“The Forbidden Play หลุมหลอน ซ่อนคำสาป” คือการกลับมาอีกครั้งของสุดยอดฝีมือแห่งวงการหนังสยองขวัญญี่ปุ่น “อิเดโอะ นากาตะ” ผู้กำกับที่เคยทำให้ “Ring” หรือ “ริง คำสาปมรณะ” (1998) สร้างฝันร้ายให้กับผู้คนทั่วโลก แค่ดูทีวีมืด ๆ ก็ผวากลัวว่า “ซาดาโกะ” จะคลานออกมาแล้ว หนังทำรายได้ถล่มทลายมากกว่า 1,000 ล้านเยนในญี่ปุ่น และกวาดเงินไปอีกมหาศาลจากทั่วทุกมุมโลก จากนั้นเขาก็ยังเดินหน้าสร้างความระทึกขวัญกับ Ring 2 (1999), Dark Water (2002) ซึ่งทั้ง Ring และ Dark Water ก็ถูกซื้อลิขสิทธิ์ไปรีเมคในฝั่งฮอลลีวู้ด

ต้องยอมรับกันตามตรงว่า หนังผีในยุคปัจจุบันแทบจะทุกเรื่อง ไม่ว่าจะของชาติไหน มักจะมีกลิ่นอายความเป็น ซาดาโกะ จาก Ring ความยิ่งใหญ่ของอาจารย์อิเดโอะ เหมือนเป็นการตั้งมาตรฐานหนังสยองขวัญเอาไว้ให้ทุกคนเดินตาม

อย่างไรก็ตาม หลังจากนั้น อาจารย์ก็ยังคงเดินหน้าทำหนังมาโดยตลอด ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นหนังสยองขวัญ ไม่ก็หนังระทึกขวัญ เป็นคนที่เลือกเส้นทางและมีแนวทางชัดเจนจริง ๆ เพียงแต่ยังไม่มีเรื่องไหนที่จะดังเปรี้ยงปร้างได้เทียบเท่า Ring และ Dark Water

และกับ The Forbidden Play หลุมหลอนซ่อนคำสาป ที่เล่าถึงเรื่องราวของ นาโอตะ ไอฮาระ (รับบทโดย เคนตะ อิซึกะ) หนุ่มพนักงานออฟฟิศที่ชีวิตดูมีความสุขดีกับกับภรรยา มิยูกิ (รับบทโดย เฟิร์ส ซัมเมอร์ อูอิกะ) และลูกชาย ฮารูโตะ (รับบทโดย เด็กชายมินนาโตะ โชงากิ) ก่อนที่ความสุขจะพังทลายลง เมื่อ มิยูกิ เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ แต่ลูกชาย ฮารูโตะ เชื่อลึก ๆ ว่าเขาจะได้เจอกับคุณแม่อีกครั้ง ด้วยการนำนิ้วของแม่ไปฝังไว้ในสวนหลังบ้าน และสวดมนต์ภาวนาแปลก ๆ ทุกวัน เพราะมั่นใจว่าแม่จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาอย่างแน่นอน ขณะที่หญิงสาวอีกหนึ่งคน ฮิโรโกะ คูราซาวะ (รับบทโดย คันนะ ฮาชิโมโตะ) ที่ในอดีตเคยทำงานที่เดียวกับ ไอฮาระ และดันเผลอใจไปรู้สึกดี ๆ ด้วย ทั้ง ๆ ที่รู้ว่า ไอฮาระ มีครอบครัวแล้ว ทำให้เธอได้เจอกับเหตุการณ์สุดประหลาด จนต้องตัดสินใจลาออกและหนีห่างจากครอบครัวนี้ จนสุดท้ายเมื่อ มิยูกิ เสียชีวิต และเธอได้ตัดสินใจไปร่วมงานศพ ส่งผลให้ต้องพบเจอกับเหตุการณ์สุดแปลกประหลาดอีกครั้ง

จุดแข็งของ The Forbidden Play

ฝีมืออย่างเก๋าระดับอาจารย์ อิเดโอะ นากาตะ ไม่มีทางที่จะทำให้คุณนั่งหาวในโรงหนังแน่นอน The Forbidden Play อาจไม่ได้สร้างความหวาดกลัวให้กับคุณเหมือน ซาดาโกะ แต่เขาสามารถสร้าง มิยูกิ ได้อย่างสุดทรงพลัง มีเอกลักษณ์ และโดดเด่นไม่แพ้ ซาดาโกะ เลย อารมณ์เหมือนเป็น Last Boss ที่ฆ่าเท่าไหร่ก็ไม่ตายมากกว่า เราจะได้สนุกสนานกับความอลังการของ มิยูกิ ที่มีลุคชวนเอาไปคอสเพลย์ซะเหลือเกิน

อีกหนึ่งสิ่งที่ทำให้คุณห้ามพลาดกับหนังเรื่องนี้ ก็คือ “น้องคะน้า” คันนะ ฮาชิโมโตะ สาวสวยสุดน่ารักที่ได้รับการยกย่องว่า หนึ่งพันปีจะมีแค่หนึ่งคน นี่คืออีกหนึ่งความบันเทิงในการได้นั่งดูน้องคะน้าเหวอแล้วเหวออีก เรื่องนี้อาจารย์อิเดโอะ จัดหนักน้องคะน้าจนอ่วมอรทัยเลยทีเดียว

ความเป็นหนังคัลท์สุดแนว สุดเหวอ สุดทรงพลังสไตล์ญี่ปุ่น ดูแล้วก็อดขำ อดหัวเราะกับความยูนีตนี้ไม่ได้จริง ๆ มีหลายฉากที่เดาเอาไว้ในใจว่า จะเอาอย่างงี้จริงดิ เอาจริงดิ และอาจารย์อิเดโอะก็จัดให้จริง ๆ

จุดอ่อนของ The Forbidden Play

บทหนังมีความอิหยังวะ รีแอ็คชั่นของตัวละครก็มีความอิหยังวะ และความยุ่งเรื่องชาวบ้านของน้องคะน้าก็มีความอิหยังวะขั้นสุด จะไปยุ่งอะไรกับเขาขนาดนั้น แม้จะพยายามยัดเหตุผลให้ต้องมายุ่งก็เถอะ คือเอาตรง ๆ ถ้าไม่ไปงานศพ ก็คงไม่ต้องเกิดเรื่องราวหายนะทั้งหลายขึ้น

3.75/5
เป็นหนังที่มีความครบเครื่องต้มยำ ไม่ใช่แค่สยองขวัญ แต่ยังระทึกขวัญ แอ็คชั่น มันส์ เหวอรับประทาน และไซไฟด้วย (มารวมอยู่ด้วยกันได้ยังไงเนี่ย)
ไม่สมบูรณ์แบบแน่นอน มีอะไรที่ทำให้ขัดใจหลายอย่าง แต่มันสนุก สำหรับคนชอบหนังญี่ปุ่น โดยเฉพาะหนังคัลท์ แฮปปี้อมยิ้มในหลาย ๆ ฉากแน่ รวมทั้งแฟนคลับของน้องคะน้าด้วย อาจไม่ถูกใจกับบทบาทที่ไปแอบรักผัวชาวบ้าน และยุ่งเรื่องชาวบ้านจังเลยอะเรานะ แต่ความชาวบ้านที่ถูกยัดไปใส่น้องคะน้าแบบนี้แหละ ที่สร้างความบันเทิงเวลาที่ได้ชม 55 เป็นหนังที่ให้คะแนนยากด้วย จะให้ 3.5 ก็รู้สึกว่าต่ำไป จะให้ 4 มันก็สูงไปหน่อย เลยตัดสินใจให้คะแนนที่ไม่เคยให้กับหนังเรื่องไหนมาก่อน

หมีเช