มอบเสียงหัวเราะและความบันเทิงให้กับแฟนๆ มานานสำหรับนักแสดงตลกสาว หนูเล็ก-ภัทรวดี ปิ่นทอง หรือ หนูเล็ก ก่อนบ่ายคลายเครียด หนึ่งในสาวเก่งของวงการที่หลายคนชื่นชอบอย่างมาก ล่าสุด yimyim มีโอกาสได้อัพเดทเรื่องราวในชีวิตของสาวหนูเล็ก ซึ่งน่าสนใจมากๆ โดยเฉพาะเรื่องการสอนลูก และการเอาชนะคอมเมนต์ลบๆ ที่มาสู่ตัวเธอ เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งเรื่องราวที่หลายคนน่าจะได้ข้อคิดและมุมมองใหม่ๆ จากสาวคนนี้แน่นอน ไปพูดคุยกับเธอกัน

ทักทายแฟนๆ เดลินิวส์ออนไลน์สักหน่อย?

“สวัสดีค่าหนูเล็ก ก่อนบ่ายคลายเครียดค่า (ยิ้ม)”

หนูเล็กอยู่วงการมากี่ปีแล้ว ได้อะไรจากวงการนี้บ้าง?

“เอาจริงๆ หนูเล็กเข้าวงการปีประมาณราวๆ 2550-52 ที่จริงจังเลยก็นับประมาณ 10 กว่าปีแล้วค่ะ สิ่งที่ได้จากวงการนี้บอกเลยว่าถ้าคนในวงการกันเอง พี่ๆ นักข่าวก็จะรู้ว่าวงการนี้มันไม่ได้ง่ายนะคะ แต่มันจะทำให้เราโตขึ้น มันทำให้เราปรับการเป็นอยู่ของเรา ปรับคำพูด ปรับทุกอย่างในชีวิตของเรา เพี่อที่จะให้อยู่ในนี้ได้ ซี่งโอ้โหเราต้องปรับเยอะมาก มันไม่ได้เรื่องง่ายเลยที่จะเข้ามาอยู่ในนี้ได้ มันได้เรียนรู้ทั้งเรื่องคน เรื่องความคิดของคน รู้ว่าคนแบบนี้เป็นแบบนี้ เรียกว่าได้เรียนรู้เยอะมาก บอกไม่ถูกนะ แต่ว่าทุกวันเนี่ยรู้สึกว่าตัวเอง ได้รับได้รู้อะไรเยอะมาก ในการใช้ชีวิต แล้วก็การปฏิบัติที่อยู่กับคน แล้วหนูเล็กก็รู้มาอย่างนึงว่า อยู่ในวงการนี้เนี่ยการเป็นคนตรงแบบหนูเล็กอะอยู่ไม่ได้ อย่าพูดตรงแบบนี้ ตรงเกิน จริงเกิน อยู่ไม่ได้คือมันต้องมีความเข้าใจ ดีมากก็ไม่ได้ ดีอยู่ด้านเดียวก็ไม่ได้ อยู่ยาก ยาก มันต้องปรับ ต้องใช้ความเข้าใจล้วน ๆ เลย”

ไอดอลในการทำงานในวงการของพี่เป็นใครเหรอ?

“จริงๆ แล้วคนเก่งคือทุกคน และคนเก่งทุกคนคือไอดอลในการทำงานของหนูเล็ก ไม่ว่าจะเป็นพี่ต้นหอม พี่ตั๊ก ลีลา พี่ชมพู่ พี่ดีเจนุ้ย พี่นุ้ย เชิญยิ้ม คือทุกคนในวงการที่เก่งๆ อันนั้นคือไอดอลของเราหมดเลย เพราะว่าเราชอบเขา เราก็ดูเขาว่าเขาปรับตัวยังไง แล้วพี่มิค-บรมวุฒิ อย่างเนี่ยจะคอยสอนเรา ซึ่งคนที่คอยสอนเรา เตือนเราทุกคนคือไอดอลของหนูเล็กเลยและมีพระคุณกับหนูมาก อาเป็ด เชิญยิ้ม ทุกคนคอยเตือนและคอยซัพพอร์ตเวลาเรามีปัญหา ทุกกำลังใจมันมีค่ามาก”

อยากลองทำงานอะไรอื่นๆ ในวงการอีกบ้าง?


“จริง ๆ แล้วรู้สึกว่าแค่นี้อะ เรามาไกลมากแล้ว เอาจริง ๆ มันมีความคิดอีกเยอะมาก แต่พอเรามีลูก พอเรามีลูกมันกลับมาที่ว่าพอแล้ว มันมีความรู้สึกว่า พอแล้ว เหมือนมันเหนื่อยเลยรู้สึกเหมือนพอแล้ว แค่ทำตรงนี้ให้ดีที่สุด พี่แอน ทองประสม ได้ให้โอกาสเราเป็นพิธีกร แล้วก็ได้เล่นละคร นี่ก็คืองานที่เป็นที่สุดแล้วมันรู้สึกว่าเรายังทำไม่ดีพอ เพราะฉะนั้นเราต้องปรับปรุงตรงนี้ให้ดีที่สุดก่อน ต้องปรับปรุงเรื่องพิธีกร ทำให้เก่งทำให้ได้ก่อนแล้วค่อยไปต่อค่ะ”

เป้าหมายหลักที่วางไว้ตอนนี้คืออะไร?


“อนาคตเป้าหมายที่วางเอาไว้คืออยากลี้ยงลูกให้มีคุณภาพที่สุด เพราะว่าเราอยากเลี้ยงลูกให้เขามีโอกาสให้ ให้ตัวเองมีโอกาสเหมือนที่เราไม่เคยมีโอกาส เช่น เรื่องการศึกษา คือ ภาษาอังกฤษหนูไม่ได้เลย หนูรู้สึกว่าหนูเป็นคนที่คุยกับคนเก่งมาก หนูมีเพื่อนเยอะมาก ถ้าหนูพูดภาษาอังกฤษได้ หนูสุดยอดแน่เลย เพราะว่าหนูต้องแบบต้องคุยกับต่างชาติได้เยอะมาก แล้วเวลาเราไปเที่ยวไปอะไร ต่างชาติพยายามเข้ามาคุยกับเรา แต่เราคุยไม่ได้ มันรู้สึกว่า โห เสียดายโอกาสของเราตรงนี้มาก หนูก็รู้สึกว่าอยากให้ส่งให้วินลูกชายเต็มที่ที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ลูกคนที่ 2 ก็เดี๋ยวรอก่อน ดูว่าวินเป็นยังไง ดูว่าเราไหวกับวินแค่ไหน แล้วค่อยมีคนที่ 2 ต่อไปค่ะ คือต้องวางแผนให้พื้นฐานเขาดีที่สุดก่อน”

มีแพลนอยากจะดันเขาเข้าวงการด้วยไหม?


“จริงๆ หนูเล็กอยากให้เขาเป็นนักธุรกิจ อยากให้เขาค้าขายเหมือนแม่ เหมือนกับว่าเขาได้ใช้ความคิด เขาได้ใช้ความสามารถ แต่ถ้าเป็นการเข้าวงการก็ปล่อยไปตามดวงชะตา เพราะเราเองก็รู้สึกว่า เรามากับดวงชะตา เราไม่ได้เป็นคนเก่งที่สุด ไม่ได้เป็นคนเก่งมาก แต่ว่าเรามาเพราะดวง แล้วก็เป็นคนดี แล้วก็จริงใจ ไม่โกหก วินก็เหมือนกัน หนูเล็กจะสอนว่าอย่าโกหก และต้องจริงใจ การจริงใจแล้วก็ไม่โกหก คือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต แล้วเรื่องอื่น ๆ ก็ค่อยไปเรียนรู้เอานะลูกว่ามันต้องปรับอะไรบ้าง แต่พื้นฐานของชีวิตคือ จริงใจและไม่โกหกค่ะ”

อย่างพี่หนูเล็กเป็นบุคคลสาธารณะ เจอทั้งคอมเมนต์ดีและไม่ดี วิธีจัดการของเราคือยังไง?


“เมื่อก่อนเครียดนะคะ เมื่อช่วงโควิดรอบแรกที่คนด่ากันเยอะ ๆ แต่อันนั้นเกิดจากความเข้าใจผิดของแต่ละคน แล้วก็อาจจะเกิดจากหลาย ๆ เพจที่เอาไปแชร์โดยที่อาจจะพาดหัวแบบว่าแรงไปนิด ซึ่งเรามาอ่านแล้วไม่ได้มีอะไรแบบที่พาด ทีนี้มันทำให้คนเข้าใจผิด คนก็ยิ่งมาด่าเยอะ หนูเล็กก็เลย เอ่อ ทนไม่ได้เหมือนกันนะ มันก็เลยเครียด ลองให้ทนายเขาโทรฯ ไปหาคนที่เขาด่าเราเยอะ ๆ ด่าแรงๆ เลย ตอนนั้นก็เลยให้ทนายโทรฯ ไป ให้ทนายจัดการ เพราะว่า เฮ้ย มันไม่ใช่ คือเราไม่ได้ไปทำร้ายใครเลย แต่เขาด่าเหมือนเราไปฆ่าคน เหมือนเราเป็นคนชั่วมาก เราเลวร้ายมาก ก็เลยให้ทนายจัดการดู ปรากฏว่าคำตอบที่ได้มา 10 กว่าคนคืออย่าทำอะไรเลยนะ ฉันเป็นโรคซึมเศร้า อย่าทำอะไรฉันเลยนะ ฉันเครียด ตอนนี้ฉันเครียดมาก ฉันดูข่าวเธอ เธอยิ่งทำให้ฉันเครียด”

“บางคนก็ให้เหตุผลมาว่า เห็นคนอื่นด่า ฉันก็เลยอยากด่าบ้าง มันเป็นการคลายเครียดของฉัน เชื่อไหมทุกคน มันปลดล็อกหนูเลย ปลดล็อกคือโอเค เราเข้าใจว่าเขาเครียด ถ้าหากว่าคุณด่าเราแล้วคุณหายเครียด คุณด่าไปเลย เพราะว่ามันไม่ได้รู้สึกอะไรแล้ว มันมาปรับที่เราเท่านั้นเอง เราปรับเขาไม่ได้ เราปรับเรา พอปรับปุ๊บดีขึ้นมากค่ะ เข้าใจโลก”

เคยมีบางแวบเห็นคนด่าแล้วอยากฟ้องบ้างไหม?

“บอกตรงไม่รู้สึกอยากฟ้อง แต่รู้สึกว่าอยากถาม พออยากถามเนี่ยก็ปรึกษาพี่ทนาย เขาบอกว่าถามเพื่ออะไร หนูเป็นคนที่พูดตรง ๆ หนูอยากรู้อะ ด่าหนูเพราะอะไร แค่เนี่ยให้หนูได้รู้ว่าด่าหนูเพราะอะไร คำตอบก็คือด่าเพราะด่าตามคนอื่น เพราะคนอื่นด่าก่อนแล้วก็ด่าตาม อ๊ะ อันนี้ได้รู้แล้ว แล้วด่าเพราะว่ารู้สึกเครียด เราได้รู้เหตุผลแค่นี้ แต่ถ้าคำตอบของคุณมันไม่มีเหตุผลก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมายไป เพราะว่ากฎหมายเขามีไว้รองรับ ไว้ช่วยเราอยู่แล้วค่ะ”

เลยพยายามเอาตัวเองไปเข้าใจเขาแทนใช่ไหม?

“ใช่ค่ะ พยายามปรับตัวเองก่อน”

แหม…เรียกว่าได้คุยและเรียนรู้มุมมองของสาวหนูเล็กอย่างเต็มที่ทีเดียวและเชื่อว่าเรื่องราวของสาวหนูเล็กจะเป็นแรงบันดาลใจในการสู้ชีวิตและปรับทัศนคติของตนเองให้เอื้ออารีต่อกัน ทำให้สังคมน่าอยู่มากขึ้นอีกด้วยจ้า


คอลัมน์ “1 Day With ซุปตาร์”

โดย “yimyim”

ขอขอบคุณภาพประกอบจากอินสตาแกรม @nulek_gaga