หากท่านและคู่รักของท่านพยายามแก้ปัญหาและรู้สึกว่าการหย่าร้าง คือคำตอบที่ถูกต้อง ก็ไม่เป็นไรเช่นกัน การหย่าร้างไม่ใช่สัญญาณของความล้มเหลว มันอาจจะเจ็บปวดและซับซ้อน แต่ไม่ใช่เพราะขาดความรัก การหย่าร้างเป็นโอกาสที่จะจัดลำดับความสำคัญให้กับตัวเองและความสุขของท่าน อย่างไรก็ตาม แพทย์เตือนเราว่าการมีเพศสัมพันธ์แบบใกล้ชิดไม่จำเป็นต้องเป็นจริงสำหรับทุกคน  ทั้งนี้สำหรับคนอื่นความใกล้ชิดทางเพศนั้นไม่สำคัญหรือกลายเป็นส่วนสำคัญของการเชื่อมความสัมพันธ์ต่อกันน้อยลง

การมีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่ดีเสมอไป มีคนจำนวนมากที่มีความสัมพันธ์ที่ดี มีความสุข และมีชีวิตชีวา และพวกเขาอยู่ในสิ่งที่สามารถกำหนดได้ว่าเป็นความสัมพันธ์ที่ต่ำหรือไม่มีเพศสัมพันธ์ สิ่งสำคัญคือต้องจำไว้ว่าเพศสัมพันธ์และความใกล้ชิดไม่ใช่สิ่งเดียวกัน ความสนิทสนมเป็นประสบการณ์หรือการกระทำของความรัก การเชื่อมต่อ และแบ่งปัน ความสนิทสนมและการสื่อสารที่ดีเป็นกุญแจสำคัญและสำคัญยิ่งสำหรับความสัมพันธ์ที่ดี เพศสัมพันธ์เป็นองค์ประกอบที่สำคัญสำหรับคู่รักหลาย ๆ คน อย่างไรก็ตามเราต้องได้ยินและเคารพสำหรับในแต่ละปัจเจกบุคคล

คงต้องตระหนักและจำสิ่งนี้ไว้ ท่านและคู่ของท่านจะต้องตัดสินใจว่าท่านเหมาะสมกับนิยามของความสัมพันธ์แบบไร้เพศสัมพันธ์ของสังคมหรือไม่และไม่ว่าจะมีความสำคัญหรือไม่! การไม่มีเพศสัมพันธ์ไม่จำเป็นต้องสูญเสียความสนิทสนม

ดังที่แพทย์กล่าวย้ำว่า “การเป็นคู่รักหรือคู่สมรสที่ปราศจากเพศสัมพันธ์ ไม่ได้หมายความว่าการเป็นคู่รักที่ไม่มีความสุข ในทางตรงกันข้าม! การเป็นหุ้นส่วนที่เต็มไปด้วยความสนิทสนมและการสนับสนุนสามารถเติมเต็มได้มาก ถ้าสิ่งนั้นคือสิ่งที่คู่รักกำหนดเป็นลำดับความสำคัญในความสัมพันธ์ของพวกเขา”

สรุป ในปัจจุบันของสถานการณ์ของโรคระบาดโควิด-19 ตามหลักการและทฤษฎีโรคระบาด พวกเราน่าจะกลับไปใช้ชีวิตที่อยากจะเป็นคือต้องใช้เวลานาน แต่ในหัวใจของคนส่วนใหญ่ยังยอมรับไม่ได้  ฟังข่าวทุกวันแล้วเจ็บปวดหัวใจ การใช้ชีวิตคู่รักก็เช่นกัน ต้องมีปัญหาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พยายามตั้งสติ หลับตาแล้วคิดว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้ผ่านไปให้ได้ จะทำอย่างไรให้ไม่เครียดและเกิดประโยชน์ ช่วงเวลาจะเป็นช่วงพิสูจน์ชีวิตคู่อย่างแท้จริง สำหรับการสมรสที่ปราศจากการมีเพศสัมพันธ์ ถ้าสามารถทำให้กลับไปสู่สภาพปกติได้ ต้องตระหนักว่าเราต้องประสบผลกระทบระยะยาวของปัญหาอะไรอีกหรือไม่.

————————————
ศ.น.ท.ดร.นพ.สมพล เพิ่มพงศ์โกศล