วันที่ 8 มีนาคม 2557 เครื่องบินของสายการบินมาเลเซีย เที่ยวบิน MH370 บินตรงจากกัวลาลัมเปอร์ไปยังกรุงปักกิ่ง โดยมีผู้โดยสาร 239 คนบนเครื่อง ได้หายไปอย่างลึกลับกลางทาง และจนบัดนี้ก็ยังไม่อาจสรุปได้แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบิน MH370 หรือแม้กระทั่งจุดตกที่แน่ชัด ก็ยังเป็นปริศนา
อลัน ดีห์ล คือผู้ที่ได้รับการยอมรับในวงการว่าเชี่ยวชาญการสืบสวนเกี่ยวกับอุบัติเครื่องบินและการบินด้วยประสบการณ์มากกว่า 30 ปี เสนอแนวคิดและสมมติฐานว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้นกับ MH370 ไว้ในหนังสือเล่มล่าสุดของเขาที่ชื่อว่า Best Laid Plan
ดีห์ล เชื่อว่าจุดตกของ MH370 อยู่ในทะเลอันดามัน ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของมาเลเซีย ขณะที่การสืบสวนที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน เน้นไปที่การค้นหาเศษซากเครื่องบินในทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย
นักสืบรุ่นเก๋าสันนิษฐานว่า ซาฮารี อาห์หมัด ชาห์ นักบินที่ 1 และคาดว่าเป็นผู้ควบคุมเครื่องบินในช่วงเวลาสุดท้าย ต้องการทำบางอย่างเพื่อประกาศเจตนารมณ์ทางการเมืองของเขา ซึ่งขัดแย้งต่อรัฐบาลมาเลเซียในตอนนั้น
ดีห์ล ตั้งสมมติฐานว่า ชาห์ ตั้งใจจะนำเครื่องบินของเที่ยวบิน MH370 บินผ่านมาเลเซีย แล้ววกกลับไปยังฐานทัพอเมริกันบนเกาะดิเอโก การ์เซียในมหาสมุทรอินเดีย ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของมาเลเซีย โดยคาดว่าระหว่างทางเขาจะหาวิธีประกาศแนวคิดทางการเมืองของเขา จากนั้น เมื่อไปถึงที่หมายและนำเครื่องลงจอดแล้ว เขาก็จะปล่อยผู้โดยสารทั้งหมด
แต่โชคร้ายที่เขาไปไม่ถึง
ดีห์ล ซึ่งเป็นนักวิจัยด้านจิตวิทยาด้วยและผ่านประสบการณ์จำลองพฤติกรรม รวมถึงวิเคราะห์ความคิดและสภาพจิตใจของทั้งนักบินและลูกเรือมานับครั้งไม่ถ้วน เชื่อมั่นว่า การที่เที่ยวบิน MH370 เลี้ยวเปลี่ยนทิศทาง ตลอดจนการปิดกั้นอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องทั้งหมด เป็นความจงใจของนักบิน
เขายังเชื่อว่า ชาห์ น่าจะดับไฟทั้งหมดบนเครื่องบินด้วย ระหว่างที่เครื่องบินบินผ่านมาเลเซียและประเทศไทย ซึ่งทำให้เเที่ยวบิน MH370 ปรากฏเป็นเพียงจุดเล็ก ๆ ที่แทบจะมองไม่เห็นบนจอเรดาร์ของหอบังคับการการบิน
การติดต่อครั้งสุดท้ายระหว่างเครื่องบิน MH370 กับภาคพื้นดินเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 01.19 น. ตามเวลาท้องถิ่น เมื่อเจ้าหน้าที่หอบังคับการบินมาเลเซียพูดกับกัปตันของ MH370 ว่า “ราตรีสวัสดิ์ มาเลเซีย สาม-เจ็ด-ศูนย์”
จากนั้น ร่องรอยของเครื่องบินก็หายไปจากหอบังคับการการบิน แต่เรดาร์ตรวจจับของกองทัพยังสามารถตามรอยของ MH370 ได้อยู่อีกระยะหนึ่ง จึงทำให้ได้ข้อมูลว่า เครื่องบินเปลี่ยนเส้นทางโดยการเลี้ยวกลับอย่างกระทันหัน
ก่อนหน้านี้มีการนำเสนอทฤษฎีว่า นักบิน ชาห์ ต้องการฆ่าตัวตายและเจตนาจะทำให้เครื่องบินหายไปโดยเลือกจุดที่ห่างไกลและยากจะค้นพบ
ทฤษฎีนี้อ้างว่า ชาห์ ควบคุมเครื่องบินและคนบนเครื่องโดยกันนักบินผู้ช่วยออกไปจากห้องนักบิน ตัดการสื่อสารบนเครื่องทั้งหมดและลดความกดอากาศในห้องโดยสารจนทำให้ผู้โดยสารทั้งหมดเสียชีวิตจากภาวะขาดออกซิเจน แล้วบังคับเครื่องบินดิ่งลงสู่มหาสมุทร
แต่จากข้อมูลการสืบสวนที่เปิดเผยต่อสาธารณะกลับไม่พบเหตุจูงใจที่ทำให้ ชาห์ คิดฆ่าตัวตาย นอกจากนี้ยังมีช่องทางอื่นที่นักบินผู้ช่วย สามารถกลับเข้าไปในห้องนักบินได้ โดยผ่านพื้นที่ติดตั้งระบบอิเล็กทรอนิกส์บนเครื่องบิน
ดีห์ล จึงไม่เห็นด้วยกับทฤษฎีนี้และไม่เชื่อว่านักบินผู้ช่วยจะโดนกันไว้นอกห้องนักบิน เขามองว่า ถ้า ชาห์ ต้องการให้เครื่องบินหายไป เขาจะต้องบินไปยังทิศทางตรงกันข้ามกับเส้นทางเดิม มุ่งสู่มหาสมุทรแปซิฟิก เขาจึงไม่เชื่อว่า ชาห์ ต้องการจะหายตัวไปจากโลกนี้
ดีห์ล มองว่า ชาห์ ต้องการใช้เครื่องบินของเที่ยวบิน MH370 เป็นเครื่องมือแสดงความเห็นทางการเมือง แต่เกิดเรื่องคาดไม่ถึงกับเครื่องบินระหว่างทางเสียก่อน
ถ้าแนวคิดของ ดีห์ล ถูกต้อง การค้นหาเศษซากที่เหลือของ MH370 ก็ควรจะต้องขยับไปทางทะเลอันดามัน ซึ่งใกล้กับมาเลเซียมากกว่ามหาสมุทรอินเดีย
เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลมาเลเซียได้ประกาศว่ากำลังพูดคุยเกี่ยวกับปฏิบัติการค้นหาเศษซากเครื่องบิน MH370 ครั้งใหม่ ซึ่งทางบริษัทค้นคว้าและสำรวจทางทะเล “โอเชียน อินฟินิตี” จากสหรัฐเป็นผู้เสนอตัวเข้ามา
โอลิเวอร์ พลังเคตต์ ซีอีโอของโอเชียน อินฟินิตี กล่าวในแถลงการณ์ว่า บริษัทของเขากำลังวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มาก่อนหน้านี้ เพื่อตีวงพื้นที่การค้นหาให้แคบลงและเป็นพื้นที่ที่เป็นไปได้มากที่สุดว่าจะเจอเศษซากของเครื่องบิน MH370 เพิ่มเติม ซึ่ง ดีห์ล เชื่อว่าเศษซากเหล่านี้จะเป็นกุญแจสำคัญในการไขความลับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเที่ยวบิน MH370 ในคืนนั้น
ที่มา : foxnews.com
เครดิตภาพ : GETTY IMAGES
