ถือว่าเหนือความคาดหมายไม่น้อยกับกรณีของ ไค ฮาแวร์ตซ์ กองหน้าทีมชาติเยอรมนีเชลซี ที่บรรลุข้อตกลงย้ายไป อาร์เซนอล ด้วยค่าตัวราว 65 ล้านปอนด์ บวกกับออปชั่นอีกราว 5 ล้านปอนด์

คำถามก็คือ ทำไมทีมปืนใหญ่ อยากได้นักเตะรายนี้? และเขาจะมอบมิติใหม่ๆ ให้เกมรุกของอาเซนอลได้อย่างไร? มิเกล อาร์เตตา จะใช้งานเขาแบบไหน ไปดูพร้อมกัน

ฮาแวร์ตซ์ กับ เชลซี
ฮาแวร์ตซ์ ย้ายจากไบเออร์ เลเวอร์คูเซน มาร่วมทีมสิงห์บลูส์ เมื่อปี 2020 ด้วยค่าตัว 75 ล้านปอนด์ หลังทำผลงานเป็นที่เตะตา

เดิมทีแล้ว เขาเป็นนักเตะในตำแหน่งกองกลางตัวรุก แต่เมื่อย้ายมาอยู่เชลซี เขาถูกใช้ในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอก

32 ประตูจาก 139 เกม คือตัวเลขในการลงเล่นกับเชลซีของ ฮาแวร์ตซ์ ทำให้เขามีค่าเฉลี่ยการทำประตูอยู่ที่ 0.23 ประตูต่อเกม

ส่วนตอนอยู่ เลเวอร์คูเซน ค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 0.31 ประตูต่อเกม

ในพรีเมียร์ ลีก ฤดูกาล 2022/23 ผลงานการทำประตูของ ฮาแวร์ตซ์ ไม่ค่อยน่าพอใจ เขามีสถิติความน่าจะเป็นของการได้ประตู อยู่ที่อันดับ 2 รองจาก แพทริค แบมฟอร์ด แต่เขากลับทำได้เพียง 7 ประตู

ว่าง่ายๆก็คือ เขาพลาดจังหวะการทำประตูไปเยอะ ถ้านับแบบจำเพาะเจาะจง หัวหอกเมืองเบียร์พลาดจังหวะสำคัญไป 14 จาก 18 ครั้ง

เพียง 7 ประตูในลีก กับอีก 2 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนลีก จากการลงเล่น 45 นัด มันไม่เพียงพอต่อการเป็นกองหน้าของทีมระดับท็อปแน่นอน

จึงเกิดคำถามขึ้นว่า นี่หรือคือกองหน้าที่เชลซีต้องการ?

เพื่อนร่วมทีมก็เป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้เขาแสดงศักยภาพออกมาได้ไม่เต็มที่

ในบทบาทกับเชลซี ฮาแวร์ตซ์ เป็นผู้นำในเกมรุก แต่เพื่อนร่วมทีม ก็ไม่สามารถช่วยเหลืออะไรเขาได้มาก และไม่สามารถทำประตูได้อย่างที่ควร

อย่างที่เห็นกันว่า เชลซี มีปัญหากันทั้งทีม การจะพึ่งพานักเตะเพียงคนเดียว คงไม่ใช่

โดยธรรมชาติแล้ว ฮาแวร์ตซ์ เหมาะที่จะเล่นในตำแหน่งหมายเลข 8 หรือ 10 ของทีมมากกว่า

แต่เขาเหมือนต้องเล่น 2 บทบาท ภายใต้บทบาทการเป็นกองหน้าตัวเป้า ในเสื้อหมายเลข 9 ของเชลซี ที่ทั้งต้องคอยเชื่อมเกม และยังต้องทำประตูด้วย

กองกลางที่เป็นกองหน้าได้นิดหน่อย
ฮาแวร์ตซ์ แสดงให้เห็นว่าเขามีความสามารถในการเล่นเป็น False 9 ได้ แต่เขา “ไม่ใช่” และ “ไม่เคย” เป็นกองหน้าตัวเป้าที่แท้จริง

คำอธิบายที่ดีที่สุดสำหรับนักเตะชื่อ ไค ฮาแวร์ตซ์ ก็คือ “ผู้เล่นตำแหน่งกองกลาง ที่ชอบเข้าไปในกรอบเขตโทษ” เพราะการสอดขึ้นมาทำประตู เป็นหนึ่งในจุดเด่นของเขา

คุณสมบัติของเขาค่อนข้างหลากหลาย ฮาแวร์ตซ์ เป็นจอมเทคนิคที่เล่นบอลด้วยเท้าได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถเล่นได้ทั้งริมเส้น หรือตรงกลาง อีกทั้งเขายังเป็นนักเตะที่มีการเคลื่อนที่อย่างยอดเยี่ยม

เขามีสถิติการวิ่งเมื่อไม่ได้ครองบอล อยู่อันดับที่ 2 ในลีก รองจากซน ฮึง มิน กองหน้า สปอร์ส

และมีสถิติการวิ่งโจมตี อยู่อันดับที่ 3 และเป็นอันดับ 2 ในการเคลื่อนที่หาช่อง เพื่อเป็นเป้าหมายในการจ่ายบอลของเพื่อนร่วมทีม

ปัญหาจึงอาจไม่ได้อยู่ที่ตัวเขาเองเสียทีเดียว

คนที่ใช่ของ อาร์เซนอล?
การเคลื่อนไหว และการคุมพื้นที่ของเขา จะสร้างเสน่ห์ให้กับ อาร์เซนอล ได้อย่างไม่ต้องสงสัย

ทีมปืนใหญ่ ภายใต้การคุมทีมของ มิเกล อาร์เตตา มักชอบให้ผู้เล่นแนวรุก สลับตำแหน่งกันบ่อยๆ เพื่อมิติเกมรุกที่หลากหลาย

ฮาเเวร์ตซ์ เล่นเป็นกองหน้าตัวกลาง มากกว่าตำแหน่งอื่นๆกับเชลซี แต่เขาก็เคยถูกให้เล่นทางฝั่งขวาของแนวรุกเช่นกัน บางครั้งยังเห็นเขาเล่นเป็นมิดฟิลด์ด้วยซ้ำ

สิ่งนี้อาจทำให้เขาเหมาะกับตำแหน่ง หมายเลข 8 ในระบบ 4-3-3 ของอาร์เซนอล

ตำแหน่งหมายเลข 8 ทางด้านขวา ของอาร์เซนอล แน่นอนว่าต้องเป็น มาร์ติน โอเดการ์ด ที่ยึดอยู่แล้ว แต่ยังมีตำแหน่งอื่นๆที่ ฮาแวร์ตซ์ สามารถเล่นได้

ฮาเเวร์ตซ์ เป็นนักเตะที่ใช้เท้าได้ดีทั้ง 2 ข้าง เขาจึงสามารถเล่นในตำแหน่งกองกลางด้านซ้ายได้

ตรงนี้เป็นตำแหน่งของ กรานิต ชากา ที่มีข่าวจะย้ายทีมพอดี อีกทั้งถ้าจำเป็น เขายังสามารถเป็นตัวรุกริมเส้นได้อีกด้วย

กองหน้าตัวเป้าของ อาร์เซนอล มี กาเบรียล เชซุส อยู่แล้ว คุณสมบัติของ ฮาเเวร์ตซ์ และเชซุส ไม่ได้ต่างกันนัก ในแง่ของการเคลื่อนไหว หรือความสามารถในการเพรสซิ่ง

แต่ฮาเเวร์ตซ์ มีจุดเด่นอย่างหนึ่ง ที่จะมาเพิ่มความหลากหลายในแนวรุกของทีมปืนใหญ่ได้ นั่นก็คือ การเล่นลูกกลางอากาศ

ฮาเเวร์ตซ์ มีส่วนสูง 193 เซนติเมตร และสามารถเล่นลูกกลางอากาศได้ดี แม้เขาจะไม่ใช่กองหน้าตัวเป้า แต่เขามีความแข็งแกร่ง และมีรูปร่างที่พอจะดวลลูกกลางอากาศได้

ฤดูกาลที่แล้วกับ เชลซี ฮาแวร์ตซ์ ทำประตูจากลูกโหม่งไป 3 ประตู ซึ่งถือว่าไม่เยอะ แต่อย่าลืมว่า เขาทำประตูไปเพียง 7 ประตูในลีก เท่ากับว่า ประตูที่มาจากลูกโหม่ง เกือบจะเป็นครึ่งนึงของทั้งหมด

หากดูถึงสถิติ การดวลลูกกลางอากาศ ฮาเเวร์ตซ์ มีเปอร์เซ็นชนะถึง 56 เปอร์เซ็นต์ มากกว่า อเล็กซานดาร์ มิโตรวิช หน้าเป้าธรรมชาติ ของ ฟูแล่มด้วยซ้ำ

จึงยิ่งไม่ต้องเทียบกับ เชซุส ที่มีเปอร์เซ็นต์ชนะลูกกลางอากศเพียง 37 เปอร์เซ็นต์

สรุปก็คือ การย้ายทีมของ ฮาเเวร์ตซ์ ในวัยแค่ 24 ปี น่าเป็นผลดีต่อทั้งตัวเขาเอง และทีมที่ใช้งานเขาได้ถูกต้อง และเหมาะสมกับความสามารถ

ต้องตามดูต่อไปว่า อาร์เตตา จะรีดศักยภาพของนักเตะรายนี้ได้มากแค่ไหน และเจ้าตัวจะแสดงศักยภาพออกมาได้เต็มที่หรือไม่?