ไม่ว่าจะเป็นการเดินครบ 10,000 ก้าว, การทำภารกิจต่าง ๆ ให้สำเร็จ เช่น การเป็นสมาชิกของสื่อสังคมออนไลน์ หรือเพียงแตะหน้าจอสมาร์ทโฟนเมื่อมีผู้ใช้รายอื่นอยู่ใกล้ ๆ ก็สามารถสร้างรายได้ถึง 10 เซนต์ต่อครั้ง (ราว 0.34 บาท) สำหรับผู้ใช้แอปพลิเคชันบริการทางการเงินที่มีชื่อว่า “ทอสส์” จาก “วิวา รีพับลิกา” บริษัทสตาร์ตอัพสัญชาติเกาหลีใต้
แคมเปญที่แพร่หลายอย่างรวดเร็วนี้ ทำให้ทอสส์ กลายเป็นผู้นำในเทรนด์ที่ธุรกิจต่าง ๆ สามารถชนะใจผู้งานผ่านแอปพลิเคชันเก็บสะสมแต้ม และมอบเงินสด ซึ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นในเกาหลีใต้ที่กำลังประสบปัญหาทางเศรษฐกิจ ทั้งการว่างงานในกลุ่มคนรุ่นใหม่ และอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูง
การสำรวจครั้งล่าสุดของบริษัททรัพยากรมนุษย์เกาหลีใต้ “อินครูต” เผยให้เห็นว่า สัดส่วนผู้ใหญ่ชาวเกาหลีใต้ 3 คน จากทั้งหมด 4 คน ได้รับเงินสดผ่านแอปพลิเคชันดังกล่าว
“แม้ตอนนี้ฉันจะทำเงินได้เพียง 150 วอน (ราว 3.87 บาท) แต่ฉันมีแผนที่จะทำต่อไป เพื่อที่ฉันจะสามารถซื้อกาแฟ หรือจ่ายเงินโดยใช้แอปพลิเคชันนี้ได้” น.ส.แบค นา-ยัง พนักงานออฟฟิศ วัย 27 ปี กล่าว
ด้านบริษัท วิวา รีพับลิกา ระบุว่า ผู้ใช้งานประมาณ 4.4 ล้านคน ใช้ระบบมอบเงินในแอปพลิเคชันของทอสส์ นับตั้งแต่การเปิดตัวเมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา และจำนวนครั้งที่ผู้คนเปิดแอปพลิเคชันนี้บนโทรศัพท์มือถือยังเพิ่มขึ้น 30% อีกด้วย
ขณะที่ นายฮัน ซุน-แจ วัย 77 ปี กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ เขาทำเงินได้ประมาณ 50,000 วอน (ราว 1,300 บาท) ผ่านแอปพลิเคชัน ทอสส์
“ลูกสาวของผมที่ทำงานอยู่แถว ๆ นี้ บอกกับผมว่ามีคนมากมายมารวมตัวกันที่นี่ และผมสามารถทำเงินมากขึ้นที่นี่ได้” ฮัน กล่าวที่ด้านนอกพิพิธภัณฑ์ศิลปะกรุงโซล ซึ่งมีพนักงานออฟฟิศหลายคนมารวมตัวกันในช่วงพักเที่ยง ตามกระแสในหมู่ชาวเกาหลีใต้
บรรดาผู้สันทัดกรณีระบุว่า แนวโน้มข้างต้นแสดงให้เห็นว่า ชาวเกาหลีใต้ต่างพยายามอย่างเต็มที่ ในการฟันฝ่าสถานการณ์การทางเศรษฐกิจในประเทศที่ยังคงเลวร้าย โดยอัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของเกาหลีใต้แตะ 5.1% ในปี 2565 ซึ่งถือว่าสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2541 โดยราคาอาหารและการขนส่งเพิ่มขึ้น 5.9% และ 9.7% ตามลำดับ
นอกจากนี้ ข้อมูลจากสำนักงานสถิติเกาหลี ยังเผยให้เห็นว่า ชาวเกาหลีใต้ราว 497,000 คน ที่มีอายุระหว่าง 15-29 ปี เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา กล่าวว่า พวกเขาอยู่ในช่วง “เว้นวรรคจากการทำงาน” และไม่ได้หางานทำ ซึ่งเป็นจำนวนมากที่สุด นับตั้งแต่เริ่มมีการบันทึกสถิติ เมื่อปี 2546
อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญบางคนกล่าวเตือนว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อโอกาสในการรับเงิน อาจกลายเป็นความเสี่ยงให้บุคคลที่สาม สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลที่อ่อนไหว.
เลนซ์ซูม
เครดิตภาพ : REUTERS