หลังจากปล่อยให้ “อควาแมน เจ้าสมุทร” (2018) ทำเงินไปได้มากกว่า 1.148 พันล้านดอลลาร์ ขึ้นแท่นหนังทำเงินมากที่สุดในค่าย DC “เจมส์ วาน” ผู้กำกับชื่อดังก็พร้อมที่จะทำหนังต่อภาค 2 แบบไม่รอช้าทันที แต่ทว่าเส้นทางของหนังเรื่องนี้ กลับต้องเจอกับอุปสรรค “โรคระบาดโควิด” ที่การถ่ายทำหนังเต็มไปด้วยความยากลำบาก คดีความการฟ้องร้อง ระหว่าง “แอมเบอร์ เฮิร์ด” หรือ “น้องแอ๋ม” ที่มีปัญหากับอดีตสามีอย่าง “จอห์นนี เดปป์” จนภายหลังเกิดกระแสต่อต้านแบนหนังของเธอหนักหน่วง จนทำให้ “เจมส์ วาน” ต้องออกมาการันตีว่า ได้มีการปรับเปลี่ยนลดบทบาทของเธอไปมากมายพอสมควร โดยเฉพาะฉากในหนังตัวอย่าง ที่ไม่ได้เห็น “น้องแอ๋ม” นางเอกออกมาเฉิดฉายเหมือนภาคแรก ปล่อยให้ “คิงส์ ออร์ม” (รับบทโดย แพทริค วิลสัน) ขึ้นมาโชว์พลังแทน
:max_bytes(150000):strip_icc()/Aquaman-091023-01-2000-7e725ef99b53493689e4a17285f5efd5.jpg)
เรื่องย่อ Aquaman and the Lost Kingdom เมื่อ “คิงส์ อาร์เทอร์” (รับบทโดย เจสัน โมโมอา) จำต้องรับหน้าที่ราชาผู้ดูแลผืนน้ำโลกใต้สมุทร ที่เหล่ามนุษย์บนดินก่อปัญหาไม่จบสิ้น ไม่ว่าจะเป็นขยะในทะเล การทำให้โลกร้อนขึ้น จากการทำลายชั้นบรรยากาศ การเผาสารเคมีต่าง ๆ และยังมีปัญหาอื่น ๆ อย่างโจรสลัดที่เข่นฆ่าผู้คนเพื่อปล้นสินค้า และแม้ภารกิจหนักหน่วงแค่ไหน ก็ยังไม่วายมีเรื่องปวดหัวมากกว่า นั่นก็คือการเลี้ยงลูกชาย (อาร์เทอร์ จูเนีย) ให้อยู่บนผืนแผ่นดิน เพราะเขาต้องอาศัยความอดทน การมีสมาธิ ไหวพริบ เพื่อทำให้เด็กไม่ร้องไห้ในยามค่ำคืนที่ต้องหลับนอน หลังจากลงไปทำงานใต้ทะเล
ขณะเดียวกัน คู่ปรับเก่าอย่าง “แบล็คแมนท่า” (รับบทโดย ยาห์ยา อับดุล-มาทีน ที่ 2) ก็ยังพยายามจะหาทางกำจัดเขาและครอบครัว กระทั่งเขาได้พลังใหม่จาก ตรีศูลสีดำที่ชื่อว่า Black Trident เรื่องไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อพลังที่เขาได้มานั้น เป็นพลังต้องห้ามของ “คอร์แด็กซ์” กษัตริย์ของ “เนครัช” หนึ่งใน 7 อาณาจักรใต้ทะเลที่หายสาบสูญ ทางเดียวที่จะจัดการเขาได้ ก็คือการไปหาคนที่คุ้นเคยกับเขา อย่าง “คิงส์ ออร์ม” ที่ต้องโทษคุมขังใต้ทะเลทราย ให้ออกมาตามหาวายร้ายรายนี้ เพื่อช่วยกันปกป้องอาณาจักรแอตแลนติสร่วมกัน
จุดแข็ง ฉากและงานสร้าง CGI ยังคงภาพของความงดงามใต้ทะเลไว้ได้เป็นอย่างดี แถมยังมีฉากใหม่ ๆ ให้ได้ตื่นตาตื่นใจจากภาคแรก บทหนังเน้นการผจญภัยของสองพี่น้อง ดูแล้วเข้าขาเคมีเข้ากันได้อยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยมุกโบ๊ะบ๊ะ การแกล้งแบบแสบ ๆ คัน ๆรวมไปถึงเจ้าปลาหมึกสายลับ ที่จะทำให้ผู้ชมได้ฮาป่วนกันทั้งโรง ในส่วนของฉากแอ๊คชั่นต่อสู้ รับประกันว่าดุเดือดทั้งเรื่อง แม้จะไม่ยิ่งใหญ่เหมือนภาค 1 แต่ก็โชว์ของออกมาได้เรื่อย ๆ เป็น 2 ชม. ที่ดูแล้วเพลินตาเพลินมาก
จุดอ่อน แม้ทางผู้กำกับจะระบุว่า ปรับบท “น้องแอ๋ม” ไปเยอะแล้ว แต่ก็ต้องไม่ลืม เพราะเธอเป็น “นางเอก” ก็เลยยังเห็นเธอยู่หลายซีน บางช่วงบางตอนก็ใช้ CGI จับยัดใส่มาแทน ขณะที่การผูกปมความสัมพันธ์ของครอบครัวก็ไม่ได้ซับซ้อน การร่วมมือกันต่อสู้ของพี่น้องอริเก่า ความบาดหมางต่าง ๆ ที่มีกันมานาน จะคลี่คลายลงได้หรือไม่ ผู้ชมคงเดาทิศทางของหนังได้ไม่ยาก
4/5 กะโหลกสำหรับ ภาค 2 ของ อควาแมน ที่เป็นการปิดท้ายได้อย่างอบอุ่นประทับใจ แม้จะไม่หวือหวาหรือบันเทิงขั้นเทพแบบภาค 1 ด้วยปัญหาด้านเวลา-งบประมาณ-น้องแอ๋ม พอดูหนังจบแล้ว ก็ยังจะเห็น “มีม” ภาพให้ได้จดจำกันบ้างหลาย ๆ ซีน เป็นบทสั่งลาจักรวาลฮีโร่ได้ดีทีเดียว
———————————————
คอลัมน์ : ดูหนังกับหมี
โดย : แพนด้าอ้วน
ขอบคุณข้อมูล ภาพ จากเว็บไซต์ Youtube และ วอร์เนอร์บราเธอส์
