นับเป็นการแบ่งเขตพื้นที่พิพาทในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ที่เชื่อว่า อุดมไปด้วยน้ำมันและก๊าซ ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวเป็นการเปิดประตูสู่การสำรวจและการขุดเจาะ เมื่อราคาก๊าซพุ่งสูงขึ้นท่ามกลางวิกฤติอุปทานทั่วโลกที่เกิดจากสงครามในยูเครน

แม้ในทางทฤษฎีถือว่า ทั้งสองประเทศจะยังอยู่ในภาวะสงคราม เลบานอนและอิสราเอลต่างได้รับประโยชน์มากมายจากข้อตกลงนี้ โดยภายใต้ข้อพิพาทยาวนานหลายปี พื้นที่ราว 860 ตร.กม. ของภูมิภาคเมดิเตอร์เรเนียนอาจมีน้ำมันและก๊าซมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งความตึงเครียดย่ำแย่ลงในช่วงเดือน มิ.ย. ที่ผ่านมา เมื่อเรือขนาดใหญ่ของสหราชอาณาจักรเข้ามาพัฒนาแหล่งก๊าซให้กับอิสราเอล

นายกรัฐมนตรียาอีร์ ลาพิด ผู้นำอิสราเอล กล่าวว่า ข้อตกลงดังกล่าวจะส่งเสริมเศรษฐกิจและ “รับรองเสถียรภาพของชายแดนทางเหนือ” แม้ข้อตกลงจะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย ภัยคุกคามความมั่นคงในอนาคตน่าจะไม่ถูกกำจัดโดยข้อตกลงทางทะเลได้

นอกเหนือจากอุปสรรคด้านความมั่นคงที่บริษัทสำรวจและขุดเจาะหลายแห่งเผชิญอยู่ในพื้นที่ ข้อตกลงดังกล่าวอาจเป็นจุดเริ่มต้นของแหล่งรายได้หลักสำหรับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของเลบานอน ซึ่งตกอยู่ในปีที่ 4 ของการล่มสลายทางการเงิน

อิสราเอล กล่าวว่า เมื่อลงนามข้อตกลงทางทะเลกับเลบานอนแล้ว ก็จะสามารถเริ่มการสกัดน้ำมันและก๊าซจากแหล่งก๊าซธรรมชาติคาริช และส่งออกไปยังยุโรปได้ภายในไม่กี่สัปดาห์ โดยลาพิดเน้นย้ำเกี่ยวกับบทบาทของอิสราเอลที่สามารถช่วยเหลือยุโรปได้ เมื่อประเทศของชาติตะวันตกพยายามเลิกใช้พลังงานของรัสเซีย ซึ่งในขณะที่แหล่งก๊าซของอิสราเอลพร้อมแล้ว แต่แหล่งก๊าซของเลบานอนยังล้าหลังอยู่มาก

ยิ่งไปกว่านั้น ข้อตกลงดังกล่าวยังเป็นชัยชนะระดับภูมิภาค สำหรับรัฐบาลของประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ เช่นกัน เนื่องจากความพยายามในการไกล่เกลี่ยของสหรัฐ เป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุข้อตกลงทางทะเลระหว่างอิสราเอลกับเลบานอน หลังความพยายามของรัฐบาลชุดก่อนต่างประสบความล้มเหลว อีกทั้งนักวิเคราะห์ยังกล่าวเสริมว่า สิ่งนี้จะเป็นตัวช่วยเรียกคะแนนให้กับรัฐบาลของไบเดน ก่อนการเลือกตั้งกลางเทอม ในเดือน พ.ย.นี้ด้วย

อนึ่ง อิสราเอลเตรียมจัดการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 1 พ.ย. ที่จะถึง ซึ่งจะเป็นการเลือกตั้งครั้งที่ 5 ภายในเวลาไม่ถึง 4 ปี อาจปูทางให้นายเบนจามิน เนทันยาฮู อดีตนายกรัฐมนตรีคนดัง กลับมามีอำนาจบริหาร ซึ่งหมายความว่า รัฐบาลอิสราเอลชุดปัจจุบันของลาพิด ต้องพ้นจากตำแหน่ง

“มันคือการตกลงกับประเทศศัตรู” เมื่อรัฐบาลเทลอาวีฟ สามารถกดดันเลบานอนที่ไม่รับรองอิสราเอล ให้ยอมรับการมีตัวตนของอิสราเอล ในระดับทางการและเขตแดนทางทะเลตามความจริง แต่เนทันยาฮูและพันธมิตรของเขากำลังวางกรอบข้อตกลงดังกล่าว ว่าเป็น “การยอมจำนน” ที่ขับเคลื่อนโดยภัยคุกคามของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์

ดังนั้น ขณะที่ลาพิดอาจหวังว่าข้อตกลงนี้จะเป็นชัยชนะทางการเมืองสำหรับเขา แต่มันอาจส่งผลย้อนกลับได้เช่นกัน หากมุมมองของฝ่ายค้านได้รับความนิยมจากผู้มีสิทธิเลือกตั้งชาวอิสราเอล.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : REUTERS