“เงิน” คือปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต

ทุกวันนี้เราทำงานเพื่อแลกกับเงิน เพื่อนำไปจับจ่ายใช้สอย

ค่าเงินของแต่ละคนไม่เท่ากัน มากน้อยแล้วแต่ต้นทุนของแต่ละคน

หากเงินที่เราหามาได้ ซึ่งจำเป็นต้องใช้อย่างประหยัด เหมาะสมกับชีวิต

เกิดหาย! แบบไม่ได้ตั้งใจ เชื่อว่าคงเครียดไม่ใช่น้อย

ที่ “เสือสมุทร” เอ่ยมานั้น จะพาไปพบกับ 2 เรื่องราวความดีมีน้ำใจของคน 2 อาชีพ ที่เก็บเงินคืนเจ้าของ

เรื่องแรกไปกันที่ จ.อุทัยธานี เมื่อ “ขวัญเนตร พลฉลาด” ได้โพสต์ภาพสามี ขณะพามาตรวจรักษาที่ รพ.ทัพทัน ผ่านเฟซบุ๊ก โดยระบุว่า #รู้สึกขอบคุณ เรื่องราวก็มีอยู่ว่า เมื่อวานนี้พาสามีไป รพ.ทัพทัน หลังจากที่สามีเข้าซักประวัติแล้ว เราก็ออกไปขับรถเพื่อไปจอด แล้วรีบลงรถเพื่อมาดูว่าสามีอยู่ตรงไหน ด้วยความเร่งรีบ พอเข้ามาก็เห็นว่า สามีตัวเองนั่งอยู่ที่รถเข็นเพื่อรอพบแพทย์ ทันใดนั้น ก็มี #พนักงานเปล ของ #โรงพยาบาลทัพทัน มาสะกิดที่แขน เราก็ตกใจ “พี่ทำเงินร่วงครับ ผมเห็นมันตกจากกระเป๋าตอนพี่ลงจากรถ” “อ้าวรึ.. ขอบคุณมากค่ะ” ขอให้ท่านจงพบแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิตนะคะ เพราะท่านเป็นคนดี (ไม่ได้ถ่ายรูปพนักงานเปล แต่เป็นรูปสามี)

นางขวัญเนตร พลฉลาด อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ 3 บ้านดงพิกุล ต.หนองกลางดง อ.ทัพทัน จ.อุทัยธานี เล่าถึงเหตุการณ์ประทับใจว่า เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มี.ค. เวลาประมาณ 14.00 น. ขณะที่ตนเองกำลังพาสามีไปตรวจรักษาอาการเจ็บป่วยจากการเล่นฟุตบอล แล้วเกิดข้อเข่าบิดจนเกิดการอักเสบมีอาการปวดมาก เมื่อมาถึงโรงพยาบาลทัพทัน ได้ขับรถขึ้นไปส่งบริเวณอาคารผู้ป่วยนอก แล้วรีบลงไปหาที่จอดรถ ก่อนรีบกลับเข้าไปหาสามี ซึ่งน่าจะเป็นช่วงนั้น ที่เงินในกระเป๋ากางเกงร่วงหล่นโดยที่ไม่รู้ตัว ในใจตอนนั้นก็เกิดความกังวล

ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังซักประวัติสามีอยู่ และรอพบแพทย์ ก็มีน้องพนักงานเปลของโรงพยาบาล เดินเข้ามาสะกิดพร้อมกับนำเงินคืนให้ ถึงรู้ว่าเงินตัวเองล่วงหาย พร้อมกับได้ทำการขอบคุณน้องไป

“ยังจำฝังใจถึงความดีของน้องพนักงานเปล ที่ส่งเงินคืนให้โดยไม่คิดเก็บเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง วันนี้ จึงได้โพสต์เฟซเพื่อแสดงความขอบคุณกับน้องพนักงานเปลถึงการทำดี และอยากจะให้สังคมมีคนดี ทำความดีอย่างน้องพนักงานเปลคนนี้” ขวัญเนตร กล่าว

ฟากความรู้สึกของพนักงานเปล ที่ได้ทำความดี คิดอย่างไร

นายองอาจ สมัครการไถ อายุ 40 ปี ซึ่งเป็นพนักงานเปล โรงพยาบาลทัพทัน บอกว่า วันนั้นขณะที่ตนเองกำลังรอส่งคนไข้ขึ้นรถญาติที่จะขึ้นมารับด้านหน้าตึกผู้ป่วยนอก และเหลือบไปเห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ลักษณะรีบร้อน และเห็นอะไรบางอย่างร่วงจากจากตัวผู้หญิงคนนั้น แต่ก็รอให้ส่งคนไข้ขึ้นรถกลับบ้านก่อน จึงได้รีบลงจากตึกไปทางบันไดด้านหน้า ก็พบเงินอยู่ปึกหนึ่ง แต่ไม่รู้จำนวนเท่าไร เพราะไม่ได้นับ คิดอยู่อย่างเดียวว่า “ต้องรีบนำไปคืนเจ้าของ” ซึ่งจำได้แม่นว่าเป็นใคร จึงรีบเดินเข้าตึก เพื่อเดินหาจนพบกับเจ้าของเงินดังกล่าว

“เงินที่เก็บได้นั้น ไม่เคยคิดเอาเป็นของตัวเอง คิดแค่เพียงว่า ถ้าไม่คืนเขาคงเดือดร้อนแน่ เพราะเขามาโรงพยาบาลต้องใช้เงิน รู้สึกดีใจที่การทำความดีในครั้งนี้ ที่ได้รับคำชื่นชมการทำความดีผ่านทางสื่อโซเชียลอีกด้วย” พนักงานเปล น้ำใจงาม กล่าว

มาต่อกันอีกเรื่องราวการทำความดี เกิดขึ้นที่ จ.ชัยภูมิ

เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ที่ผ่านมา เพจ ข่าวนายางกลัก ได้โพสต์ติดตามหากระเป๋าสตางค์หล่นหาย ในกระเป๋ามีเงินสด 4,000 บาท บริเวณหน้าโลตัสในเขตตลาดนายางกลัก ซึ่งเป็นของหลวงพ่อวิบูรณ์ ฐานากโร อายุ 49 ปี จำวัดอยู่ที่วัดบ้านโคกกระเบื้อง ต.บ้านไร่ อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ เพื่อขอเงินในกระเป๋าคืน เนื่องจากเป็นเงินที่หลวงพ่อไว้ใช้ในยามอาพาธ จากนั้นไม่นาน ก็มีคนติดต่อเข้ามาว่า เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ อยากจะนำเงินไปส่งมอบให้เจ้าของ

ดังนั้นทางเพจ จึงติดต่อผู้เก็บกระเป๋าสตางค์ได้ และติดต่อหลวงพ่อวิบูรณ์ ผู้ทำกระเป๋าสตางค์ตกหล่น ให้มาติดต่อรับกระเป๋าเงินคืนที่หน้าห้างโลตัส สาขานายางกลัก

หลวงพ่อวิบูรณ์ กล่าวว่า ขณะที่ได้เดินทางมาจากวัดบ้านโคกกระเบื้อง และได้ลงไปซื้อกาแฟ และเอ็ม 150 เอาไว้ประจำที่วัด เผื่อญาติโยมมาเยี่ยมจะได้ดื่มกินกัน พอจะนำเงินมาจ่ายค่าเครื่องดื่ม พบว่าเงินในกระเป๋าหายไป รู้สึกตกใจมาก กลับไปที่วัดคิดในใจอยู่เหมือนกันว่า คงไม่มีโอกาสได้เงินที่หายไปคืนแน่นอน แต่เมื่อทราบว่ามีผู้ที่มีน้ำใจงามติดต่อจะนำเงินมาคืน รู้สึกดีใจ และเป็นที่น่าชื่นชมมากๆ อยากให้สังคมมีคนแบบนี้ให้มากๆ เพราะน้อยมากจะมีโอกาสได้คืน

นางหงษ์ทอง มิ่งสันเทียะ อายุ 32 ปี อยู่บ้านเลขที่ 346 หมู่ 2 บ้านหัวสะพาน ต.นายางกลัก อ.เทพสถิต จ.ชัยภูมิ แม่ค้าขายลอตเตอรี่อยู่บริเวณหน้าห้างโลตัส นายางกลัก ผู้เก็บกระเป๋าเงินของหลวงพ่อ บอกว่า ตนเองกำลังเก็บสิ่งของจะกลับบ้าน เหลือบมองไปเห็นเจอกระเป๋าใบนี้ตกอยู่บริเวณหน้าห้างโลตัส จึงเก็บขึ้นมา และได้เปิดดูพบว่าข้างในเห็นมีเงินเยอะ จึงได้นำกระเป๋ามาแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ป้อมตำรวจจุดนายางกลัก เพื่อให้ช่วยติดต่อหาเจ้าของมารับทรัพย์สินคืน ตนมีความคิดว่า “ไม่อยากเอาเงินนี้เป็นของตัวเอง และเกรงว่าเจ้าของจะเดือดร้อน กว่าจะหาเงินได้มาก็ลำบาก ขนาดเงินของตนเองหาย 500 บาท ก็ยังรู้สึกเสียดาย คนอื่นก็น่าจะเป็นเหมือนกัน”

เรื่องราวทั้ง 2 เหตุการณ์ “เก็บเงินส่งคืนเจ้าของ” ถือเป็นต้นแบบการทำดีที่น่ายกย่อง.

……………………………………..
คอลัมน์ “คนดีของสังคม”
โดย “เสือสมุทร”
ขอบคุณข้อมูล-ภาพ “วิรัตน์ ดวงแก้ว” ผู้สื่อข่าวเดลินิวส์ออนไลน์ จ.ชัยภูมิ / “จุติภรณ์ กำเนิดเวช” จ.อุทัยธานี
อ่านเรื่องราว “คนดีของสังคม” ได้ที่นี่..