หากพูดถึง “การเติมลมยาง” หลายๆคนก็คงเป็นเรื่องปกติที่ว่าสามารถเติมที่ไหนก็ได้ แค่เพียงรู้ว่ารถยนต์ที่ขับต้องเติมลมในระดับของความดันเท่าไหร่ แต่หลายปีที่ผ่านมา การเติมลมยางมีความเปลี่ยนแปลงไป ด้วยคำว่า “ลมยางไนโตรเจน” ที่จะสามารถเติมได้ก็เมื่อไปที่อู่ ร้านหรือศูนย์บริการเท่านั้น แต่ก็มีราคาในการใช้บริการอยู่เช่นกัน ทำให้เกิดข้อแตกต่างว่า จริงๆแล้ว “เติมลมธรรมดา” หรือ “เติมลมไนโตรเจน” แบบไหนดีกว่ากัน?

เทคนิคควรรู้
-การเปลี่ยนจากลมธรรมดาเป็น “ลมไนโตรเจน” จะต้องไล่ลมธรรมดาในล้อออกให้หมดก่อนแล้วจึงเติม “ลมไนโตรเจน” เข้าไปแทนที่

-หากเผลอเติมลมธรรมดาเข้าไปผสมกับ “ลมไนโตรเจน” ก็จะกลายเป็นลมธรรมดาทันที และถ้าต้องการเปลี่ยนเป็นลมไนโตรเจนก็ต้องถ่ายออกและเติม “ลมไนโตรเจนเข้าไปใหม่

“ลมไนโตรเจน” ไม่ทำให้กระทะล้อเป็นสนิม เพราะ “ไนโตรเจน” ไม่มีส่วนประกอบของไอน้ำ แต่ทุกวันนี้ส่วนใหญ่เราใช้ล้ออัลลอย หรือแม้ในรายที่ใช้กระทะล้อเหล็กก็ยังสามารถใช้งานได้คงทนหลายสิบปี

“ลมไนโตรเจน”ไม่ต้องเช็คลมยางบ่อย เนื่องจากมีอะตอมขนาดใหญ่กว่า ทำให้การซึมผ่านผิวยากกว่าออกซิเจน แต่ในการใช้งานจริงก็แค่เปลี่ยนพฤติกรรมจากเช็คลมยางสัปดาห์ละครั้ง เป็น 3 สัปดาห์- 1 เดือนครั้ง

-ถึงแม้ “ลมไนโตรเจน” จะช่วยลดการระเบิดของยางรถยนต์ เพราะ “ไนโตรเจน” เป็นแก๊สเฉื่อย เคลื่อนที่ช้า ทำให้เกิดความร้อนน้อยและขยายตัวได้ไม่มาก ส่งผลให้ช่วยลดการระเบิดของยาง เนื่องมาจากความร้อนและแรงดันที่เพิ่มสูงขึ้น ประกอบกับโครงสร้างของยางที่เสื่อมสภาพ แต่ในปัจจุบันผู้ผลิตยางชั้นนำทุกรายก็การันตีไว้ว่าด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัยได้ออกแบบยางมารองรับปัญหาดังกล่าวไว้แล้วแม้จะเติมลมธรรมดาก็ตาม

การเติมลมยางทั้ง 2 แบบ ย่อมจะต้องมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่หากชั่งใจจได้แล้ว ก็ลุยเลยครับ แต่อย่าลืมว่าสิ่งที่สำคัญยิ่งกว่า คือการตรวจเช็คลมยางให้อยู่ในค่ามาตรฐาน เพื่อความปลอดภัยในการขับขี่ แถมยังช่วยให้ยางสุขภาพดีไม่กลับบ้านเก่าก่อนเวลาอันควรครับ…..

………………………..
คอลัมน์ : รู้ก่อนเหยียบ
โดย “ช่างเอก”
ติดต่อสอบถามข้อมูลโดยตรงที่ [email protected]