เป็นอันรู้โดยทั่วกันว่า “โควิด-19” เป็นโรคติดต่อที่พุ่งเป้าเข้าโจมตีที่ “ปอด” โดยตรง บางรายติดเชื้อไร้อาการ บางรายมีการแสดงอาการให้เห็น แต่บางรายโชคร้ายอาการทรุดอย่างรวดเร็ว แต่ในกรณีที่ “ไม่มีอาการ” หรือ “อาการน้อย” ก็ยังวางใจไม่ได้ เพราะบางครั้งมาเงียบ ๆ รู้ตัวอีกทีปอดเป็นฝ้าไปเยอะแล้ว

เอาว่า เรื่องนี้ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ บอกว่า คนที่ติดเชื้อแล้วมีอาการมากน้อยต่างกันนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ภูมิคุ้มกัน และโรคประจำตัวของผู้ป่วย ตลอดจนปริมาณการรับเชื้อ ซึ่งช่องทางการรับเชื้อ ผ่านการสูดดมเข้าทางโพรงจมูกเข้าไปสู่ปอด จากการไอ จาม เสมหะ หรือการสัมผัสสารคัดหลั่งของผู้ที่มีเชื้อไวรัสโควิด-19 กรณีผู้ป่วยอาจไม่มีอาการหรือมีอาการทั่วไป เช่น มีไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส

แต่สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงที่จะส่งผลให้เกิดความรุนแรง เชื้อลงปอด คือ ผู้สูงอายุ และกลุ่มที่มีโรคร่วม ได้แก่ โรคอ้วน โรคเบาหวาน โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคไตวายเรื้อรัง โรคหลอดเลือดสมอง โรคมะเร็งทุกชนิด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันตํ่า กลุ่มเสี่ยงเหล่านี้จึงควรระมัดระวังตนเองมากเป็นพิเศษกว่าคนปกติทั่วไป เพราะหากเชื้อลงสู่ปอดแล้ว อาจส่งผลต่อระบบภายในอื่น ๆ ของร่างกายได้

หน้าที่สำคัญของปอดคือการแลกเปลี่ยนของออกซิเจนในเลือด ถ้าผู้ป่วยโควิด-19 เกิดเชื้อลงสู่ปอด จะทำให้มีอาการหอบเหนื่อย หายใจไม่อิ่ม เจ็บแน่นหน้าอก และระดับออกซิเจนในเลือดลดลง หากระดับออกซิเจนในเลือดลดลงมากเกินไป เช่น ออกซิเจนที่ไปเลี้ยงในส่วนของสมองน้อยลง จะทำให้เกิดภาวะซึม รู้สึกอ่อนเพลียได้

 นพ.สมศักดิ์ บอกว่า เกณฑ์ปกติระดับออกซิเจนในเลือดของร่างกายจะอยู่ที่ระดับ 97-100% ซึ่งตรวจได้ด้วยเครื่องวัดออกซิเจนปลายนิ้ว หรือหากต้องการเช็กอาการว่าโควิด-19 ลงปอดหรือไม่นั้น ผู้ป่วยสามารถเช็กจากการลองออกกำลังกาย
เบา ๆ เช่น การเดินไวในระยะเวลา 6 นาที แล้วตรวจวัดระดับออกซิเจนอีกที ซึ่งหากเกิดความผิดปกติในถุงลมในปอด(Alveoli) จะทำให้มีการแลกเปลี่ยนของออกซิเจนลดลง ดังนั้นหากมีโรคเกี่ยวกับปอดหรือเชื้อลงปอด จะทำให้ระดับออกซิเจนในเลือดลดน้อยลงกว่าระดับปกติ

สำหรับแนวทางการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 แพทย์จะดำเนินการรักษาตามอาการ และใน ผู้ที่มีอาการรุนแรงเชื้อลงปอด ผู้ป่วยจะได้รับยาต้านไวรัส ซึ่งยาต้านไวรัสจะเข้าไปฆ่าเชื้อไวรัส หยุดยั้งไม่ให้เชื้อไวรัสแบ่งตัวเพิ่มเติมและทำลายเซลล์อื่น ๆ นอกจากนี้แพทย์จะจ่าย ยาต้านการอักเสบเพื่อลดกระบวนการอักเสบในร่างกายร่วมกับการให้ยารักษาตามอาการควบคู่กันไป

กรณีผู้ป่วยโควิด-19 มีอาการรุนแรง มีปอดอักเสบร่วมด้วยและปอดอักเสบมีปัญหาทั้ง 2 ข้าง แพทย์จะ ให้ผู้ป่วยนอนควํ่า เพราะการนอนควํ่าจะสามารถช่วยให้ปอดขยายได้ดีขึ้น ไม่มีตัวเบียดกัน ปริมาณเนื้อปอดจะมีโอกาสแลกเปลี่ยนออกซิเจนได้ดีขึ้น เมื่อผู้ป่วยโควิด-19 รักษาตัวจนหายดีแล้วปอดจะกลับมาเป็นเหมือนคนปกติ

สิ่งสำคัญที่สุด ช่วงการระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19 คือ ทุกคนต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการติดเชื้อ ด้วยการใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลา แม้กระทั่งอยู่บ้านร่วมกับ คนในครอบครัว หมั่นล้างมือด้วยสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์อย่างสมํ่าเสมอ เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยงการเดินทางไปในพื้นที่แออัด เลี่ยงการสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และทำให้ร่างกายตนเองแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันที่ดี ด้วยการออกกำลังกายเป็นประจำ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่

นอกจากนี้ การเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะช่วยให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันต่อเชื้อไวรัสโควิด-19 ลดความรุนแรงของโรคช่วยให้อาการป่วยเบาลง สามารถหายป่วยและกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เร็วขึ้นมากกว่าผู้ที่ไม่เคยได้รับวัคซีน.

คอลัมน์ : คุณหมอขอบอก

เขียนโดย : อภิวรรณ เสาเวียง