นายกรัฐมนตรีอิสมาอิล ซาบรี ยาค็อบ ผู้นำมาเลเซีย ประกาศยุบสภา เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ปูทางสู่การเลือกตั้งทั่วไป ที่คาดว่าจะจัดขึ้นในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้

การเลือกตั้งทั่วไปจะอาจนำเสถียรภาพมาสู่การเมืองของมาเลเซียหลังจากช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ซึ่งเกิดการล่มสลายของรัฐบาลผสม 2 ชุด และการเข้าประจำตำแหน่งของนายกรัฐมนตรี 3 คน ตั้งแต่ช่วงต้นปี 2563 แต่การเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามานั้น อาจส่งผลกระทบต่อเนื่องในระดับภูมิภาคด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะเรื่องนโยบายของมาเลเซียที่มีต่อเมียนมา

นายไซฟุดดิน อับดุลเลาะห์ รมว.การต่างประเทศมาเลเซีย

นายไซฟุดดิน อับดุลเลาะห์ รมว.การต่างประเทศมาเลเซีย คนปัจจุบัน กำลังเป็นผู้นำการดำเนินแนวทางของมาเลเซียต่อวิกฤติเมียนมา เมื่อกองทัพเข้ายึดอำนาจเมื่อเดือน ก.พ. 2564 โค่นอำนาจรัฐบาลพลเรือนของนางออง ซาน ซูจี โดยนับตั้งแต่ที่เขาเข้ารับตำแหน่งในเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว นายไซฟุดดินกลายเป็นทูตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งน่าจะกระตือรือร้นมากที่สุดต่อวิกฤติการณ์ในเมียนมา และเขายังกระตุ้นสมาคมประชาชาติแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน) หลายครั้ง ให้มีการจัดทำแนวทางที่สมจริงมากขึ้นสำหรับวิกฤติดังกล่าวอีกด้วย

นายไซฟุดดินยังตั้งคำถามว่า แผนฉันทามติ 5 ข้อ ของอาเซียนสามารถเป็นไปได้หรือไม่ นอกจากนี้ นายไซฟุดดินเป็น รมว.การต่างประเทศในอาเซียนเพียงคนเดียว ซึ่งพบปะอย่างเปิดเผย กับสมาชิกของรัฐบาลแห่งชาติ (เอ็นยูจี) ซึ่งเป็นองค์กรการเมืองของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมา และเขายังเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปฏิบัติตาม

ภายหลังการพบกับคณะรัฐมนตรีของเอ็นยูจีนอกรอบการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ (ยูเอ็นจีเอ) ที่นครนิวยอร์ก เมื่อเดือนที่แล้ว นายไซฟุดดินกล่าวว่า การประชุมสุดยอดอาเซียน ที่กำลังจะมีขึ้นในกรุงพนมเปญ ซึ่งอาจอยู่ใกล้กับช่วงการเลือกตั้งของมาเลเซีย จะเป็นบททดสอบสำคัญสำหรับกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

WION

อย่างไรก็ตาม นายไซฟุดดินจะสามารถประสานตำแหน่งของมาเลเซียได้นานแค่ไหนนั้น มันยังคงเป็นเรื่องที่ต้องรอดูกันต่อไป เนื่องจากคณะกรรมการบริหารพรรคคนพื้นถิ่นสามัคคี (เบอร์ซาตู) ของเขามีที่นั่งในสภาล่างแค่ 28 ที่นั่ง จากทั้งหมด 222 ที่นั่ง ซึ่งมีผู้สังเกตการณ์การเมืองเพียงไม่กี่คนที่คาดหวังว่า เบอร์ซาตู พรรคการเมืองชาติพันธุ์มาเลย์ที่ก่อตั้งเมื่อปี 2560 ในฐานะ “ที่หลบภัย” ของผู้แปรพักตร์จากพรรคมลายูสามัคคีแห่งชาติ (อัมโน) จะทำผลงานได้ดีในการเลือกตั้งที่จะถึงนี้

หลังจากชัยชนะในการเลือกตั้งระดับประเทศที่ชี้ขาด บุคคลสำคัญของพรรคอัมโนหวังว่า การเลือกตั้งครั้งนี้จะทำให้พวกเขากลับขึ้นสู่อำนาจอีกครั้ง โดยพึ่งพาการสนับสนุนจากพรรคเล็กน้อยลง แม้พรรคเบอร์ซาตูจะทำงานผลงานได้อย่างน่าเชื่อถือ แต่พรรคก็ยังเป็นองค์ประกอบส่วนน้อยของรัฐบาล ดังนั้น มันจึงไม่มีหลักประกันว่า นายไซฟุดดินจะอยู่ในตำแหน่งต่อ หลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งนี้

แม้กระทรวงต่างประเทศของมาเลเซียสามารถคาดหวัง การรับประกันความต่อเนื่องในนโยบายของประเทศที่มีต่อเมียนมาในระดับหนึ่งได้ แต่มันก็ไม่เป็นที่ชัดเจนว่า รมว.การต่างประเทศมาเลเซียนคนต่อไปจะให้ความสำคัญกับประเด็นนี้ในทำนองเดียวกัน สะท้อนว่า ความไม่มั่นคงทางการเมืองภายในของมาเลเซีย อาจส่งผลกระทบเกินขอบเขตของประเทศตัวเอง.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : GETTY IMAGES