ใครที่กำลังทำงานอยู่กับบ้าน เสร็จจากงานแล้วเจอฝนตกช่วงเย็นๆ ค่ำ ๆ ก็คงอยากจะหาหนังสนุกๆ สักเรื่องมาดูผ่อนคลาย “ดูหนังกับหมี” จึงขอแนะนำ แอนิเมชั่นแนว “โหด-ดุ-ดิบ” จากแพลตฟอร์มช่อง Netflix เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ เรื่องราวปฐมบทของเหล่านักล่าสัตว์ประหลาดใน The Witcher Nightmare of the Wolf หรือ “เดอะวิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร : ตำนานหมาป่า” ซึ่งหากใครที่เคยดู “The Witcher” มาแล้วก็จะรู้ว่า ตัวละครหลักของเรื่องก็คือ “เกรัลต์ ออฟ ริเวีย” (รับบทโดย เฮนรี แควิลล์) หนุ่มนักล่าสัตว์ประหลาดฝีมือดาบขั้นเทพ

แต่กว่าที่เขาจะกลายเป็นนักล่าระดับตำนานได้นั้น ต้องถูกฝึกฝนอย่างหนักชนิดเสี่ยงตายตั้งแต่ยังเป็นเด็ก โดยปรมาจารย์ที่ฝึกวิชาการต่อสู้ให้เขานั้นก็คือ “เวอร์ซีเมียร์” สุดยอด The Witcher ที่ล้มปิศาจ-สัตว์ประหลาดบิ๊กๆ ระดับมังกรได้สบาย ๆ ซึ่งในเรื่อง The Witcher Nightmare of the Wolf จะได้พาคุณผู้ชมมาทำความรู้จักประวัติของเขา ก่อนจะก้าวเข้าสู่เนื้อเรื่องใน The Witcher season 2 นี้ด้วย

เรื่องย่อ
กลุ่มมือสังหารปิศาจที่เรียกตัวเองว่า “วิทเชอร์” พวกเขาทำงานเอาชีวิตไปสู้กับสัตว์ประหลาดและพวกปิศาจ เพื่อแลกกับเงินทอง แต่หากผู้จ้างวานไม่มีเงินตามที่พวกเขาต้องการ ก็ต้องแลกเปลี่ยนตามกฎการแลกเปลี่ยน คือ ส่งบุตรสาวบุตรชายของตัวเองไปทำงานเป็นผู้รับใช้เหล่าวิทเชอร์ ซึ่งแน่นอนว่า เด็ก ๆ พอถึงอายุที่จะต่อสู้ได้ พวกเขาก็จะถูกฝึกให้กลายเป็นวิทเชอร์ไปด้วย แต่ก็ยังมีเด็กอีกประเภทที่ทนความกดขี่ข่มเหงจากชนชั้นสูงไม่ไหว ยอมหนีออกจากบ้านเพื่อขอเข้าร่วมกับ “วิทเชอร์” หนึ่งในนั้นก็คือ “เวอร์ซีเมียร์” เด็กน้อยผู้มีจิตใจกล้าหาญ เขาเติบโตขึ้นจนกลายเป็นสุดยอดนักล่าผู้แข็งแกร่ง

แต่แล้ววันหนึ่งเขาก็พบว่ามีกลุ่ม ปิศาจ-สัตว์ประหลาดสายพันธุ์ใหม่ ออกมาไล่ฆ่าผู้คนในเมือง พวกมันแข็งแกร่งและเฉลียวฉลาดไม่เหมือนกับปิศาจ-สัตว์ประหลาดทั่ว ๆ ไป แม้ “เวอร์ซีเมียร์” จะสังหารมันได้ แต่ต้นตอของสัตว์ประหลาดเหล่านี้อยู่ที่ไหนกันแน่ เขาจะยับยั้งหายนะครั้งนี้ ก่อนที่อาณาจักรจะถูกทำลายได้หรือไม่ ติดตามได้ทาง Netflix เท่านั้น!!

จุดเด่นของ The Witcher Nightmare of the Wolf
ขึ้นชื่อว่าแอนิเมชั่นของ Netflix ความละเอียดความงามของลายเส้นนั้น 100 คะแนนเต็มไม่มีหักอยู่แล้ว ยิ่งเรื่องนี้ได้ผู้กำกับแดนกิมจิที่ถนัดงานวิจิตรศิลป์ภาพสวยแสงคมอย่าง “กวางอิลฮาน” (Kwang Il Han) มากุมบังเหียนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ภาพ-ฉาก การมูฟเมนต์ เคลื่อนไหว มีความโดดเด่นชวนให้ติดตาม

ขณะเดียวกันบทของหนังที่ดูเรียบง่าย จนคนดูคิดว่าเดาทางออกว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่กลับผิดคาด เนื้อเรื่องมีการพลิกแพลงจนคาดเดาไม่ออก เช่น ตัวละครบางตัวที่คิดว่าสำคัญ สักพักก็กลายเป็นศพไปดื้อ ๆ นอกจากนี้ยังมีมุมมองของการเปรียบเปรยสังคมในโลกปัจจุบัน คือกรณี สถานการณ์ในหนังแอนิเมชั่น เมื่อปิศาจ-สัตว์ประหลาดจู่ ๆ ก็โผล่ออกมาฆ่าคนทุกวันโดยหาสาเหตุไม่เจอ ซึ่งก็ไม่ต่างกับโลกของความจริงที่กำลังมีโรค “โควิด-19” ระบาดหนักพรากชีวิตผู้คนไปทุกวันไม่แพ้กัน ซึ่งทางเดียวที่จะต่อสู้กับสิ่งเหล่านี้ได้ก็คือ ความร่วมมือร่วมใจของทุกคนเท่านั้น

จุดอ่อนของ The Witcher Nightmare of the Wolf
บทของหนังมีความพยายามโยงเรื่องราวของตัวเอก ผูกปมความขัดแย้งกับกลุ่มศัตรู แต่ปราฏว่าเหตุผลของความขัดแย้ง ยังดูหลวมเกินไป ขณะที่คอสตูมการแต่งกายของเหล่าตัวละคร ก็ไม่ได้โดดเด่น เหมือนในภาพยนตร์ซีรีส์ แอ๊คชั่นก็ดูราบเรียบ ไม่ได้มีความสามารถพิเศษอะไรออกมาโชว์ ทั้งยังไม่เหมาะสำหรับหนูๆ เพราะเรตติ้ง 18+ มีฉากฆ่ากันตายแบบสดๆ

5/5 ไม่มีหักอะไรทั้งสิ้น สำหรับแอนิเมชั่น ระกับคุณภาพคับแก้ว มีกลิ่นอายการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง สอดแทรกแนวคิดทางการเมืองจนทำให้ต้องหวนกลับมาดูโลกของความจริง


คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน

ขอบคุณข้อมูล ภาพจาก เว็บไซต์ Youtube และ Netflix