ซึ่ง “นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย ศัลยแพทย์เฉพาะทางด้านการผ่าตัดส่องกล้องขั้นสูง” บอกว่า ที่เป็นเช่นนี้ เพราะเราได้อิทธิพลการรับประทานอาหารตามชาวตะวันตก ทำให้มีโอกาสเกิด “นิ่วชนิดคอเลสเตอรอล” เพิ่มขึ้น และกว่า 80% ไม่มีอาการ ต้องตรวจอัลตราซาวด์ หรือ ทำ CT scan ถึงจะเจอ

ทั้งนี้ ผู้ป่วยที่เป็นโรคนิ่วในถุงน้ำดีที่มีอาการน้อย มักจะรู้สึกจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ไปจนถึงใต้ชายโครงขวา ซึ่งมักเป็นหลังรับประทานอาหารรสมัน หรืออาหารมื้อใหญ่ เป็นครั้ง ๆ ละประมาณ 30-60 นาทีและหายได้เอง

หากมีอาการมากขึ้นจะรู้สึกปวดร้าวจากท้องไปที่หลัง หรือสะบักข้างขวาได้ บางคนอาจจะปวดมากจนไม่สามารถทานอาหารได้เลย

ส่วนผู้ป่วยที่เริ่มมีภาวะแทรก ซ้อนแล้ว จะเริ่มปวดท้องรุนแรงตลอดเวลา มีไข้สูง อาจจะถึงขั้นตัวเหลืองตาเหลืองได้ จะต้องพบแพทย์เร่งด่วน

สำหรับการรักษาสามารถทำได้ด้วยการผ่าตัดถุงน้ำดี โดยหากไม่มีอาการ แพทย์จะผ่าให้เมื่อ 1.นิ่วมีขนาดใหญ่กว่า 3 ซม. 2. ตรวจพบนิ่วร่วมกับติ่งเนื้อในถุงน้ำดี 3.ถุงน้ำดีมีลักษณะอักเสบเรื้อรัง (porcelain gallbladder) 4.เป็นโรคเม็ดเลือดแดงผิดปกติ เช่น sickle cell anemia, hereditary spherocytosis และ 5.อยู่ในพื้นที่ห่างไกลไม่สามารถเข้ารับการรักษาได้ถ้าเกิดมีภาวะแทรกซ้อน แต่หากมีอาการแล้วจำเป็นจะต้องผ่าตัดถุงน้ำดีเสมอเพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้สูง

นพ.ศิรสิทธิ์ อธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับการผ่าตัดว่า ในอดีตการผ่าตัดถุงน้ำดีจะเป็นแบบ “เปิด” ซึ่งมีแผลขนาด 15-20 ซม. หลังผ่าผู้ป่วยจะมีอาการปวดแผลมาก ฟื้นตัวช้าและมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนของแผลผ่าตัดได้สูง

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีการพัฒนาการผ่าตัดแบบส่องกล้อง จะมีแผลเพียงแค่ 0.5-1 ซม. ประมาณ 3-4 แผล ทำให้แผลเล็ก เจ็บน้อย ฟื้นตัวได้ไว สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ทันทีหลังผ่าตัด ที่สำคัญคือการผ่าตัดจะใช้กล้องที่มีกำลังขยายสูง ทำให้เห็นอวัยวะสำคัญได้ชัดเจนและปลอดภัยมากขึ้น

นอกจากนี้ยังมีการผ่าตัดแบบส่องกล้องถุงน้ำดีแผลเดียว (Single Incision Laparoscopic Cholecystectomy : SILC) ที่เป็นการผ่าตัดซ่อนแผลไว้บริเวณสะดือ ขนาดแผลประมาณ 1.5-2 ซม. ทำให้ไม่เห็นรอยแผลเป็น แต่จำเป็นต้องใช้ความชำนาญและประสบการณ์ของศัลยแพทย์เป็นอย่างสูง

ศัลยแพทย์เฉพาะทาง ย้ำว่า หลังผ่าตัดถุงน้ำดีออกไปแล้ว ร่างกายจะมีการปรับตัว ทำให้มีการอืด แน่นท้องเล็กน้อยหลังรับประทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีรสมัน ซึ่งพบได้ราว ๆ 30% แต่อาการเหล่านี้จะหายได้เองในไม่กี่วัน หรือไม่กี่สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดส่องกล้องจะทำให้ผู้ป่วยฟื้นตัวเร็วสามารถเดิน หรือใช้ชีวิตประจำวันตามปกติทันที ส่วนการออกกำลังกายอาจใช้เวลาพักฟื้นประมาณ 2-4 สัปดาห์ ขึ้นอยู่กับความหนักของกิจกรรมนั้น ๆ

ทั้งนี้ สามารถปรึกษาหรือสอบถามรายละเอียดการผ่าตัดส่องกล้องถุงน้ำดีแบบซ่อนแผล ได้ที่เพจ Facebook : ผ่าตัดส่องกล้องต้องรู้อะไรบ้าง by หมอโจอี้ นพ.ศิรสิทธิ์ เลาหทัย หรือ Line : dr.sirasit หรือ Website : www.doctorsirasit.com

อภิวรรณ เสาเวียง