เหตุสลดดังกล่าวทำเกิดความโศกเศร้า และความโกรธเคืองอย่างล้นหลาม รวมถึงการประท้วงในวงกว้าง แม้แต่ครูหลายคนก็ออกมาตอบโต้กับสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า “สภาพการทำงานที่ไม่สามารถทนได้”

ผู้สันทัดกรณีหลายคนกล่าวว่า ครูเคยเป็นฝ่ายล่วงละเมิดทางร่างกายในโรงเรียนเกาหลีใต้มานานหลายสิบปี แต่ในช่วงต้นทศวรรษที่ 2000 ทางการเริ่มดำเนินการผลักดันครั้งสำคัญ ด้วยการออกกฎหมายเพื่อยุติการล่วงละเมิดเด็ก เมื่อปี 2557 ทว่าในปัจจุบัน สิ่งนี้ทำให้แนวโน้มเปลี่ยนไปในทิศทางอื่นมากเกินไป

ครูจำนวนมากระบุว่า แทนที่กฎหมายข้างต้นจะมีไว้เพื่อปกป้องนักเรียนกลุ่มเปราะบาง มันกลับลิดรอนการคุ้มครองทางสถาบัน และทางกฎหมายของครู และมอบอำนาจให้ผู้ปกครองสามารถข่มเหงรังแกพวกเขาได้

สหภาพครูแห่งกรุงโซล เปิดเผยบันทึกของครูสาวที่เสียชีวิต ซึ่งมีรายละเอียดในช่วง 2 สัปดาห์ก่อนเธอฆ่าตัวตายว่า ครูสาวรู้สึกกดดันอย่างหนัก และไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป หลังจากเธอขัดขวางเด็กนักเรียนคนหนึ่ง ใช้ดินสอกรีดเข้าที่ใบหน้าของเพื่อนร่วมชั้น ซึ่งในเวลาต่อมา ผู้ปกครองของเด็กที่ทำความผิดโทรศัพท์ติดต่อ และส่งข้อความคุกคามมาหาเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ครูหลายคนกล่าวว่า ประสบการณ์ที่ครูผู้ล่วงลับเผชิญนั้น สะท้อนให้เห็นถึงสิ่งที่พวกเขาเผชิญอยู่อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็น การต่อว่าอย่างขุ่นเคืองและไม่หยุดยั้ง ตลอดจนการที่ผู้ปกครองข่มขู่ว่า จะร้องเรียนเรื่องการล่วงละเมิดเด็ก

KOREA NOW

นอกจากนี้ พวกเขายังเจอกับการกดดันให้ลบบันทึกการกลั่นแกล้งในโรงเรียน หรือข้อบกพร่องใด ๆ ซึ่งอาจทำลายโอกาส ที่บุตรของพวกเขาสามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ เนื่องจากข้อมูลเหล่านี้เป็นตัวพิจารณาสำคัญในสังคมเกาหลีใต้ ซึ่งมีการแข่งขันสูงมาก และหมกมุ่นอยู่กับการศึกษา

ยิ่งไปกว่านั้น ครูบางคนยังเคยได้รับข้อเรียกร้องที่มักจะ “ไร้สาระ” จากผู้ปกครอง เช่น การขอให้ครูแก้ไขรายงาน โดยอ้างว่ามันอาจส่งผลกระทบ ต่อโอกาสการเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัย

อนึ่ง ครูชาวเกาหลีใต้กล่าวว่า ปัญหาคือ กฎหมายปี 2557 ระบุคำจำกัดความของ “การล่วงละเมิดเด็ก” แบบกว้าง ๆ แต่กำหนดให้ต้องแจ้งความกับตำรวจในทันที ส่งผลให้ผู้ปกครองมีอำนาจกล่าวหา “การล่วงละเมิดทางอารมณ์” จากสิ่งที่ครูกล่าวว่าเป็น “มาตรการทางวินัยในห้องเรียนตามปกติ”

แม้แต่นายโช ฮี-ยอน ผู้อำนวยการด้านการศึกษาของกรุงโซล ก็ยอมรับถึงความไม่สมดุลนี้ ซึ่งครูถูกมองว่ามีความผิดตั้งแต่แรก เมื่อผู้ปกครองเริ่มบ่น

ภายหลังการประท้วง กระทรวงศึกษาธิการประจำกรุงโซล ระบุว่า ครูได้รับอนุญาตให้แยกนักเรียนที่ก่อกวนออกจากชั้นเรียน โดยไม่ต้องกลัวว่า จะถูกตราหน้าเป็นผู้ล่วงละเมิดเด็ก ซึ่งเป็นความเคลื่อนไหวที่สหภาพครูชื่นชมยินดี.

เลนซ์ซูม

เครดิตภาพ : AFP