ด้วยความที่อดีตนายกรัฐมนตรี เป็นบิดาที่รักของหัวหน้าพรรคเพื่อไทย แกนนำรัฐบาล และยังเป็นไปตามคำมั่นสัญญาในช่วงหาเสียงเลือกตั้งฯว่า…จะพาพ่อกลับบ้าน

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ฝั่งตรงข้าม ฝั่งที่ไม่เห็นด้วย หรือสังคม ที่มีคำถาม มีความเห็นต่าง และนำไปสู่ความคิดที่ว่า การมีนายกรัฐมนตรี 2 คน !!

เอาเป็นว่า…เส้นทางจากนี้จะเป็นไปตาม “ดราม่า” ที่เกิดขึ้นในเวลานี้หรือไม่? ก็ต้องรอดูกันต่อไป!!

เฉกเช่นเดียวกับ…เรื่องราวของการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต 10,000 บาท ที่ยังต้องรอ…และรอ…กันต่อไป เพราะความแน่นอนของโครงการนี้ก็คือความไม่แน่นอน

เพราะ…ตั้งแต่ที่พรรคเพื่อไทยเข้ามารับหน้าที่เป็นผู้นำรัฐบาล และเดินหน้าโครงการนี้อย่างจริงจังตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา แม้ ณ เวลานี้ ยังไม่ถึงกำหนดตามไทม์ไลน์ ที่รัฐบาล กำหนดไว้ก็ตาม

แต่!! อนาคต ของโครงการนี้ ก็ยังมีความไม่แน่นอน เพราะล่าสุด!! คณะกรรมการดิจิทัล ชุดใหญ่ที่มี “เศรษฐา ทวีสิน” นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เป็นประธาน ก็ขอซื้อเวลาออกไปอีก 30 วัน พร้อมกับจัดตั้งคณะอนุกรรมการ ขึ้นมาอีก 2 ชุด เพื่อตรวจสอบความรอบคอบในทุกด้าน

นอกจากนี้…ก็อ้างเหตุผลว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะแบงก์ชาติ ที่ขอนำคำเตือน คำแนะนำ และความเห็นของ กฤษฎีกาและสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไปพิจารณา ก่อน เพราะก่อนหน้านี้ยังไม่เห็นถ้อยคำ ข้อความที่ชัดเจน

ที่สำคัญ…ในการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา เมื่อถึงเวลาการพิจารณาเรื่องของข้อเสนอที่จะมีการออกกฎหมายกู้เงิน 5 แสนล้านบาท เพื่อนำมาดำเนินโครงการ ก็ได้มีการเชิญผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้องประชุม

พอเสร็จสิ้นการประชุม ก็ปรากฎว่าบรรดาหน่วยงานหลักด้านเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการคลัง แบงก์ชาติ สภาพัฒน์ ก็จับกลุ่มพูดคุยกันด้วยหน้าสีเคร่งเครียด

จากนั้น…ต่างคนก็ต่างหลบเลี่ยง!! บรรดากองทัพสื่อมวลชนที่มารอคำตอบ ออกไปโดยไม่มีการให้สัมภาษณ์ หรือให้ความเห็นใด ๆ อากัปกิริยา เช่นนี้ มักไม่ค่อยปรากฎให้เห็นบ่อยครั้งนัก

ด้านนายกฯเศรษฐา เอง แม้จะยืนยันหนักแน่น ให้เลิกพูด ดราม่านายกฯ 2 คน ได้แล้ว เพราะตัวเองคือนายกรัฐมนตรี คนที่ 30 ตัวจริง!! แต่คำตอบของนายเศรษฐา เองก็ไม่ได้มีคำตอบที่ชัดเจน!!

ทุกอย่างเรามีการพิจารณาใหม่หมดให้ ทุกท่านได้มีการเสนอแนะในวงกว้าง มีการพูดคุยถึงสภาพเศรษฐกิจโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอัตราเงินเฟ้อ เรื่องจีดีพีที่ต่ำกว่าปกติ เรื่องดอกเบี้ยและหลาย ๆ เรื่อง”

ไม่เพียงเท่านี้…คณะกรรมการได้ระบุ ว่าต้องมีการประชุมกันอีกครั้ง ไม่ใช่แค่การพูดคุยกันในวงนอก เพื่อความโปร่งใสและทุกฝ่ายจะได้มีข้อเสนอแนะที่ชัดเจน

ส่วนจะออกเป็นพ.ร.บ.เงินกู้ฯ หรือไม่ ก็ยังไม่รู้ เพราะต้องมีความคิดเห็นว่าจะใช้วิธีไหน? แล้วจะขยับไปปีงบประมาณ 68 เลยหรือไม่ นายเศรษฐา ก็บอกว่า คงไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็เป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับข้อสรุปว่าจะสรุปอย่างไร?

เมื่อถามอีกว่า…ช้าแต่ชัวร์ที่จะได้เงินดิจิทัลใช่หรือไม่? คำตอบจากปากนายกฯ ก็คือ…ค่อนข้างเป็นไปได้ และไม่แน่ใจด้วยว่าจะช้าหรือเปล่า เพราะตอนนี้ยังไม่ทราบว่าข้อเสนอแนะคืออะไร

แถมย้ำด้วยว่า… หากทุกคนมองออกมาแล้วบอกว่า จำเป็นเร่งด่วน เป็นเรื่องที่เศรษฐกิจอยู่ในภาวะวิกฤติแล้ว มีคณะกรรมการที่ตั้งมาแล้ว ทุกภาคส่วนสบายใจว่าสามารถกำกับดูแลเรื่องนี้ให้มีความโปร่งใสได้ คณะกรรมการที่ต้องรับผิดชอบในหน่วยงานของเขา ต้องตอบปัญหาพี่น้องประชาชนให้ได้ ถ้าสามารถอธิบายได้ ก็เดินต่อได้เร็ว

สารพัดคำตอบ!! ที่นายเศรษฐา แถลง ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะเอาอย่างไร? เพราะทุกอย่างขึ้นอยู่กับคณะกรรมการชุดใหญ่!!

นั่น…เท่ากับว่า พี่น้องคนไทยยังต้อง “อดทน” รอและรอ ต่อไป ว่าสุดท้ายแล้วรัฐบาลจะเล่นบทไหน? กับการแจกเงินดิจิทัล ท่ามกลางก้างขวางคอของคำว่า “วิกฤติ” เศรษฐกิจ.

……………………………………….
คอลัมน์ : เศรษฐกิจจานร้อน
โดย “ช่อชมพู”

อ่านบทความทั้งหมดคลิกที่นี่