พบกันเป็นประจำทุกวันเสาร์ กับ “ข่าวสังคมออนไลน์ภาคกลาง” นำเสนอข่าวสารรอบตัว รวมทั้งกิจกรรมตามแต่ละพื้นที่ต่างๆ อีกมากมาย เพื่อให้ประชาชนได้รับรู้ทุกเหตุการณ์ …………

ประวัติการรถไฟแห่งประเทศไทย เริ่มขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พ.ศ. 2433 การก่อสร้างผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มานับร้อยปี ไม่มีผลกระทบต่อโบราณสถานแต่อย่างใดแต่กลับสร้างความเจริญให้กับจังหวัดพระนครศรีอยุธยามากมาย มาพูดถึงปัญหา การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง โดยเฉพาะสถานีรถไฟความเร็วสูง ทั้งเส้นทางก็อยู่ในแนวทางเดียวกันกับรางรถไฟเดิม เพียงแต่ยกขึ้นบนตอหม้อ ใช้บริเวณเส้นทางเดียวกัน แต่กลับเกิดปัญหาเรื่องผลกระทบต่อ “มรดกโลก” (ซึ่งอยู่ในเกาะเมือง) กลุ่มอนุรักษ์ความเป็นมรดกโลกกลับมองเห็นความเจริญเติบโตของบ้านเมืองเป็นเหตุผลกระทบต่อความเป็นมรดกโลก

คนอยุธยาในพื้นที่อยู่กับการเจริญเติบโตของบ้านเมืองอย่างเชื่องช้ามาก และหล้าหลัง แม้ว่ามีนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมเยียน แต่ก็ “มาเช้า เย็นกลับ” รายได้มีแค่อาหารมื้อกลางวัน มีของชำร่วย ของฝาก แต่ก็เป็นส่วนน้อย ความเป็นเมืองมรดกโลกนั้น การรองรับด้านคมนาคม ความสะดวก สบาย ของนักท่องเที่ยว ย่อมเป็นสิ่งสำคัญ ความรวดเร็วของการเดินทางย่อมเป็นการประหยัดเวลา การท่องเที่ยวชมโบราณสถานและวัดวาอารามและจับจ่ายใช้สอยย่อมมีมากขึ้น แต่กลุ่มอนุรักษ์แช่แข็งอยุธยา กลับมองบ้าน มองเมือง เป็นเพียงความสะใจเท่านั้น (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

หัวข้อข่าว

พสกนิกรทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

พระนครศรีอยุธยา ร่วมกับเทศบาลนครฯ และวัดศาลาปูน จัดพิธีปล่อยพันธุ์ปลา 999,990 ตัว ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อพ่อ เพื่อน้อมรำลึก เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2566

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ที่  บริเวณท่าน้ำวัดศาลาปูน อำเภอพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีถวายผ้าป่าถวายพระราชกุศล เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องใน “วันนวมินทรมหาราช” 13 ตุลาคม 2566 พร้อมด้วย นางวัชราภรณ์ รุ่งสาคร นายกเหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  โดยมี ว่าที่ร้อยตรี สมทรง สรรพโกศลกุล นายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา คณะรองผู้ว่าราชการจังหวัด หัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารท้องที่ท้องถิ่น และประชาชนจิตอาสาพระราชทาน ร่วมพิธี

จากนั้น ผู้ว่าราชการจังหวัดฯ ได้นำคณะ เดินทางไปยัง บริเวณท่าน้ำวัดศาลาปูนเพื่อประกอบพิธีปล่อยพันธุ์ปลา ถวายพระราชกุศล จำนวน 999,990 ตัว โดยได้รับความเมตตาจาก พระครูอนุกูลศาสนกิจ เจ้าอาวาสวัดศาลาปูน  ต่อจากนั้น ผู้ว่าฯ ได้มอบอุปกรณ์ทำความสะอาดสนับสนุนการทำกิจกรรมอยุธยาเมืองสะอาด เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์บริเวณโดยรอบ และปลูกต้นไม้เพื่อพ่อ โดยมีช้าง 4 เชือกมาร่วมปลูกต้นไม้ โดยเทศบาลนครพระนครศรีอยุธยา ร่วมกับ วัดศาลาปูน จัดกิจกรรมนี้ขึ้น สำหรับช่วงเย็น ยังได้จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์ ถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์  ณ วัดพนัญเชิง วรวิหาร

ด้วย วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า “สัตตมวรรษ” พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปี เป็น “วันนวมินทรมหาราช” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยอย่างหาที่สุดมิได้ (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม /อยุธยา)

ผู้ว่าฯ “บัญชา” นำพสกนิกรจังหวัดสระบุรีทุกหมู่เหล่า ร่วมพิธีพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เวลา 15.00. น.นายบัญชา  เชาวรินทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระบุรี เป็นประธานในพิธีสวดพระพุทธมนต์ถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในวันนวมินทรมหาราช 13 ตุลาคม 2566 ณ ศาลาอบรมพระสงฆ์เฉลิมพระเกียรติ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรี โดยมีคณะสงฆ์จังหวัดสระบุรี  พร้อมด้วยข้าราชการ พี่น้องประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธีพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร 

                ทั้งนี้ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้กำหนดจัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนา ถวายเป็นพระราชกุศลแด่ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เนื่องในโอกาส “วันนวมินทรมหาราช”  โดย ให้วัดทุกวัดในราชอาณาจักร จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาฯ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2566 หลังจากทำวัตรเย็น และให้วัดไทยในต่างประเทศ จัดพิธีสวดพระพุทธมนต์และเจริญจิตตภาวนาฯ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2566 ตามความเหมาะสม   

                สำหรับ วันที่ 13 ตุลาคม 2566 เป็นวันแห่งการสวรรคตครบ 7 ปี หรือเรียกว่า “สัตตมวรรษ” เพื่อเป็นการน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทยเป็นล้นพ้นอย่างหาที่สุดมิได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ตามที่รัฐบาลได้ขอพระราชทานพระมหากรุณา และคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเมื่อวันที่ 26 กันยายน 2566 ให้กำหนดชื่อวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร วันที่ 13 ตุลาคมของทุกปีว่า “วันนวมินทรมหาราช”  (สมนึก  สุขีรัตน์ / สระบุรี)

ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานมอบเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และใบประกาศเกียรติคุณ ให้กับคณะกรรมการคุ้มและบุคคลผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปี 2566

วันที่ 16 ตุลาคม 2566 ศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จัดพิธีมอบเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และใบประกาศเกียรติคุณให้แก่คณะกรรมการคุ้มและบุคคลผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการตำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ณ หอประชุมเทศบาลเมืองลำตาเสา อำเภอวังน้อย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา หัวหน้าส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี  โดยมี พันตำรวจเอก นฤนาท พุทไธสง รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา กล่าวรายงาน ทั้งนี้ มีผู้เข้ารับมอบเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และใบประกาศเกียรติคุณ รวมทั้งสิ้น 448 คน ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรวังน้อย 413 คน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน จำนวน 35 คน

นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร กล่าวชื่นชมและขอขอบคุณทุกภาคส่วน ทั้งฝ่ายตำรวจภูธร ฝ่ายปกครอง สาธารณสุข ผู้นำท้องถิ่น คณะกรรมการคุ้มและบุคคลผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการตำเนินโครงการดำเนินงานชุมชนยั่งยืน เพื่อแก้ไขปัญหายาเสพติดแบบครบวงจรตามยุทธศาสตร์ชาติ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ที่ตั้งใจร่วมมือกันแก้ไขปัญหายาเสพติดในพื้นที่ จนประสบผลสำเร็จ และได้รับมอบเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และใบประกาศเกียรติคุณ รวมทั้งสิ้น 448 คน ประกอบด้วย สถานีตำรวจภูธรวังน้อย 413 คน สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน จำนวน 35 คน แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจอย่างจริงจัง โดยขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันเฝ้าระวัง ติดตาม ไม่ให้ยาเสพติดกลับมาแพร่ระบาดในพื้นที่อีก

สำหรับตำรวจภูธรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินการฯ โดยมีคณะทำงานตรวจประเมินโครงการฯ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ลงพื้นที่ตรวจประเมินผล ซึ่งมีสถานีตำรวจที่ได้รับการประเมินในอันดับที่ดี อันดับ 1 ได้แก่ สถานีตำรวจภูธรวังน้อย และอันดับ 2 ได้แก่ สถานีตำรวจภูธรบางปะอิน และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีนโยบายมอบเข็มเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ และใบประการเกียรติคุณ ให้แก่คณะกรรมการคุ้ม และผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการดำเนินตามโครงการฯ เพื่อส่งเสริมขวัญและกำลังใจ และแสดงความขอบคุณที่เข้ามามีส่วนร่วมให้การดำเนินงานให้เกิดผลสำเร็จเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของโครงการฯ (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

ผู้ว่าอุทัยธานี “ธีรพัฒน์”นำส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ส่งความห่วงใย และสร้างขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล

เมื่อเวลา 11.40 น. วันที่ 12 ตุลาคม 2566 นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วย นายอลงกต วรกี รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี นำส่วนราชการ แม่บ้านมหาดไทยจังหวัดอุทัยธานี จิตอาสาพระราชทาน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมลงพื้นที่ส่งความห่วงใยและสร้างขวัญกำลังใจให้กับครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล ในพื้นที่อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี พร้อมแจ้งแนวทางการช่วยเหลือแรงงานตามที่รัฐบาลกำลังดำเนินการอย่างเร่งด่วน

ทั้งนี้ นายธีรพัฒน์ คัชมาตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานี พร้อมกับครอบครัวของแรงงาน ยังได้โทรศัพท์วิดีโอคอลพูดคุยให้กำลังใจกับแรงงานไทยที่ไปทำงานในอิสราเอล เพื่อสร้างขวัญกำใจกับแรงงาน และยังได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภค จากหน่วยงานต่างๆให้กับครอบครัวแรงงานไทยในอิสราเอล อีกด้วย

ข้อมูลจาก สำนักงานแรงงานจังหวัดอุทัยธานี มีแรงงานไทยในอิสราเอลที่มีภูมิลำเนาอยู่จังหวัดอุทัยธานี จำนวน 20 คน ชาย 18 คน หญิง 2 คน จาก 5 อำเภอ ได้แก่ อำเภอลานสัก 8 คน อำเภอบ้านไร่  5 คน อำเภอห้วยคต 1 คน อำเภอสว่างอารมณ์ 3 คน อำเภอทัพทัน 3 คน ทุกคนยังคงปลอดภัยดี ไม่ได้อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัย และมีผู้แจ้งความประสงค์ขอกลับประเทศไทย จำนวน 2 คน  (ชนม์สวัสดิ์ ทองโพธิ์งาม / อุทัยธานี)

อธิบดีกรมศิลปากร เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำบริเวณโบราณสถาน วัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 11 ตุลาคม 2566 นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร เดินทางไปตรวจติดตามสถานการณ์น้ำ บริเวณโบราณสถานวัดไชยวัฒนาราม จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมทั้งรับฟังแผนการบริหารจัดการและป้องกันโบราณสถานจากอุทกภัย ในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา โดยมี นายภัทรพงษ์ เก่าเงิน ผู้อำนวยการอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา นางสาวสุกัญญา เบาเนิด ผู้อำนวยการสำนักศิลปากรที่ 3พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่ ให้การต้อนรับ

นายพนมบุตร จันทรโชติ เปิดเผยว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ได้มอบหมายให้เดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และสั่งการให้กรมศิลปากรบูรณาการการทำงานในการดูแลโบราณสถานสำคัญกับภาคส่วนที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เบื้องต้นได้รับรายงานว่า ปัจจุบันยังไม่มีโบราณสถานในพื้นที่อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่ได้รับผลกระทบจากเหตุน้ำท่วม สำหรับปีนี้ประเทศไทยมีปริมาณฝนไม่มาก มีการระบายน้ำจากเขื่อนเจ้าพระยาปริมาณไม่ต่ำกว่า 1,600 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที ทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำสายต่างๆ ที่ผ่านจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เกิดเหตุการณ์น้ำล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ต่างๆ ในส่วนการป้องกันโบราณสถาน อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ได้ดำเนินการตั้งแผงป้องกันน้ำท่วมแล้ว จำนวน 2 แห่ง ได้แก่ วัดไชยวัฒนาราม ซึ่งเป็นโบราณสถานริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่มีระดับต่ำที่สุด เพื่อป้องกันเหตุหากมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้นอย่างฉับพลัน ทำให้ระดับน้ำสูงสุดอยู่ต่ำกว่าตลิ่งวัดไชยวัฒนาราม 70 เซนติเมตร และ วัดธรรมมาราม ระดับน้ำยังต่ำกว่าตลิ่ง 80 เซนติเมตร ขณะนี้ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา กำลังดำเนินการติดตั้งแผงป้องกันน้ำท่วม ซึ่งจะแล้วเสร็จภายในวันที่ 12 ตุลาคม 2566

นอกจากนี้ อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ยังจัดเจ้าหน้าที่ตรวจสอบระดับน้ำจากแม่น้ำลำคลอง ที่ผ่านตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ตรวจสอบโบราณสถานต่างๆ ที่เคยได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในปีก่อน และเตรียมความพร้อมของวัสดุ อุปกรณ์ เครื่องมือต่างๆ เช่น เครื่องสูบน้ำ เครื่องจักรหนัก เพื่อเตรียมการป้องกันเหตุต่อไป  (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

ผู้ว่าฯอยุธยา ร่วมประชุมรับนโยบาย ปลัด มท. เน้น “แม่น้ำเจ้าพระยาน่ามอง ปราศจากขยะ” นำผู้ว่าฯ จังหวัดลุ่มน้ำเจ้าพระยา สนองพระราโชบาย “แก้ไขในสิ่งผิด” วางแนวทางคืนความสะอาดให้แม่น้ำเจ้าพระยา

        วันที่ 11 ตุลาคม 2566  เวลา 15.00 น. ที่ ห้องประชุมมงคลบพิตร ศาลากลางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร  ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พร้อมด้วย นายไพรัตน์ เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายประพันธ์ ตรีบุบผา ปลัดจังหวัดฯ และหัวหน้าส่วนราชการ ร่วมประชุมผ่านระบบ Video Conference  กับกระทรวงมหาดไทย  โดยมี นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นประธานการประชุม เพื่อเน้นกิจกรรม “แม่น้ำเจ้าพระยาน่ามอง ปราศจากขยะ” 

นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ เปิดเผยว่า ในปี 2567 จะเป็นปีที่ 3 ที่ชาวมหาดไทยและพี่น้องประชาชนทุกภาคส่วน จะได้ร่วมกันเฉลิมฉลองเนื่องในวาระมหามงคล พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จะทรงเจริญพระชนมายุครบ 6 รอบ 72 พรรษา 28 กรกฎาคม 2567 ด้วยการปฏิบัติบูชา ดังนั้น จังหวัดริมเจ้าพระยา มีเป้าหมายแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นหลัก และอีก 67 จังหวัด  จะดำเนินการคัดเลือกพื้นที่ที่จะทำให้มีสภาวะแวดล้อมที่ดีในเรื่องของแหล่งน้ำเพิ่มเติมขึ้นมา โดยกระทรวงมหาดไทย จะได้ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นำโอกาสที่ดีของชีวิตในครั้งนี้ ทำสิ่งที่ดีสนองพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวร่วมกัน โดยมีเป้าหมาย คือ การถวายของขวัญแด่พระองค์ท่าน ด้วยการทำให้พี่น้องประชาชนได้อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดีและมีความสุข มี “แม่น้ำเจ้าพระยา” เป็นจุดเริ่มต้น และแม่น้ำอื่นอีก 22 ลุ่มน้ำ รวมทั้งลำน้ำสาขาในแต่ละจังหวัด โดยการปลุกพลังนายอำเภอ และทีมงานของอำเภอ อันประกอบด้วย กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ภาคีเครือข่ายทั้ง 7 ภาคี และประชาชนจิตอาสา อาสาสมัครต่าง ๆ ส่งเสริมบทบาทของเด็กและเยาวชน โดยการนำแนวทางตามระเบียบกระทรวงมหาดไทย ว่าด้วยอาสาสมัครท้องถิ่นรักษ์โลก พ.ศ. 2561 ระดมสรรพกำลังเชิญชวนประชาชนผู้มีอายุตั้งแต่ 7 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปร่วมกับพ่อ แม่ ผู้ปกครอง ดูแลรักษาแหล่งน้ำให้มีความสะอาด

นอกจากนี้ ในเชิงระบบหรือกฎหมาย กรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้ร่วมกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ส่งเสริมให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกแห่ง จัดทำเทศบัญญัติเป็นกฎระเบียบสำหรับผู้ที่จะขออนุญาตปลูกสร้างอาคารบ้านเรือนต้องมีระบบบำบัดน้ำเสียประจำบ้านเพื่อดักไขมัน กรองของเสีย ก่อนปล่อยน้ำที่มีคุณภาพเหมาะสมลงไปสู่แม่น้ำลำคลองอีกด้วย จึงขอให้พวกเราทุกคนได้ร่วมกันใส่ใจการขับเคลื่อน “แก้ไขในสิ่งผิด” ฟื้นคืนแม่น้ำลำคลองให้มีความสะอาด สวยงาม เหมาะสมที่จะเป็นที่อยู่ ที่พักอาศัยของสรรพสัตว์ พืชพันธุ์ทั้งหลาย และมนุษย์ทุกคน ทำให้ประเทศไทยของพวกเราทุกคน และโลกใบเดียวนี้คงอยู่ชั่วลูกชั่วหลานอย่างยั่งยืน  (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

กรมชลประทานแจ้งปรับเกณฑ์การบริหารจัดการน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ลดการระบายน้ำแบบขั้นบันได

ผู้สื่อข่าวรายงานมาว่า นายชูพงศ์ อิศรัตน์ ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ แจ้งว่า ปัจจุบัน ณ วันที่ 16 ตุลาคม 2566 เวลา 06.00 น. เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำ 785 ล้าน ลบ.ม. หรือคิดเป็น 81,77 % ปริมาณน้ำไหลลงอ่าง 456,91ลบ.ม./วินาที หรือ 39,47 ล้าน ลบ.ม./วัน ปริมาณการระบาย 150,07 ลบ.ม./วินาที หรือ 12,96 ล้าน ลบ.ม./วัน เนื่องด้วยมีปริมาณน้ำท่าไหลลงอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีแนวโน้มที่ทรงตัวและเริ่มลดลง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะดำเนินการปรับลดการระบายน้ำ โดยทยอยปรับลดการระบายน้ำแบบขั้นบันไดอย่างเหมาะสม

โดยจะทำการปรับลดการระบายน้ำจากอัตรา 150 ลบ.ม./วินาที หรือ 12,96 ล้าน ลบ.ม./วัน เหลืออัตรา 100 ลบ.ม/วินาที หรือ 8,64 ล้าน ลบ.ม/วัน ในวันที่ 17 ตุลาคม 2566 เวลา 06,00 น. ปรับลดการระบายน้ำจากอัตรา 100 ลบ.ม./วินาที หรือ  86,4ล้าน ลบ.ม/วัน เหลืออัตรา 50 ลบ.ม./วินาที หรือ 4,32 ล้าน ลบม/วัน ในวันที่ 19 ตุลาคม 2566 เวลา 06,00 น.    ทั้งนี้ สำนักบริหารจัดการน้ำฯ คาดการณ์ว่าวันที่ 22 ต.ค. 66 เวลา 06,00 น. จะเหลือน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์เท่ากับ 947 ล้าน ลบ.ม. ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชนจากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักจะลดลงประมาณ 08,00 -1,00 เมตร จึงขอประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด  อย่างไรก็ตาม หากมี การรับน้ำเข้า (Inflow) เพิ่มขึ้น / ลดลงกว่าที่คาดการณ์ จะพิจารณาปรับเพิ่ม/ลด และจะแจ้งให้ทราบอีกครั้งหนึ่ง  (สมนึก  สุขีรัตน์ / สระบุรี)

โรงพยาบาลเสนา ลงพื้นที่เยี่ยมผู้ประสบอุทกภัยร่วมกับผู้ว่าอยุธยา “นิวัฒน์” ช่วยเหลือพร้อมหน่วยแพทย์เคลื่อนที่

วันที่ 16 ตุลาคม 2566 แพทย์หญิงชนิญญา  พัฒนศักดิ์ภิญโญ  ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเสนา  พร้อมคณะเจ้าหน้าที่ ร่วมให้การต้อนรับ  นายนิวัฒน์  รุ่งสาคร  ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งเยี่ยมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานให้ความช่วยเหลือ ด้านสาธารณสุขแก่ผู้ประสบภัย  ในการนี้โรงพยาบาลเสนา  จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ ให้บริการรักษาโรคทั่วไป แจกยาตำราหลวง ยาทาน้ำกัดเท้า และทีมช่วยเหลือ เยียวยาจิตใจผู้ประสบภาวะวิกฤต ( MCATT) ให้บริการคัดกรองและให้คำปรึกษาแก่ประชาชนผู้ประสบอุทกภัย ณ หมู่ที่ 1 ตำบลบ้านแพน  อำเภอเสนา และหมู่ที่ 9 ตำบลวัดตะกู  อำเภอบางบาล จังหวัดพระนครศรีอยุธยา  (วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

ชัยนาท รณรงค์กวดขันวินัยจราจร เน้นย้ำผู้ขับขี่และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย  100 %

               ที่บริเวณสามแยกถนนวงโต หน้าศาลากลางจังหวัดชัยนาท หลังใหม่ อำเภอเมืองชัยนาท จังหวัดชัยนาท สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดชัยนาท นำหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย อำเภอเมืองชัยนาท สถานีตำรวจภูธรจังหวัดชัยนาท, สำนักงานประชาสัมพันธ์จังหวัดชัยนาท, แขวงทางหลวงชัยนาท, สำนักงานขนส่งจังหวัดชัยนาท และ คปภ.ชัยนาท ลงพื้นที่กวดขันวินัยจราจร เพื่อรณรงค์ให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนสร้างวินัยจราจร โดยเน้นย้ำผู้ขับขี่ และซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย 100 % ไม่ขับรถย้อนศร, หยุดรถให้คนข้ามทางม้าลาย, สร้างความเข้าใจ และตระหนักถึงความปลอดภัยในการใช้รถ ใช้ถนน

           ทั้งนี้ จังหวัดชัยนาท ได้มีการประชาสัมพันธ์และรณรงค์การบังคับใช้กฎหมายการจราจรมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความตระหนักในการใช้รถใช้ถนน สร้างความปลอดภัย พร้อมทั้งขอความร่วมมือประชาชนปฏิบัติตามกฎจราจรอย่างเคร่งครัด

           โดยนายนที มนตริวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท เน้นย้ำด้วยความห่วงใยให้ประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนน ขับขี่ด้วยความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ขอความร่วมมือผู้ขับขี่และผู้ซ้อนท้าย สวมใส่หมวกนิรภัยและมีสายรัดใต้คางทุกครั้ง เมื่อขับขี่รถจักรยานยนต์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุทางถนน พร้อมรณรงค์การหยุดรถให้คนเดินถนนได้ข้ามถนนอย่างปลอดภัยบนทางม้าลาย และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง ที่อาจจะนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้  (สุรพล บำรุงศรี – วรชล ฟักขาว / ชัยนาท)

พ่อเมือง “นิวัฒน์” สั่งการให้เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ลงสำรวจพื้นที่เสี่ยงกับการเสียหายข้าวนาปี 677 ไร่เศษ

        หลังจากมีรายงานสถานการณ์น้ำท่วมในปี 2566 ด้วยเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศในวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เรื่องการติดตามพื้นที่น้ำท่วมจากการวิเคราะห์ข้อมูลดาวเทียม COCMO-skymed-4 บันทึกภาพเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2566 เวลา 06.10 น พบพื้นที่ถูกน้ำท่วมบางส่วนของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา พิจิตร นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ ลพบุรี อ่างทอง สระบุรี สุพรรณบุรี และชัยนาท ประมาณ 525,855 ไร่ หรือ 841.37 ตร.กม.นั้น  และมีรายงานข่าวว่ามีพื้นที่การเกษตร ซึ่งเป็นพื้นที่นาปี ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับความเสียหายไป 158,091 ไร่ นั้น

                นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จึงได้สั่งการให้ นางสาวรุจิพัชร บุญจริง เกษตรจังหวัดพระนครศรีอยุธยา  ลงพื้นที่ตรวจสอบข้อมูลในพื้นที่ทำนาปี ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งจากการลงสำรวจนาปี ในอำเภอมหาราชนั้น ในพื้นที่ยังไม่มีความเสียหายของนาปีแต่อย่างไรในขณะนี้ ส่วนจะมีความเสียหายเกิดขึ้นหรือไม่ก็อยู่ที่ การระบายน้ำว่าจะมีน้ำเข้าทุ่งอีกปริมาณเท่าใด ซึ่งก็ต้องรอดูสถานการณ์ต่อไป 

              นางสาวรุจิพัชร กล่าวว่าจาการลงสำรวจพื้นที่นาปี ซึ่งในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีความเสี่ยงกับการเสียหายอยู่ 6 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอมหาราช อำเภอบางบาล อำเภอผักไห่ อำเภอบางซ้าย และอำเภอพระนครศรีอยุธยา ประมาณ 677.75 ไร่ เท่านั้น ที่คาดการว่าจะเสียหาย ซึ่งทางเกษตรจังหวัดได้ประกาศเตือนเกษตรกรให้ไปขึ้นทะเบียนที่สำนักงานเกษตรใกล้บ้าน  เพื่อประโยชน์ของพี่น้องเกษตรกรเอง  (เผอิญ – วุฒิภัทร ไทยสม / อยุธยา)

เทศกาลกินเจ ลพบุรี  ส่งเสริมให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการเข้าถึงเมนูอาหารเจในราคาประหยัด 

นายวชิระ เกตุพันธุ์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมเทศกาลกินเจ ปี 2566 ซึ่งจังหวัดลพบุรี โดยสำนักงานพาณิชย์จังหวัดลพบุรี ร่วมกับร้านจำหน่ายอาหารเจ จัดกิจกรรมเทศกาลกินเจ ระหว่างวันที่ 15-23 ตุลาคม 2566 ทั้งนี้เพื่อส่งเสริมให้ประชาชนผู้บริโภคมีทางเลือกในการเข้าถึงเมนูอาหารเจในราคาประหยัด  โดยเชิญชวนผู้ประกอบการร้านค้าในตลาดทุกอำเภอ อำเภอละ 1 ตลาด เข้าร่วมกิจกรรม โดยจัดทำเมนูเจ ราคาประหยัดในราคา 35-40 บาท อย่างน้อย 1 เมนู และมีการจำหน่ายผักช่วงเทศกาลกินเจ จำนวน 10 ชนิด ในราคาที่เหมาะสม  โดยจังหวัดลพบุรีได้คัดเลือกร้านอาหารเจ “ศูนย์งอกงาม”  (วงเวียนสระแก้ว) ถนนนเรศวร ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เข้าร่วมกิจกรรม  

                ทั้งนี้ เทศกาลกินเจ  เป็นประเพณีของชาวไทยเชื้อสายจีนที่ได้ปฏิบัติสืบต่อกันมาทุกปี ในวันขึ้น 1 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน โดยในปี 2566 จะเริ่มตั้งแต่วันที่ 15-23 ตุลาคม 2566นี้  (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)

รองผู้ว่าลพบุรี “ปรัชญา” เปิดมหกรรมการออกกำลังกายมวลชนให้เป็นวิถี ชีวีห่างไกลโรค

นายปรัชญา เปปะตัง รองผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานเปิดกิจกรรมการประกวดการส่งเสริม และพัฒนาการออกกำลังกายและกีฬาเพื่อมวลชนให้เป็นวิถีชีวิต “วันมหกรรมการออกกำลังกายมวลชนให้เป็นวิถี ชีวีห่างไกลโรค” โดยมี ว่าที่ ร.ต.ทรงพล  แป้นแก้ว ปลัดจังหวัดลพบุรี   นายรัฐพล ธุระพันธ์ นายอำเภอพัฒนานิคม  นางสวามินี  อิสระทะ   ประชาสัมพันธ์จังหวัดลพบุรี พร้อมด้วยหัวหน้าส่วนราชการ ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้านเข้าร่วมกิจกรรม ที่ลานพญานาคเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์  ตำบลหนองบัว อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี   (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี)

10 ทีมเข้าร่วมแข่งขันฟุตบอลการกุศล มอบพัดลมปลายเตียงให้กับโรงพยาบาล 109 เครื่อง

วันที่ 15 ตุลาคม 2566 ณ สนามกีฬาจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายปราโมทย์ พัฒน์วิชัยโชติ เป็นประธานจัดการแข่งขันฟุตบอลการกุศล โครงการ LIVERPOOL AYUTTHAYA FANCLUB (พัดลมปลายเตียง) เพื่อผู้ป่วยโรงพยาบาลในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จำนวน 109 เครื่อง  มูลค่า 80,000 บาท และบริจาคร่วมโครงการฯ จำนวน 50,000 บาท โดยมี นางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดร.อาณัติชัย วาสประเสริฐสุข รองประธานบริหาร สโมสรสมุทรปราการ ซิตี้ นายบุญส่ง ธนานุกูลชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทีซีเอช รีไซเคิล จำกัด นายทรงเดช พรนภดล ประธานบริษัท เวอร์ซุส สปอร์ตกรุ๊ป จำกัด ดร.ชัยเมศร์ ชัยพัชระกุลพงษ์(ดร.แก้ว) ที่ปรึกษาประธานกรรมาธิการตำรวจ และแขกวีไอพีอีกจำนวนมากที่ร่วมบริจาคสนับสนุนโครงการฯ โดยผู้จัดจะมอบพัดลมตั้งโต๊ะ สำหรับเตียงผู้ป่วยให้แก่โรงพยาบาลต่างๆ รวมทั้งหมด 109 ตัว

ทีมฟุตบอลที่เข้าร่วมการแข่งขันและบริจาคสมทบโครงการ 10 ทีม  ทีมวีไอพีจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมโดยคุณปราโมทย์ พัฒน์วิชัยโชติ ทีมวีไอพี VERSUS นำทีมโดย คุณทรงเดช พรนภดล ทีมรวมสิงห์ (จังหวัดสิงห์บุรี) นำทีมโดย นายศุภศิลป์ ปู่ประเสริฐ ทีมชมรมมุสลิมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมโดย นายกเฟซอล พลีบัตร ทีมฟุตบอลจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นำทีมโดย กำนันไตรรัตน์ จุรินทร ทีมชมรมฟุตบอล Top Gold นำทีมโดย นายชณัฏฐพนธ์ กลีบพุทธินารถ ทีมชมรมฟุตบอลเพื่อนภาชี SC นำทีมโดย นายกฤษณะ ศุภธนพุทธิ ทีมชมรมฟุตบอล Mafia FC นำทีมโดย อาจารย์วิบูลย์ ปิ่นเกตุ ทีมชมรมฟุตบอล CAFFA & วัดสระเกศ นำทีมโดย นายณรงค์ สร้อยทอง(ตั้ม) ทีมชมรมฟุตบอล ลิเวอร์พูลอยุธยา แฟนคลับ นำทีมโดย นายศราวุธ ไชยเนตร  (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

เปิด…อาคารหลังใหม่ สถานีตำรวจภูธรเมืองปทุมธานี แทนหลังเก่า พร้อมให้บริการประชาชนที่เดือดร้อน

เวลา 11.30 น. ของวันที่ 17 ตุลาคม 2566  พล.ต.ต.ชุมพล ชาญชนะโยธิน อดีต ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี เป็นประธานในพิธีเปิดอาคารที่ทำการหลังใหม่ของสถานีตำรวจภูธรเมืองปทุมธานีที่ทันสมัย และได้มาตรฐาน รองรับในการให้บริการประชาชนที่เดือดร้อนที่ต้องการใช้บริการของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

ในการเปิดอาคารหลังใหม่ของ สถานีตำรวจภูธรเมืองปทุมธานี ได้รับเกียรติจาก นายธรรมนูญ แจ่มใส นายอำเภอเมืองปทุมธานี พ.ต.อ.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี รรท.ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.พีรพล โชติกเสถียร รอง ผบก.ภ.จว.ปทุมธานี พ.ต.อ.วิวัฒน์ อัศวะวิบูลย์ ผกก.สภ.เมืองปทุมธานี  พร้อมคณะ กต.ตร.สภ.เมืองปทุมธานี เจ้าหน้าที่ตำรวจ และประชาชนในพื้นที่เข้าร่วมพิธี ในพิธีทางสงฆ์ในช่วงเช้า พระราชวรเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัดปทุมธานี เจ้าอาวาสวัดโบสถ์ เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ ทำพิธีสวดเจริญพระพุทธมนต์ พร้อมพระสงฆ์จำนวน 9 รูป พระราชเมธาจารย์ เจ้าคณะจังหวัด ได้เจิมป้ายทางเข้าอาคารของสถานีตำรวจปทุมธานีหลังใหม่ เพื่อเป็นสิริมงคลในการเปิดบริการประชาชน (แสงกฤช – ประสิทธิ์ จิตสว่าง / ปทุมธานี)

เจ้าคณะตำบลหนองกระเบียน นำชุมชนไทยยวนหนองกระเบียน แลกเปลี่ยนวัฒนธรรม “ไทยเบิ้ง โคกสลุงกับ ไทยยวน หนองกระเบียน”

พระอธิการทะนง ธมมิโก  เจ้าอาวาสวัดหนองกระเบียนและเจ้าคณะตำบลหนองกระเบียน  อำเภอบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี   นำคณะชุมชนไทยยวนหนองกระเบียน  พูดคุย แลกเปลี่ยนเรียนรู้การทำงานวัฒนธรรมของชุมชนชาวไทยเบิ้งโคกสลุง ณ  พิพิธภัณฑ์พื้นบ้านไทยเบิ้ง ตำบลโคกสลุง อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี   โดยมีนายประทีป อ่อนสลุง ประธานชุมชนวัฒนธรรมไทยเบิ้งบ้านโคกสลุง และนายสุรชัย   เสือสูงเนิน  ผู้ประสานงานชุมชนฯ พร้อมคณะให้การต้อนรับและเสวนาแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่าง”ไทยเบิ้ง โคกสลุงกับ ไทยยวน หนองกระเบียน”

ทั้งนี้ชาวบ้านหนองกระเบียนเป็นชาวไทยยวน (โยนก) ใช้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวไทยยวนทำมาหากินดำรงชีวิตมาอย่างปกติสุข แต่จากการเปลี่ยนแปลงของโลกในปัจจุบันทำให้วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวไทยยวนเปลี่ยนไปด้วย พระอธิการทะนง   ธมมิโก เจ้าอาวาสวัดหนองกระเบียน  จึงได้ร่วมมือกับชุมชนด้วยพลัง “บวร” ในการจัดตั้ง “พิพิธภัณฑ์บ้านยวน” ขึ้น เพื่อศึกษา รวบรวม และจัดแสดงเพื่อสร้างการเรียนรู้ “วิถีชีวิตและภูมิปัญญาของชาวไทยยวน” ขึ้นที่วัดหนองกระเบียน 

ดังนั้นจึงมีการแลกเปลี่ยนความรู้จากความเข้มแข็งของชุมชนชาวไทยเบิ้งโคกสลุง     เพื่อหาแนวคิด วิสัยทัศน์เครื่องมือ เครือข่าย การเตรียมคน องค์กร ทุน การสรุปบทเรียนการพัฒนาคณะทำงาน กระบวนการทำงานจากชุมชนไทยเบิ้ง  รวมทั้งประเพณีต่างๆเช่น การละเล่นสงกรานต์ ประเพณีตักบาตรลูกอม การใส่บาตรตอนเช้า การละเล่นรำโทน แห่ดอกไม้  และการกินข้าวล่อ การหุงข้าวกระทะใบบัว อาหารพื้นบ้าน อาหารในป่า  เพื่อนำองค์ความรู้มาพัฒนาชุมชนไทยยวน    รวมทั้งยังชมสะพานรถไฟลอยน้ำบนพนังกั้นน้ำ ทางรถไฟ  ของบ้านโคกสลุงอีกด้วย  (กฤษณพงศ์ อยู่รอด – ธนพล อาภรณ์พงษ์ / ลพบุรี) 

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เชิญสิ่งของพระราชทาน ไปมอบให้ผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

วันที่ 12 ตุลาคม  2566  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้ มูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดย นายไพรัตน์  เพชรยวน รองผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานในพิธีเชิญสิ่งของพระราชทานไปมอบให้กับ นางทองหยิบ เชื่องชินกร อายุ 75 ปี เจ้าของบ้านเลขที่ 44/2 หมู่ที่ 3 ตำบลบ้านลี่ อำเภอบางปะหัน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา   ซึ่งประสบวาตภัย เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2566 เวลา 23.30 น. ทำให้หลังคาบ้านถูกพัดได้รับความเสียหาย  จำนวน 1 หลังคาเรือน และมีผู้ได้รับความเดือดร้อน จำนวน 1 คน  โดยมี นายกฤษณ์ แก้วทองหลาง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายยศวัฒน์ พัชระศักดิ์สกุล นายอำเภอบางปะหัน และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมพิธี  ซึ่งผู้ที่ได้รับสิ่งของพระราชทาน ยังความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว องค์พระบรมราชูปถัมภก แห่งมูลนิธิราชประชานุเคราะห์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ เป็นล้นพ้น  

โอกาสนี้ เหล่ากาชาดจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สมาคมแม่บ้านมหาดไทย องค์การบริหารส่วนจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย  นายอำเภอ ผู้นำท้องที่ท้องถิ่น และหน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่ ได้มอบเงินและสิ่งของเครื่องอุปโภคบริโภค เพื่อช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยด้วย  (ศูนย์ข่าวภาคกลาง)

ปศุสัตว์สิงห์บุรี บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตรวจห้องเย็นแช่แข็งเนื้อสัตว์ ไม่พบว่ามีการลักลอบนำเข้า

        วันที่ 17 ตุลาคม 2566 นายธนยศ  นงบาง ปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี  พร้อมด้วยนางอัมราพร  ชีพสมุทร์  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัดสิงห์บุรี   นางสาวจรรยวรรธน์ อ้วนตา  พาณิชย์จังหวัดสิงห์บุรี และเจ้าหน้าที่ในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จังหวัด  กอ.รมน.  เจ้าหน้าที่ตำรวจ  ลงพื้นที่ตรวจห้องเย็นแช่แข็งในพื้นที่อำเภอเมืองจังหวัดสิงห์บุรี  จำนวน 4  แห่ง ประกอบด้วย  ห้างหุ้นส่วนจำกัดหมูทอง  บริษัทมาลัยฟู๊ดส์   ห้างหุ่นส่วนจำกัดก้องสยาม อินเตอร์ฟู๊ดส์  และยุพินไก่สด เพื่อตรวจความถูกต้องของการมีเนื้อสัตว์ และซากสัตว์ไว้ในครอบครองร่วมกึงการนำเข้าเนื้อสัตว์และซากสัตว์จากต่างพื้นที่ว่ามีการดำเนินการถูกต้องหรือไม่  ซึ่งในการตรวจสอบห้องเย็นทั้ง 4 แห่ง ไม่พบว่ามีการนำเข้าซากสัตว์ที่ผิดกฎหมายหรือลักรอบนำเข้าแต่อย่างใด

        นายธนยศ  นงบาง ปศุสัตว์จังหวัดสิงห์บุรี  กล่าวว่า ในการออกมาติดตามตรวจสอบซากสัตว์แช่แข็งในครั้งนี้ พบเนื้อสัตว์แช่แข็งส่วนมากเป็นเนื้อสุกร ชิ้นส่วนไก่ อาหารทะเลบางส่วน ในการตรวจจะดูว่ามีการนำเข้ามาถูกต้องหรือไม่   สินค้าถูกสุขลักษณะไหม  ซึ่งจากการตรวจสอบไม่พบว่ามีการลักลอบนำเข้า  สินค้าที่พบมีแหล่งที่มาถูกต้อง และได้รับการรับรองจากบริษัทผู้ผลิตอย่างถูกต้อง  ทั้งนี้จังหวัดสิงห์บุรี เป็นจังหวัดที่ไม่ใหญ่ มีประชากรไม่มาก ผู้ประกอบการห้องเย็นส่วนมากจะสั่งสินค้ามาในลักษณะซื้อมาและขายไปวันต่อวัน และห้องเย็นแต่ละแห่งในจังหวัดสิงห์บุรีจะเป็นผู้ประกอบการรายย่อย ที่มีความจุไม่เกิน 10 ตัน (อำนาจ  สุขเย็น / สิงห์บุรี)

แม่ทัพน้อยที่1  รับฟังการบรรยาย พร้อมลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำของเขื่อนเจ้าพระยา

ที่บริเวณห้องประชุมสำนักงานชลประทานที่ 12 เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท  พลโทอมฤต  บุญสุยา  แม่ทัพน้อยที่1 ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค1 และคณะ ลงพื้นที่ประชุมติดตามสถานการณ์น้ำและปัญหาอุทกภัยในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยา โดยมีนายนที  มนติวัต ผู้ว่าราชการจังหวัดชัยนาท นายวัชระ  ไกรสัย  ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่12 นายวิชัย  ผันประเสริฐ  ผู้อำนวยการส่วนบริหารจัดการน้ำและบำรุงรักษา สำนักงานชลประทานที่ 12 และผู้แทนจาก ปภ.จังหวัดชัยนาท กล่าวบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่

ซึ่งภายหลังจากประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ พลโทอมฤต  บุญสุยา  แม่ทัพน้อยที่1 ในฐานะรองผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค1 และคณะ ได้ลงพื้นที่เขื่อนเจ้าพระยา รับฟังการบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนเจ้าพระยา และยังได้ลงพื้นที่บริเวณ ถนนทางหลวงชนบท หมายเลข 3018 (สายคันคลองมหาราช) ในพื้นที่ หมู่12 ตำบลตลุก อำเภอสรรพยา จังหวัดชัยนาท ซึ่งถนนสายนี้ได้ถูกมวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลเอ่อและกัดเซาะจนทำให้ถนนขาดเมื่อปี2565 และปัจจุบันหน่วยงานที่รับผิดชอบได้มีการซ่อมแซมจนประชาชนสามารถกลับมาใช้ถนนเส้นนี้สัญจรได้ตามปกติ   (สุรพล  บำรุงศรี – วรชล  ฟักขาว / ชัยนาท)