เมื่อหลายวันที่ผ่านมาพื้นที่ กทม. พบฝุ่น PM2.5 เกินมาตรฐานอยู่ในระดับสีส้ม เริ่มมีผลกระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นที่เห็นขมุกขมัวหลายๆ พื้นที่นั้นไม่ใช่เมฆหมอกแต่อย่างใด

วันนี้ พี่กุ๊กไก่จะมาให้ความรู้เกี่ยวกับ “ฝุ่น PM 2.5” เราเริ่มรู้จักเมื่อ 3-4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการที่คนเริ่มมีการสวมหน้ากากอนามัยก่อนที่จะมีการเกิดโรคระบาด Covid-19 เกิดขึ้น ซึ่งหลายๆ คนอาจจะลืมไปแล้วว่ายังมี ฝุ่น PM 2.5 นั้นยังรบกวนเราอยู่ แต่เนื่องด้วยสภาพอากาศโดยมากแล้วฝุ่น PM 2.5 มักจะมาช่วงฤดูหนาว ทำให้มักเห็นเป็นกลุ่มหมอกครอบคลุมที่ชุดเจน ฝุ่น PM2.5 นั้นมีที่มีขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอน จึงสามารถเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจของมนุษย์ได้ง่าย และเมื่อเข้าสู่ระบบทางเดินหายใจ จะเกาะตัวหรือตกตัวได้ในส่วนต่าง ๆ ของระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดการระคายเคือง และทำลายเนื้อเยื่อของอวัยวะ เพราะเนื่องจากฝุ่น PM2.5 นั้นมีสารจำพวก โลหะหนัก แคดเมี่ยม ปรอท ส่งผลทำให้ก่อมะเร็ง และยังกระทบต่ออวัยวะต่างๆ

นอกจากนั้นเองยัง ทำให้เกิด แสบตา แสบจมูก เจ็บคอ ทำให้เกิดผลกระทบทบทางผิวหนัง มีอาการแดง ระคายเคืองผิว มีผื่นขึ้นตามตัว ปวดแสบปวดร้อน ซึ่งตัวฝุ่น PM 2.5 นั้นต้องบอกไว้ว่าน่าจะอยู่เราอีกนาน หลายปีจนกว่าพวกเราจะเริ่มมีนโยบายช่วยกันแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ จำพวกการเผาไหม้ต่างๆ การเผาไหม้จากเครื่องยนต์ดีเซล โรงงานอุตสาหกรรม ไอเสียจากรถยนต์ เป็นต้น ซึ่งส่วนใหญ่ล้วนอยู่ในชีวิตประจำวันเกือบทั้งหมด ดังนั้นเองเราอาจจะต้องดูแลสุขภาพด้วยตัวเราเอง

เมื่อเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงปัญญาของฝุ่นดังกล่าวได้ เราก็รู้จักดูแลตนเองเมื่อมีความจำเป็นต้องเผชิญหน้ากับฝุ่นพิษดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น
1.ทำความสะอาดผิวหนังทันที ภายหลังจากสัมผัสกับฝุ่นมลพิษ
2.สวมหน้ากากป้องกันฝุ่นพิษ
3.หลีกเลี่ยงกิจกรรมการกลางทุกชนิดเมื่อมีมลพิษเป็นจำนวนมาก

นอกจากนั้นเองเราสามารถที่จะดูปริมาณฝุ่นในแต่ละวันก่อนออกไปข้างนอกเพื่อหลีกเลี่ยงฝุ่น PM 2.5 ได้ ซึ่งปัจจุบันมี application ที่เราสามารถดูว่าบริเวณไหนที่บริมาณฝุ่นจำนวนมาก โดยที่เราสามารถหลีกเลี่ยงเจอกับมลพิษดังกล่าว เพื่อไม่ให้กระทบต่างสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย..

……………………………………………………………………
คอลัมน์ : Ladies Bible
โดย หมอกุ๊กไก่-แพทย์หญิง ณัฐชญา ไมตรีเวช