เป็นที่ทราบกันดีว่า “แชดวิก โบสแมน” หรือตัวละคร กษัตริย์ “ทีชัลล่า” ซึ่งก็คือ “Black Panther” ฮีโร่ในชุดสูทเสือดำสุดแกร่ง ได้เสียชีวิตลงไปเมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2020 เรื่องนี้ทำให้ผู้กำกับคู่บารมี “ไรอัน คูเกลอร์” ถึงกับปฏิเสธที่จะสร้างหนังภาค 2 ของ “Black Panther” หากไม่มีพระเอกหนุ่ม “แชดวิก” เพราะทุกคนในกองถ่ายทราบดีว่า “แชดวิก” ไม่ใช่เป็นเพียงแค่นักแสดงที่มากไปด้วยความสามารถ แต่เขาคือพี่น้องและครอบครัวของ “Black Panther” อย่างแท้จริง เขาเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงรักมากมาย ทำงานเพื่อเด็กและสังคม ต่อสู้กับโรคร้ายมายาวนาน จึงเป็นเรื่องยากมากและแทบจะยอมรับไม่ได้เลย หากจะหาใครมาแทนที่ในเวลานั้น

ด้วยเหตุนี้เอง บอสใหญ่อย่าง “เควิน ไฟกี” ประธานมาร์เวล จึงได้อนุญาตให้การทำหนังเรื่องนี้ เป็นเสมือนการสื่อไปยังผู้ล่วงลับว่า แม้จะไม่มีเขาในหนังมาร์เวลแล้วก็ตาม แต่ก็ขอให้ “แชดวิก” จงภูมิใจในตัวของพวกเขา ที่จะสานต่อความมุ่งมั่นในความรักและความเสียสละที่เขาเคยทุ่มเทให้ในหนังเรื่องก่อน Black Panther 2 ต้องรื้อเขียนและถ่ายทำขึ้นมาใหม่แทบทั้งหมด บอกกล่าวเล่าความว่า “ทีชัลล่า” ได้ป่วยและเสียชีวิตลงแล้ว ตรงกับเหตุการณ์จริงที่ “แชดวิก” ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว

เรื่องย่อ Black Panther: Wakanda Forever
ประเทศ Wakanda (วาคานด้า) หลังจาก กษัตริย์ “ทีชัลล่า” หรือ Black Panther ได้ออกมาเผยตัวตนและยอมแบ่งปันถ่ายทอดเทคโนโลยีความก้าวหน้าให้ทุกประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนาชีวิตไปในทิศทางที่สงบสันติ แต่กลับกลายเป็นว่า กลุ่มประเทศที่มีอำนาจต่าง ๆ ทั่วโลก เอาแต่สนใจ “แร่ไวเบรเนี่ยม” เพื่อนำมาใช้ประดิษฐ์อาวุธให้ทรงพลัง มีการเรียกร้องจะเข้าไปทำเหมืองและแบ่งปันแร่ดังกล่าว โดยไม่ได้สนใจเรื่องสันติภาพและคุณภาพชีวิตตามที่ “ทีชัลล่า” คาดหวังไว้

ภายหลัง “ทีชัลล่า” ได้ลาจากโลกนี้ไปแล้ว กลุ่มประเทศมหาอำนาจ ก็ได้หาทางที่จะช่วงชิง “แร่ไวเบรเนี่ยม” และหาทางสร้างเครื่องสำรวจแร่ดังกล่าว กระทั่งไปเจอแร่ไวเบรเนี่ยมใต้ทะเลลึกและพยายามขุดมันขึ้นมา ด้วยเหตุนี้เอง จึงกลายเป็นชนวนเหตุให้ เจ้าสมุทร Namor (เนมอร์) ไม่พอใจในสิ่งที่ผู้นำวาคานด้าที่ไปเปิดเผยตัวตน ความสงบสุขของเหล่าชาว “ทาโลคาน” เขาจึงใช้วิธีบีบให้ผู้นำวาคานด้า ยอมแพ้และสนับสนุนการทำสงครามกับทุกประเทศ เพื่อให้โลกทั้งโลกศิโรราบ เรื่องราวความขัดแย้งของ วาคานด้า และ ทาโลคาน จะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น

จุดแข็งของภาพยนตร์เรื่องนี้
อย่างที่เกริ่นไว้ว่า ภาพยนตร์ต้องการแสดงความอาลัยต่อการจากไปของ “แชดวิก” ธีมภาพใบหน้าของนักแสดงจึงออกมาหม่นปนเศร้า สังเกตจากสีหน้าและแววตาได้ เพลง-ดนตรี ประกอบภาพยนตร์ก็ดูยิ่งใหญ่และทรงพลัง สอดรับความเฟรมภาพสีหม่น ๆ ยิ่งทำให้อินกับหนังได้ง่าย ๆ คนที่รักและชื่นชอบ “ทีชัลล่า” อาจต้องเสียน้ำตาหนักมาก ในส่วนของบทนักแสดงต้องขอปรบมือให้บทของราชินี “รามอนดา” (รับบทโดย แองเจลา บาสเซตต์) แม่ของกษัตริย์ “ทีชัลล่า” ถ่ายทอดความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่หัวใจสลายได้อย่างยอดเยี่ยม

สำหรับบทตัวเอกที่ต้องแบกรับบทหนัก ๆ ไว้มากมาย ขอยกยอดให้ องค์หญิง “ซูลี่” (รับบทโดย เลทีเทีย ไรท์) สาวร่างบางหัวใจสุดแกร่ง ดูแล้วบอกเลยว่าสงสาร ทุกอย่างมันประดังมายังตัวเอกตัวนี้ตัวเดียว ในส่วนของตัวละครที่คอยแย่งซีน หนีไม่พัน ผู้บัญชาการสาว “โอโคเย่” (รับบทโดย ดาไน กูริรา) ออกมาแต่ละซีน แย่งความเด่นไปได้อย่างสบาย ๆ เช่นเดียวกับ “เอ็มบาคุ” (รับบทโดย วินสตัน ดุ๊ก) คู่อริ “ทีชัลล่า” ที่กลายมาเป็นเพื่อนรักและที่ปรึกษาคนสำคัญ ในเรื่องนี้เขามีบทบาทเยอะมาก ขโมยซีนค่อนข้างมาก แต่ก็ยังไม่เด่นเท่า “โอโคเย่” ท้ายที่สุดกับ บท Ironheart เด็กสาวผิวสียอดอัจริยะ ผู้สร้างชุดเกราะไอรอนแมนขึ้นมาใหม่ (รับบทโดย ดอมีนีก ทอร์น) ออกมาโชว์ความเจ๋งได้หลายซีน แต่ก็ยังน้อยกว่า 2 คนแรก

จุดอ่อน
คาใจมาก ๆ สำหรับพาร์ทของการนำเสนอเรื่องราวของ “เนมอร์” (รับบทโดย เตนอช เวร์ตา) เพราะในหนังสือการ์ตูน เขาดูมีความยิ่งใหญ่ราวกับเป็นเทพเจ้า (ลูกครึ่งระหว่างชาว ทาโลคาน-มิวแทนท์) เสริมการแต่งกายด้วยเครื่องประดับแนวอารยธรรมแอซเท็ก อาศัยอยู่ในโลกใต้น้ำ ตรงนี้ถือว่าทำออกมาได้สวยงาม เช่น ผู้คนในโลกใต้น้ำ ซีนในเมืองเรียกว่าไม่เห็นมีฟองอากาศของการหายใจเลยแม้แต่น้อย ทีมงาน CG ทำการบ้านมาดีมาก แต่ทว่าความเก่งกาจ ความยิ่งใหญ่ หรือพลังที่สามารถทำลายล้างของ “เนเมอร์” กลับถูกเนิร์ฟเอาไว้จนกลายเป็นไร้พลัง มีแต่บทพุ่งเข้าต่อยตี ไม่ได้โชว์ของเด็ด ตัวแม่ทัพทหารก็เช่นกัน มีพลังแต่ก็โชว์เก๋าอยู่พักเดียว หายไปจากจอ การดำเนินเรื่ององค์แรกดีงามพระราม 8 แต่พอเข้าสู่องค์ 2-3 ดันกลายเป็นสูตรสำเร็จ (เหมือนเก่งแต่ไม่เก๋า) รู้สึกเสียดายสุด ๆ ฉากต่อสู้หลายฉาก ก็ทำออกมาแบบไม่สมเหตุสมผล ไม่ค่อยมีความดุดัน บางซีนดูแล้วเหมือนเด็กตีกันขำ ๆ

2/5 กะโหลก สำหรับภาพยนตร์แอ๊คชั่นฮีโร่คุณภาพคับจอ แต่บางช่วงบางตอนมีความไม่สุด ทั้งในด้านความเป็นเหตุเป็นผล ความสมดุล ถือว่ายังโชคดีที่ได้นักแสดงมากฝีมือมาคอยช่วยแบกอารมณ์หนัง บู๊บ้าง แต่เน้นคุยกันมากกว่า ใครกินข้าวอิ่ม ๆ แอร์เย็น ๆ อาจหลับคาเบาะโรงหนังได้แน่นอน สำหรับคอแอ๊คชั่นก็อย่าเพิ่งน้อยใจ ฉากดุเดือดไปจัดเต็มในช่วงท้าย สำหรับเอ็นเครดิตท้ายเรื่องนั้น ไม่ต้องเสียเวลานั่งดู เพราะมีฉากเอ็นเครดิตแค่ 1 ฉากเท่านั้น

—————————————–

คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ Marvel Entertainment