เพราะถ้าไม่สามารถรับมือปัญหานี้ได้โดยเร่งด่วนและชัดเจน ปัญหาเรื่องนี้ไม่เพียง ทำให้เกิดผลกระทบกับรายได้ของเกษตรกรไทย เท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นปัญหาลุกลามเป็นวงกว้างไป กระทบกับมิติอื่น ๆ ได้ด้วย เช่นกัน ซึ่งจากกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้นั้น…

“เกิดเสียงเรียกร้องเซ็งแซ่” ออกมา

เรียกร้อง “ให้รัฐเร่งจัดการปัญหา”

ถึงขั้น “ให้ประกาศสงครามสู้เถื่อน!!”

ทั้งนี้ “ปัญหาสินค้าเกษตรเถื่อน” ที่เป็นการ “ลักลอบนำเข้ามาในไทยอย่างผิดกฎหมาย” ซึ่งกำลังรุกคืบบุกเข้าสู่ตลาดในไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ นั้น กรณีนี้หลายฝ่ายได้แสดงความกังวลใจ เพราะกลัวว่า…สินค้าเกษตรเถื่อนที่ดาหน้าถล่มเข้าไทยในตอนนี้จะ ส่งผลต่อ “อาชีพ-รายได้” ของ “เกษตรกรไทย” เนื่องจากส่วนใหญ่มักจะใช้วิธี “ตัดราคาขายให้ถูกลง” ซึ่งเมื่อเทียบกับสินค้าที่ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว “สินค้าเกษตรเถื่อน” เหล่านี้ “มีข้อได้เปรียบจากต้นทุนที่ถูกกว่า” ทำให้ สินค้าเกษตรเถื่อนสามารถขายในราคาที่ถูกกว่า จึงจูงใจผู้บริโภคให้หันไปเลือกซื้อสินค้ากลุ่มนี้ โดยอาจไม่รู้ว่าเถื่อน

“สินค้าเกษตรเถื่อน” ที่ลักลอบเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทยอย่างไม่ถูกต้อง-อย่างผิดกฎหมายนั้น สถานการณ์ในเรื่องนี้ล่าสุดก็พบว่า… มีหลายชนิดที่กำลังถล่มตลาดสินค้าเกษตรของไทย อาทิ กระเทียม หอม หอมหัวใหญ่ ซึ่งขณะนี้มีการลักลอบนำเข้ามาขายในไทยเป็นจำนวนมาก เนื่องจากในระยะนี้ถือเป็น “ฤดูออกผลผลิต” ของสินค้าเกษตรเหล่านี้ อย่างไรก็ตาม กับกรณีปัญหาที่เกิดขึ้นนี้…เรื่องนี้ก็ได้มี “เสียงสะท้อนจากนักวิชาการ” ที่ได้วิเคราะห์ไว้อย่างน่าสนใจ…

ชี้ว่า “สินค้าเกษตรเถื่อน” ซึ่งทะลักสู่ไทย

เกิดจาก “ปัจจัย” ที่จะ “นำสู่ปัญหาอื้อ!!”

เกี่ยวกับ “มุมวิชาการ” ที่ได้สะท้อนต่อกรณี “ปัญหาสินค้าเกษตรเถื่อนทะลักสู่ตลาดในไทย” นั้น…เรื่องนี้ รศ.ดร.สมชาย ภคภาสน์วิวัฒน์ นักวิชาการอิสระด้านเศรษฐศาสตร์และรัฐศาสตร์ ได้วิเคราะห์ “ผลกระทบที่เกิดขึ้น” จากปัญหานี้และสะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ว่า… ผลกระทบจากการทะลักเข้ามาของสินค้าเกษตรเถื่อนที่หลายคนอาจไม่คาดคิดก็คือ “สินค้าเถื่อนคืออีกตัวการสำคัญ” ที่ทำให้ไทยเผชิญ “อัตราเงินเฟ้อติดลบ” ซึ่งถ้าไม่มีมาตรการรับมือก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยด้วยแน่นอนเนื่องจากเศรษฐกิจไทยอยู่ในช่วงขยายตัวช้า-ขยายตัวต่ำ ยิ่งมาเจอถล่มจากสินค้าเกษตรเถื่อน…

เงินเฟ้อจะยิ่งลดต่ำจนเศรษฐกิจซึม

เป็นวงจรผลกระทบที่ขยายวงยิ่งขึ้น!!

แหล่งข่าวนักวิชาการอิสระท่านดังกล่าวยังได้ระบุถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นตามมาจากปัญหา “สินค้าเกษตรเถื่อนทะลักเข้าไทย” อีกว่า… ไม่เพียงจะส่งผลต่อระบบการเงินและเศรษฐกิจเท่านั้น หากแต่เรื่องนี้ยัง ยิ่งทำให้ “ประชาชนทั่วไปตกอยู่ในความเสี่ยง” จากการที่บริโภคสินค้าเกษตรเถื่อนซึ่ง “ไม่ได้มาตรฐาน” หรืออาจจะมีขั้นตอนและกระบวนการผลิตที่ “ไม่ปลอดภัย” ที่ถือเป็นการซ้ำเติมคนไทยอีกด้วย ทำให้ปัญหาดังกล่าวนี้ก็ยิ่งเป็น “เรื่องใหญ่ที่ต้องจัดการ!!”

รศ.ดร.สมชาย ยังได้สะท้อนผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ด้วยว่า… การที่มีสินค้าเถื่อนทะลักเข้ามานั้น ส่วนใหญ่จะเกิดจาก “ปัจจัยสำคัญ” อย่างเรื่อง “ระบบควบคุมมีช่องโหว่” ส่งผลทำให้การควบคุมที่ทำอยู่ไม่ค่อยเกิดประสิทธิภาพ หรือเกิดจากปัจจัยอย่างเรื่อง “กฎหมายยังไม่รุนแรงพอ” ทำให้บรรดาผู้ลักลอบนำเข้าสินค้าเถื่อนไม่ค่อยเกรงกลัวความผิด…

“ไม่ใช่แค่สินค้าเกษตรเถื่อนที่รัฐต้องเอาจริงเอาจัง แต่รวมถึงสินค้าอีกหลายประเภท ที่มีการลักลอบนำเข้ามาอย่างผิดกฎหมาย ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่สร้างความเดือดร้อนให้ประเทศไทยและคนไทยอย่างมาก เรื่องนี้เป็นหนึ่งในปัญหาสำคัญที่ต้องเร่งแก้ เพราะสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติอย่างมาก” … ทาง รศ.ดร.สมชาย ระบุ

ทั้งนี้ นักวิชาการอีกท่าน คือ ดร.ภูษิต วงศ์หล่อสายชล ผู้อำนวยการหลักสูตร aMBA (Analyst MBA) มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ก็ได้ให้ทรรศนะผ่าน “ทีมสกู๊ปเดลินิวส์” ว่า… “กลยุทธ์ยอดนิยม” ที่ขบวนการลักลอบนำเข้า “สินค้าเถื่อน” นำมาใช้ก็คือ “กลยุทธ์ด้านราคา” หรือ “Pricing” ที่ถือเป็น “ไม้ตายของสินค้าเถื่อน” เพราะไม่ว่าใคร ไม่ว่าชาติใด ก็มักชอบ หรือให้ความสนใจสินค้าที่มีราคาถูกกว่าอยู่แล้ว เพียงแต่การอุดหนุนสินค้าเถื่อนเหล่านี้ คนที่ได้ประโยชน์ก็มีเพียงคนนำมาขาย หากแต่กลไกอื่น ๆ ในไลน์ผลิตในไทยจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย ซ้ำยัง อาจเป็นอันตรายต่อตัวผู้บริโภค อีกด้วย…

“ตอนนี้ดูเหมือนไทยจะเป็นจุดหมายของสินค้าเถื่อนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่า…การที่ตอนนี้ไทยมีสินค้าเถื่อนทะลักเข้ามาแบบนี้ มาจากสาเหตุอะไรมากกว่ากัน ระหว่างระบบควบคุมยังคงมีช่องโหว่ หรือผู้ลักลอบมีลู่ทางที่จะนำสินค้าเถื่อนเข้ามาได้ง่าย ๆ” …เป็น “ปุจฉาน่าคิด?” ที่ทาง ดร.ภูษิต ได้ระบุไว้เพื่อที่คนไทยจะนำไปคิดต่อ…

ปุจฉา “ปัญหาสินค้าเกษตรเถื่อนบุก”

“อีกหนึ่งตัวการ” ที่ “ทำให้ไทยย่ำแย่”

“มีตัวการใหญ่ซ้อนตัวการนี้มั้ย??”.