เรียกได้ว่าเป็นชายผู้สร้างปรากฏการณ์มากมายทั้งการเข้าไปเล่นใน Master Reykjavík ช็อตโชว์ความคลาส บนเวทีระดับ Champoins หรือเเม้เเต่การปัดข้อเสนอทุกทีมจาก Valorant League เเละพาทีมนอกลีกอย่าง Bleed eSports เข้าสู่ Valorant League เเทน หนึ่งในคนไทยที่ถูกยกย่องมีฝีมือเป็นต้นๆในระดับเอเชียเเละระดับโลก โลก วันนี้ Inside The Game จะพาทุกคนมารู้จักกับ พล “sScary” เจ้าของเเชมป์ VCT Ascension Pacific เเต่ก่อนที่จะถึงจุดนี้ บนเส้นทางของเจ้าตัวก่อนที่จะมาถึงจุดนี้ เจ้าพลต้องผ่านอะไรมาบ้าง

จุดเริ่มต้นสู่วงการ Valorant 

เด็กชาย ณัฐชพล มะตะรัตน์ เกิดเเละเติบโตมาในครอบครัวในระดับปานกลาง เเม้จะเป็นเด็กเรียนไม่ค่อยดี เเต่สิ่งที่ชอบเเละเจ้าพลทำได้ดีคือการเล่นเกมซึ่งเล่นมาตลอดเเม้จะถูกจำกัดเวลาจากพ่อเเม่ก็ตาม เเต่ถึงอย่างนั้น “เจ้าพล” เเทบไม่ได้วนเวียนอยู่ในวงการ eSports เลยเเม้เเต่น้อย จนกระทั่งการเข้ามาของเกม “SURA” ทำให้เจ้าตัวได้รู้จักกับคำว่า eSports เเละได้เเสดงฝีมือในการเล่นที่เเท้จริงออกมา ด้วยการเป็นเเชมป์ในการเล่นเเบบ Solo เเต่ด้วยตัวเกมที่ไม่ได้ดังมากเเละเปิดตัวได้เพียงปีเดียว ทำให้เจ้าพลต้องโยกย้ายไปสู่เกมใหม่อย่าง Special Forces 2 เเต่ก็ไม่ได้ประสบความสำเร็จมากนัก ด้วยการเเข่งขันที่สูง ประกอบกับบรรยากาศ ณ ช่วงเวลานั้นเรียกว่าเป็น “ยุคมืดของวงการ eSport ไทย” ขนาดเจ้าตัวถึงกับบอกว่า “อาจจะตายได้เลย” ทำให้ชื่อ sScary เริ่มห่างหายออกไปจากสายระบบ เเต่ก็ยังเล่นเกมอยู่เรื่อยทั้ง CSGO ในระดับ Faceit หรือ LOL ซึ่งเป็นเกมที่ทั้งทำให้เจ้าตัวยังคงอยู่ในวงการ eSports เเม้จะเป็นในฐานะคนดูก็ตาม จะกระทั่งมีข่าวการเข้ามาของ Valorant ทำให้ตัว sScary นั่นเริ่มสนใจเเละมีไฟกลับมาเเข่งอีกครั้ง เจ้าตัวกล่าวว่า “ในผมได้ยินว่า Valorant กำลังจะเปิดให้เล่น ผมก็เลยตั้งเป้าหมายว่าจะเล่นในทีมที่ดีที่สุดของประเทศให้ได้” 

เเละในช่วงนั้น ศิษย์พี่ของเจ้าพลอย่าง Tempoline10 ที่เห็นเเเววเเละปลุกปั้นเจ้าพลมาตั้งเเต่เกม SURA กำลังทำทีม Valorant พอดี เจ้าพลเลยเข้ามาร่วมทีม เเต่ Line Up นั้นก็อยู่ได้ไม่นาน ทำให้เจ้าพลต้องพเนจรไปเรื่อยๆ เจอทีมที่เก่งบ้าง อ่อนบ้าง จนในที่สุดเจ้าพลก็ได้เข้าร่วม สังกัด Overtime eSport ซึ่งถือว่าโดยผลงานของ sScary ก็ถือว่าดูดีพอสมควร สามารถ จบอันดับ 2 ในรายการ ESL Thailand Championship 2020 ก่อนที่เจ้าพลจะได้รับข้อเสนอสุดสำคัญ ที่จะทำให้เขากลายเป็นที่รู้จักจนถึงทุกวันนี้

X10 eSport กับไลน์อัพระดับตำนานของประเทศไทย

โดยข้อเสนอนั้น มาจาก Pooh1tap ซึ่งภูนั้นเห็นฝีไม้ลายมือเจ้าพลมาตลอดในการเเข่งขันที่ผ่านมา จึงมาได้ชวนเขาเข้าสังกัด x10 eSports เเค่เพียงทัวร์นาเมนต์เเรกก็ประเดิมคว้าเเชมป์ได้ทันที ต่อมาก็สามารถเข้าไปเล่นในรายการ VCT 2021: Southeast Asia Stage 1 Masters เเละ VCT 2021: Southeast Asia Stage 2 Challengers Finals สามารถคว้าเเชมป์เเละโควตาไปเล่นบนรายการใหญ่ที่สุดของ Valorant นั่น(ในเวลานั้น) คือรายการ Masters – Reykjavík ได้สำเร็จ

เหินฟ้าสู่เรคยาวิคไปกับ X10 Esports! - YouTube

ไปต่อกับเวที Master ต่อด้วย Champions 

“ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายบนเวที Master เรารู้สึกเป็นตัวเล็กลงไปเลยเมื่อไปอยู่ตรงนั้น” บางช่วงบางตอนที่ sScary ได้กล่าวไว้หลังจากได้ไปสัมผัสเวที Reykjavík ถึงเเม้ว่าจะพูดอย่างนั้นเเต่ X10 พึ่งได้ผู้เล่นใหม่อย่าง Patiphan ที่เข้ามาเเทนที่ของ Pooh1tap ก็ไปได้ไกลถึงอันดับที่ 7-8 โดยมีผลงานในเอาชนะ Crazy Raccon 2-0 ก่อนที่จะไปเเพ้อันดับ 2 ของรายการอย่าง Fnatic เลยทีเดียว

Jogador da X10 aponta atitude "não profissional" da Vikings após pause

หลังจากนั้นทาง พล เเละ X10 ก็ได้เเสดงให้เห็นว่าเขาเป็นอันดับ 1 ของไทยเเละระดับท็อปของ Asia ทั้งการเป็นเเชมป์เเทบทุกรายการในประเทศไทย รวมถึงการได้ไปเล่นบนเวทีระดับโลกทั้ง VALORANT Champions 2021 ในนาม X10 Crit ก็สามารถจบไปที่แันดับที่ 5-8 ของการเเข่งขันโดยไปเเพ้ให้เเก่ทีมฟอร์มเเรงอย่าง Gambit eSports อันดับ 2 ของโลก (ณ ตอนนั้น) ก่อนที่ Line Up ชุดนี้จะไปต่อในชื่อของ XERXIA คว้าทุกเเชมป์ในประเทศ ไปเป็นรองเเชมป์ในรายการ APAC ก่อนที่จะไปโลดเเล่นอีกครั้งในรายการ Valorant Champoins Tour 2022 ถ้าหากนับว่าในไทย sScary ก็ถือว่าประสบความสำเร็จเเต่สำหรับ “เจ้าพล” ที่อยากจะพัฒนาเเละชนะมากกว่านี้ ก็เริ่มมองถึงเป้าหมายต่อไป นั่นคือการเป็นเเชมป์โลกให้ได้

ปฏิเสธการเข้าลีก ไปต่อกับ Bleed eSports

หลังจากจบการเเข่งขัน Champions 2022 ทาง Valorant eSports ก็ได้ เข้าสู่ยุคการเเข่งขันเเบบ League อย่างเป็นทางการ sScary เเละตัวเพื่อนๆ XERXIA เองก็ถูกคาดการว่าจะได้ไปเล่นให้กับ Talon กันทั้ง Line Up หรือเเม้เเต่ไปเล่นให้ทีมอื่นๆในลีกเอง เเต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ sScary กลับเลือก Bleed eSports สโมสรระดับท็อปที่เป็นไม้เบื่อไม้เมาของบ้านเรามานาน เเต่ไม่ได้รับเลือกให้เข้าไปในเล่นใน League ด้วยค่าตัวราวๆ 50 ล้านบาทสำหรับนักกีฬาไทยถือว่าสูงมากเลยทีมเดียว

โดยทาง sScary ได้ให้เหตุผลที่ Joined กับ Bleed ว่าใน “ผมมองจากตัวผู้เล่น เเละ ศักยภาพของทีมเเล้ว Bleed สามารถไปถึงจุดนั้นได้” โดยที่ประเดิมทัวร์นาเมนต์เเรกก็สามารถคว้าเเชมป์เเละโควตาไปในรายการ Valorant India Invitational ได้ ก่อนที่ในรายการนั้นจะ Bleed จะไปไกลได้ถึงรอบ Semi-Finals จบด้วยการเเพ้ Team Heretics ทีมระดับ League จาก EMEA ก่อนจะเข้าไปเเข่งขันในรายการ VALORANT Challengers 2023: Malaysia & Singapore Split 1 เเละจบด้วยการคว้าเเชมป์ได้สำเร็จ

เเต่หลังจากที่ทาง Riot ประกาศว่า รายการ Spilt 1 นั้นไม่มีผลต่อการเข้าสู่เวที Acension ทำให้ sScary เเละ Bleed eSports นั้น ต้องกลับมา Focus ที่ Spilt 2 เเทบจะในทันที (อันนี้เจ้าตัวบอกเอง)

ในรายการ VALORANT Challengers 2023: Malaysia & Singapore Split 2 Bleed เข้ารอบมาเเบบสบายๆเเบบไร้พ่าย เเถมยังตบคู่เเข่งคนสำคัญอย่าง x10 eSports (อันนี้คือทีมชุดสัญชาติมาเลเซียเเล้วนะครับ) ทั้งในรอบ PlayOff เเละรอบชิงชนะเลิศ ทำให้ Bleed eSports ได้ตั๋วเข้าสู่ประตูด่านสุดท้ายอย่างทัวร์นาเมนต์ VCT Acension Pacific 2023

Home Town Buff พาเข้า Pacific League

ใน VCT Acension Pacific 2023 ที่จัดขึ้นที่กรุงเทพ Bleed eSports สามารถผ่านเข้ารอบมาได้ด้วยการเเพ้ต่อ Dplus เเค่ทีมเดียวเเละเป็นอันดับ 1 ของ Omega Group ก่อนที่จะเข้ามาเฉือนทีมที่ตึงที่สุดของรายการอย่าง BOOM eSports 2-1 เเละเข้าไปชิงชนะเลิศกับ Team Scarz จากญี่ปุ่น

อย่างที่รู้กันกันว่าจุดเปลี่ยนสำคัญในการเเข่งขันรอบชิงชนะเลิศนั้นอยู่ที่เเผนที่เเรกในด่าน Haven ที่ sScary โชว์ความเหนือชั้นด้วยการ Clutch 1V4 พา Bleed eSports เก็บเเผนที่เเรกจาก Scarz ได้สำเร็จ ก่อนที่จะเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-0 เกม โดย sScary นั้นได้กล่าวถึงจะจังหวะนั้นว่า “จังหวะนั้นผมคำนวณเงินเเล้วว่าถ้าเเพ้ก็ยังมีเงินซื้อได้อีกตา ผมก็อยากจะหาคิลด้วย เเต่พอมันได้ 2 เเล้วทุกอย่างมันก็ไปเองครับ” ซึ่งนอกจากจะเก็บวินได้เเล้วถือเป็นการเทโมมนตัมไปทาง Bleed eSports ด้วยซึ่งหาก sScary ไม่สามารถ Clutch จังหวะนั้นได้งานก็อาจจะยากกว่านี้ (หมายถึงอาจจะไม่ 3-0)

MindSet ของนักกีฬา eSports ของ “พล sScary”

ปกติเเล้วการให้สัมภาษณ์หลังเเข่งขันของนักกีฬานั้นตอนที่ได้เเชมป์ก็มักจะเเสดงอาการดีใจเเต่สำหรับ sScary นั้นค่อนข้างเเตกต่าง โดยหลังจากที่ Acension ว่า “ตัวผมมี 2 เป้าหมายคือ เป้าหมายระยะยาวเเละเป้าหมายระยะสั้น เป้าหมายระยะสั้นนั้นคือผมยังอยากเป็นนักกีฬาอยู่ในอีก 3-5 ปี และ อยากเป็นแชมป์โลกของ VALORANT และผมมองว่า Bleed เองสามารถพาผมไปถึงในจุดๆนั้นได้” เเละก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเจ้าพลเป็นกำลังสำคัญของ Bleed พาทีมของเเชมป์ได้ทั้ง Split 1 เเละ 2 ของ Singapore ก็ที่จะมาคว้าเเชมป์ Acension เเละคว้าโควตา Pacific League ได้สำเร็จ

ส่วนเป้าหมายระยะยาวของเจ้าตัวนั้นน่าสนใจอย่างมากเพราะเจ้าตัวให้เหตุผลว่า เขานึกถึงเรื่องอื่นๆควบคู่ไปด้วย โดยเขาบอกว่าอาชีพนักกีฬาอีสปอร์ตมีเส้นทางอาชีพสั้นมาก เมื่อเวลาของพวกเขาในฐานะผู้เล่นที่มีเงินเดือนใกล้หมดลง พวกเขาก็ต้องหาหนทางอื่นเพื่อเลี้ยงดูครอบครัว “ผมอยากมีอิสระภาพทางการเงิน อยากทำอะไรที่มีเรื่องการเงินมาเกี่ยวก็สามารถทำได้ไม่มีปัญหา”

นอกจากนี้เจ้าตัวยังเคยให้สัมภาษณ์กับ one eSports ไว้ว่า “เงินที่ผมได้รับจากการเข้าร่วม Bleed ก็มากพอที่จะให้ผมและครอบครัวสามารถเกษียณได้เลยครับ”นี่อาจจะเป็น 1 ในเหตุผลที่ เจ้าผลตัดสินใจเลือก Bleed eSports มากกว่าทีมอื่นๆใน League ประกอบเจ้าตัวนั้นกล้าที่จะออกจาก Comfort Zone ในหลายๆครั้งตั้งเเต่การเรียนในระดับมหาวิทยาลัย เเละในครั้งนี้ที่กล้าจะจากเพื่อนๆ เเละปัดข้อเสนอจากทีมใน League มาทำทีมกับ Bleed eSports เเละเชื่อว่าค่าตัว 50 ล้านที่ Bleed จ่ายมาถือว่าคุ้มค่าเเล้วละครับ

sScary ยังทิ้งท้ายถึงทีมในลีก รวมไปถึงเพื่อนเก่าทีมอยู่ในทีม Talon eSports ไว้ว่า “WatchOut sScary is Back ยิงหมดไม่สนลูกใคร” คงต้องไปรอดูในลีกกันนะครับว่า Bleed เเละ sScary จะไปได้ไกลเเค่ไหน

——————————————–
GAMESTALK BY INSIDE THE GAMES
คอลลัมน์โดย Wacther
ติดตามรีวิวเกมส์ และ อื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ : INSIDE THE GAMES