเราจะได้ดูหนังคุณภาพเรื่องนี้ก่อนที่จะประกาศอย่างแน่นอน”

ฟีดแบ็กของแต่ละท่าน?
ฮัท + แอฟ + นิว : “ไม่ได้ดูเลย”

นิว : “แต่ฟีดแบ็กส่วนมากก็อยากก็ดู แบบดูตัวอย่างไปก็อยากดูมากกว่าว่าจะเป็นยังไง เรื่องราวจะเป็นยังไง เพราะว่าต้องบอกกันตรง ๆ ว่า เรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นหนังของหม่อมน้อย ที่แตกต่างจากทุกๆ เรื่องที่หม่อมเคยทำ ส่วนมากแล้วแน่นอนว่า หม่อมจะใช้บทประพันธ์ที่เป็นนิยายของคนไทยอะไรแบบนี้ แล้วก็เป็นเรื่องราวที่ไม่ใช่เป็นเรื่องราวของความรักเป็นแกนนำ แบบเป็นเรื่องราวที่เป็นความพิศวง ความซ้บซ้อน ของตัวละครที่มันเข้ามา มันมีเรื่องที่แบบฆาตกรรมเข้ามาเกี่ยวข้อง มันมีเรื่องของความลี้ลับเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่ผมว่ามันยังคงลายเซ็นของหม่อมนน้อยอยู่ อันนี้ก็ต้องไปติดตามชม คนส่วนมากจะเป็นฟีดแบ็กว่า อยากดูมากๆ ว่า จะเป็นยังไงครับ”

แต่ละท่านพอได้รับคาแรกเตอร์ได้ข้อคิดอะไรจากตัวละครบ้าง?
ฮัท : “ตัวละครเหรอครับ รู้อยู่แล้วว่าเวลาคนมาดูภาพยนตร์ เราก็ต้องย้อนกลับมาดูตนเองด้วยว่า ถึงแม้เราจะเป็นนักแสดง เราก็อาจจะได้เรียนรู้ในตัวละครที่เราเล่นในความสัมพันธ์กับตัวละครอื่นๆ ในพาร์ทเนอร์ที่เราเล่นด้วยอย่างนี้อะครับ เราก็ไปปรับใช้ได้ เพราะว่าจริงๆ แล้วแอคติ้งมันก็คือสิ่งเดียวกับธรรมชาติ สิ่งเดียวกับธรรมะที่บอกสอนตลอดว่า มันคือแอคติ้งคือการกระทำ กรรมคือธรรมะ คือเราทำอะไรเราก็ได้อย่างนั้น ถ้าตัวละครนี้ทำความดี สุดท้ายแล้วเขาก็จะเจอเรื่องดีๆ ถ้าตัวละครนี้ไม่ดี สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องไปสู่หายนะอยู่ดี มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้วที่คนเราจะได้อะไรจากตัวละคร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหนก็ตาม กับทุกเรื่องอะไรอย่างนี้ครับ”


แอฟ : “ในแง่มุมของแอฟ ก็คือพอเราดูแล้ว ดูภาพยนตร์เรื่องนี้เสร็จแล้ว แอฟเชื่อว่าทุกคนจะตีความออกมาไม่เหมือนกัน แล้วสิ่งๆ นี้ ที่แอฟคิดว่า ไม่ว่าจะคนมองไปในตัวภาพยนตร์ หรือมองย้อนกลับมาชีวิตจริง สุดท้ายแล้วคือทุกอย่าง เหตุการณ์ทุกอย่างมันไม่มีใครหรอกที่สามารถจะตอบได้ว่า ใครถูกใครผิดจริงๆ 100% ทุกคนมีเหตุผล และมีมุมมองของตัวเอง แต่ละคนเห็นว่าเรื่องนี้ถูกต้อง ไม่ถูกต้อง เหมาะสม ไม่เหมาะสม ขึ้นอยู่กับความเชื่อแล้วก็ประสบการณ์ส่วนตัวล้วนๆ เลยค่ะ เพราะฉะนั้นเราก็เรียนรู้ว่า อย่ามองแค่มุมๆ เดียวค่ะ”


นิว : “ใช่ครับ ผมว่าอย่างที่พี่แอฟบอกเลยว่า หลายคนที่เข้าไปดูในโรงภาพยนตร์ อย่ากลัวเลยก่อนอื่น อย่ากลัวว่าจะดูยาก ผมว่าเราสามารถดูได้ทั้งสองแบบ หนังหม่อมมีเสน่ห์ตรงที่เราจะดูเป็นแบบหนังทั่วไปก็ได้ ดูเอาสนุกก็ได้ จะเอาสวยงามก็ได้ เสื้อผ้าสวย แสงสวย ดูแบบเรื่องสนุกสนานก็ได้เช่นเดียวกัน หรือจะดูแบบเจาะลึกรายละเอียดของพวกแบบนักเรียนฟิล์มที่มีอะไรซ้อนอยู่ในนั้นก็ดูได้เช่นเดียวกัน ซึ่งทำให้แต่ละคนที่เข้าไปดู แต่ละสายงาน หรือว่าแต่ละอาชีพ แต่ละเพศ แต่ละวัย จะได้ข้อคิดที่แตกต่างกันออกไป .. แล้วผมว่าตรงนี้พอหนังออกไปแล้ว เราได้ดูแล้ว แล้วออกมาจากโรง ผมว่าพอมานั่งพูดคุยกัน มันจะได้เห็นอะไรที่มาแลกเปลี่ยนแล้วมีประสบการณ์ที่แตกต่างกันออกไป ตรงนี้จะสนุกมาก หลังจากที่ทุกคนได้ดูกันจากภาพยนตร์เรื่องนี้ครับ”

ฝากผลงานสักหน่อย?
นิว : “ก็ฝากติดตามด้วยครับ สามารถดูได้ที่โรงภาพยนตร์ทั่วประเทศเลยครับ ก็สามารถดูได้สำหรับ Six Characters มายาพิศวง คืออยากจะบอกว่า แค่ไปดูนักแสดงก็คุ้มแล้วครับ นอกจาก 3 คนนี้ แน่นอนมี มาริโอ้ ที่เราพูดถึงเล่นเป็นผู้กำกับ มี แต้ว ณฐพร มี พี่บอย ปกรณ์ มีพี่เจี๊ยบ ศักราช พี่รัดเกล้า มี พี่แพนเค้ก ที่เห็นโปสเตอร์ นี่แค่ในโปสเตอร์นะ แต่ผมอยากจะบอกใบ้ให้ว่า ลูกศิษย์หม่อมน่าจะแทบจะทุกคนจะมาปรากฏอยู่ในภาพยนตร์เรื่องนี้ แต่เป็นคาแรกเตอร์แบบไหนต้องลองไปหาดู แล้วก็ลองไปแอบดูว่า เขาจะมาในรูปแบบไหนครับ”

เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งบทสัมภาษณ์ที่ค่อนข้างประทับใจ yimyim ทีเดียว เพราะด้วยเรื่องราวความสนุกของตัวละคร ความทุ่มเทของหม่อมน้อยและนักแสดงทุกคน เรียกว่าจัดเต็มจริงๆ และแม้ภาพยนตร์เรื่องนี้จะเป็นภาพยนตร์ชิ้นสุดท้ายของหม่อมน้อย ที่ฝากไว้ให้คนไทยและทั่วโลกได้ดู แต่เชื่อเหลือเกินว่า ข้อคิดในเรื่องจะเข้าไปสู่ในใจของแฟนหนังได้อย่างแน่นอน และจะเป็นผลงานของหม่อมน้อย ที่หลายคนไม่มีวันลืมจริงๆ


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”