@จับตามภาพใหญ่ของการเมืองไทยในรอบ สัปดาห์ สิ่งที่เกิดขึ้นกับ “รัฐบาลนิดหนึ่ง” คือความ”น่าเห็นใจ” คนเป็น”นายกรัฐมนตรี” อย่าง” เศรษฐา ทวีสิน” ที่ยิ่ง อาการป่วยของ”ทักษิณ ชินวัตร” หายไปอย่างรวดเร็ว หลังการพักโทษ และกลับมา เคลื่อนไหวใน “อิริยาบถ” ตามใจชอบ เพราะยิ่ง”ทักษิณ ชินวัตร” เคลื่อนไหว มากเท่าไหร่ ยิ่งเป็นทำให้”บทบาท”การเป็น”ผู้นำประเทศ” ของ”เศรษฐา ทวีสิน” ถูกตั้งคำถามจากสังคมมากขึ้น ว่า ณ วันนี้”ประเทศไทย” ในเป็น”ผู้นำประเทศ” และแต่ละเรื่องที่เป็นเรื่องใหญ่” ใน”รัฐบาล” ใครเป็นคน”กดปุ่ม” เพื่อการ”ส่งสัญญาณ” กับ”นายกรัฐมนตรี” ….. เชื่อเถอะ สภาการเมืองที่”ขับเคลื่อน”ไปอย่างนี้ ต้องสร้างความ”อึดอัด” ให้กับ” เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน ไม่น้อย ดังนั้น “เสี่ยนิด” จึง พยายามที่จะ สร้างผลงานในการ”ขับเคลื่อน”ทาง”เศรษฐกิจ” การลงทุน โดยหวังที่จะดึง “กลุ่มทุน” จาก”ต่างประเทศ” เข้ามาในประเทศทั้งการ”จัดกิจกรรม” และการ”ลงทุน” ใน”อุตสาหกรรม” ใหญ่ๆ แต่เป็นเรื่อง”ไม่ง่าย” และ”ไม่”รวดเร็ว” ที่กว่าจะเห็น ผลงาน ที่ต้องการให้”เข้าตา” ประชาชน” สถานการณ์ทาง”การเมือง” อาจจะเปลี่ยนไป ก็เห็นนะ ถึงความ”ตั้งใจ” ของ”เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ เดินทางไม่หยุด แต่”ผลงาน” ที่”มองไม่เห็น”ด้าน “การเงิน,การลงทุน”แม้แต่เรื่อง”การท่องเที่ยว”ก็ยังไม่เป็นไปใน”ทิศทางบวก” การลงพื้นที่ พบปะ “ประชาชน” เป็นเพียงงาน”การเมือง” เช่นการเพิ่มค่าตอบแทน “อสม.” เป็นเรื่องการใช้”งบประมาณ” เพื่อผลทาง”การเมือง” แต่เรื่อง”ค่าแรง”เรื่อง”เงินเดือน” ที่เป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ ยังไม่มีการ”ขับเคลื่อน” ให้เป็นเป็น”รูปธรรม” เรื่องของผู้ประกอบการ”เอสเอ็มอี” ที่ยังเข้าไม่ถึง”โอกาส” จาก สถาบันการเงิน เรื่อง”พลังงาน” ที่เป็น”หัวใจสำคัญ”ของการ”ผลิต” และ”ลมหายใจ”ของ “คนจน” จำนวนมาก ยังไม่มีการ “แก้ไข” ในเรื่องของ”โครงสร้าง” มีแต่การใช้”งบประมาณแผ่นดิน” ที่มาจาก”เงินภาษี”ของ”ประชาชน”ใน “ตรึงราคา” ซึ่ง วันหนึ่งจะ”เดินต่อ”ไม่ได้ เป็นการ”บริหาร” ที่รอให้”หนองแตก” …..

@เรื่องการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” ที่ยัง”เบ่งบาน” ทั้งประเทศ ในทุกหน่วย”ราชการ” รัฐบาลนิดหนึ่ง” ก็ไม่มีการนำมาเป็น”วาระแห่งชาติ” ในการ แก้ปัญหา แต่ละวันจะมี”ข่าว” การ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” ให้ประชาชนได้เห็นได้ทราบ ถึงความ”ฟอนเฟะ” ของหน่วยงานราชการ ที่สำคัญ ปัญหา ยาเสพติด วันนี้กลายเป็นเรื่อง”อีรุงตุงนัง” ทั้งเรื่องการระบาดของ”น้ำกระท่อม” ที่ในอดีต ระบาดหนักใน”ภาคใต้” แต่หลังการ”ปลดล็อค” ให้”พืชกระท่อม” เป็น”พืชสมุนไพร” ที่ไม่ผิด”กฎหมาย” วันนี้ “ประเทศไทย” 77 จังหวัด จึงมีการ”ระบาด”ของ”น้ำท่อม”  ทั่วราชอาณาจักร กลายเป็นปัญหาใหญ่ของ”แผ่นดิน” ที่ เจ้าหน้าที่ต้อง ดำเนินการ จับกุม…..ในขณะที่”กัญชา” ก็กลายเป็นปัญหาที่ พรรคการเมืองบางพรรค ใช้ในการหาเสียง และเป็น”นโยบายทิพย์” ที่ไม่เป็นความจริง คนปลูกกัญชา  6 ต้นไม่มีใครร่วม แต่กลายเป็น”ติดกัญชา” เป็นปัญหาทั้ง”แผ่นดิน” ไม่ต่างจาก”น้ำกระท่อม” ที่ ผลสุดท้าย “รัฐบาล”ชุดนี้ต้องหาทางนำเอา”กัญชา” เป็น”ยาเสพติด” อีกครั้ง  ในขณะที่”ยาบ้า” ยังเป็น”อันตราย” กับ “ชุมชน” ทั่วประเทศ นโยบายมียาบ้า 5 เม็ด เป็นผู้เสพ เป็น นโยบาย ที่”ตอบโจทย์” หรือไม่ ดูได้จาก ปัญหา ที่เกิดขึ้น หลังมีนโยบาย เพราะถ้า “ดีจริง” และ”ตอบโจทย์”ได้จริง ทำไม ปัญหาจึงตามมามากมาย ตั้งแต่”ยาบ้า” ที่จับเท่าไหร่ก็ไม่หมด “คนเสพ” เมื่อกลายเป็น”คนป่วย” ไม่มีที่”บำบัด” เพราะ”คนเสพ” มีมาก” เมื่อเป็น”คนป่วย” จึงกลายเป็นมี”คนติดยา” ที่เป็น”คนป่วย” เต็มแผ่นดิน เจ้าหน้าที่ไม่ปัญญาในการ”รับมือ” ปัญหาทั้งหมดที่กล่าวมา”พรรคเพื่อไทย” และ”รัฐบาลเพื่อไทย” โดย “เสี่ยนิด” เศรษฐา ทวีสิน” ไม่ได้แสดง”ฝีมือ” ในการแก้ปัญหาให้”เป็นชิ้นเป็นอัน” แต่อย่างใด

@วันนี้ ทุกคนรู้ได้ว่า “เศรษฐกิจ”ของประเทศไทยกำลัง”หัวทิ่ม” แต่ “รัฐบาล” ไม่ได้ “ออกอาวุธ” อะไรในการแก้ปัญหา”เศรษฐกิจ”ที่”ดิ่งเหว” นอกจากโครงการ”ดิจิตอลวอลเล็ต” ที่ยังไม่รู้ว่าจะ”เป็นจริง” หรือไม่ วันนี้ “รัฐบาลนิดหนึ่ง” รอเพียง”งบประมาณผ่านสภาฯ” และ เร่งให้แต่ละกระทรวงใช้”งบประมาณ”โดยเร็ว และ ผลที่ตามมาคือการใช้”งบประมาณ”ไม่ทัน เพราะมีเวลาใช้เพียง 4 เดือน ดังนั้น 7 เดือนของ”เศรษฐา ทวีสิน” ในฐานะ”นายกรัฐมนตรี” ที่เป็น”ผู้นำ” ในการ”บริหารประเทศ” จึงกลายเป็น “7 เดือน” แห่งความ”ว่างเปล่า” และ”อ้างว้าง” ในความรู้สึกของ”ประชาชน” ……แม้แต่ในเรื่องการแก้ปัญหา “ความไม่สงบ” ในพื้นที่”จังหวัดชายแดนภาคใต้” เศรษฐา ทวีสิน “นายกรัฐมนตรี” ยังตีโจทย์ผิด ที่เอาเรื่อง”เศรษฐกิจ-การท่องเที่ยว” มาก่อน โดยการ”ก้าวข้ามความรุนแรง” เพราะสุดท้ายการ”ก่อวินาศกรรม” คืนเดียว 45 เป้าหมาย เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่ผ่านมา ในพื้นที่ ปัตตานี,ยะลา,นราธิวาส” และ”สี่อำเภอของ จ.สงขลา คงจะทำให้  ทั้งนายกรัฐมนตรี, “ เศรษฐา ทวีสิน,  พล.อ.เจริญชัย หินเธาว์”  ผบ.ทบ.” และ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร รักษาการ ผบ.ตร.” ได้”ตาสว่าง” เสียที เพราะเรื่องที่”หน่วยงานในพื้นที่ “รายงาน” ขึ้นไปล้วนแต่เป็นเรื่อง”จอมปลอม” และผู้ที่ควรมา รับทราบข้อเท็จจริง มากกว่า” ผบ.ทบ. และ รักษาการ ผบ.ตร. น่าจะเป็น”สุทิน คลังแสง” รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหม ที่เป็นผู้ “ลอยตัว” อยู่เหนือปัญหาความมั่นคง ในจังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด……

@หลังเกิดเหตุ”ก่อวินาศกรรม” คืนเดียว 48 เป้าหมาย ใน 3 จังหวัด และ 4 อำเภอ ของ จ.สงขลา ซึ่งทั้ง 45 เป้าหมาย ล้วนเป็น”กิจการ”ของคน”ไทยพุทธ” และ”คนไทยเชื้อสายจีน” สิ่งที่ตามมาคือความ”เงียบเหงา” นักท่องเที่ยว”หายเกลี้ยง” ที่ อ.เบตง จ.ยะลา เมืองท่องเที่ยวที่”ขึ้นชื่อ” ทั้งเรื่อง”อาหารอร่อย, อากาศดี”,มีแหล่งท่องเที่ยงธรรมชาติมากมาย เช่น”สวนหมื่นบุปผา,สกายวอล์ค อัยเยอร์เวง,อุโมงค์ปิยะมิตร” หลังการก่อ”วินาศกรรม”ครั้งใหญ่ เมื่อวันที่ 21 มี.ค.ที่ผ่านมา “นักท่องเที่ยว” และ”บริษัททัวร์” ที่ จองโรงแรม, รีสอร์ต” มีการ”ยกเลิก”แบบ”เกลี้ยงกริบ” เอ๊ะ คราวนี้”ปลานิลสายน้ำไหล” อาหารขึ้นชื่อของ”เสี่ยนิด” จะขายใครละทีนี้….. จากการ”ลงพื้นที่” ดูที่เกิดเหตุ “พูดคุย” กับ ผู้อยู่ในเหตุการณ์ ในหลายจุด และดูจาก”กล้องวงจรปิด” เห็นชัดเจนว่า “กองกำลังติดอาวุธ” หรือ”แนวร่วม” ขบวนการแบ่งแยกดินแดน”บีอาร์เอ็น” มีการ เตรียมการ อย่างดีในการ เข้า”ปฏิบัติการ”เพื่อ”ก่อวินาศกรรม” ในแต่ละจุด แต่ละพื้นที่ รู้เส้นทาง รู้ว่าในโรงงาน เครื่องจักรที่สำคัญ อยู่ตรงไหน แสดงว่ามี”หนอนบ่อนไส้”ในทุก เป้าหมาย และใช้เวลา “ปฏิบัติการ”สั้นๆ แต่ได้ผล และ ถอยหนีอย่าง”ลอยนวล” เหมือนกับ”เจ้าหน้าที่รัฐ เป็นเพียง”หุ่นยนต์” ที่ไร้”ประสิทธิภาพ”……

@ปฏิบัติการของ”กองกำลังติดอาวุธ” หรือ”แนวร่วม”ของ”บีอาร์เอ็น” ไม่มีอะไรใหม่เป็นการ”ปฏิบัติการ” ที่”คล้ายคลึง” กับ หลายครั้งที่ผ่าน  แต่ที่เขา”ปฏิบัติการ” ได้ “สำเร็จ” โดยที่ไม่มีการ”สูญเสีย” และไม่มีการ”ปะทะ” กับ “เจ้าหน้าที่รัฐ” ก็เพราะ”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ไม่มีอะไรใหม่ ในการ”ป้องกัน”การ”ดับไฟใต้” มีแต่”ยุทธวิธี” แต่ไม่มี”ยุทธศาสตร์” ผู้นำพื้นที่” กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน” ที่เป็น”คนของฝ่ายปกครอง” ไม่ได้ให้ความ”ร่วมไม้ร่วมมือ” และ”ฝ่ายปกครอง” ที่ถือว่าเป็นหน่วยงานที่”ใกล้ชิด” กับ”ประชาชน” มากที่สุด ณ วันนี้ก็”มืดบอด” เพราะถูก”กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า”  ตีกรอบครอบไว้เหมือนอยู่ใน”กะลา” เห็นสภาพการแก้ปัญหา”ไฟใต้” ในพื้นที่แล้วบอกได้คำเดียวว่า”ว้าเหว่” และ”วังเวง”…..ที่สำคัญ หน่วยงานที่ควรมี”บทบาท” อย่าง”สภาความมั่นคงแห่งชาติ”( สมช.) ก็กลายเป็น”เป็ดง่อย” ที่ไม่ได้แสดง”บทบาท” ของความเป็นหน่วยงานที่กำหนด” ยุทธศาสตร์” ในการแก้ปัญหาอย่างแท้จริง วันนี้ “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ได้รับการ”โปรดเกล้า ฯ” ให้ดำรงตำแหน่ง “เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ” เต็มตัว และมีเวลาทำงาน”รับใช้ประเทศชาติ”เพียง  7 เดือน แต่ก็อย่างเห็นนะว่า ในเวลา 7 เดือน ท่านจะสามารถทำให้ “สภาความมั่นคงแห่งชาติ” (สมช.)ฟื้นคืนจาก”เป็ดง่อย” มาเป็น”นกอินทรีย์” ได้หรือไม่……ที่สำคัญ สถานการณ์ ในห้วงของ”เดือนรอมฎอน” นับแต่นี้ จนถึง”เทศกาลสงกรานต์” จะต้องมีการ”ก่อเหตุ” จาก” กองกำลังติดอาวุธ” เกิดขึ้นอีกอย่าง ไม่ต้องสงสัย  ก็ต้องมีหน้าที่ของ” พล.ท.ศานติ ศกุลตนาค” แม่ทัพภาคที่ 4 / ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ว่าจะ”สั่งการ” ให้ บรรดา” ผบ.ฉก. และ” ผบ.พัน ผบ.ร้อย จนถึง “ฐานปฏิบัติการ” ในพื้นที่ ป้องกัน เหตุราย อย่าไร ที่จะมิให้” กองกำลังติดอาวุธ” หรือ”แนวร่วม” ปฏิบัติการ” ก่อวินาศกรรม” อย่างที่เกิดขึ้น ที่สำคัญ” หน่วยงานความมั่นคง” ในพื้นที่เคยมีการ”ถอดบทเรียน” ของความ”ล้มเหลว” ในแต่ละครั้ง เพราะที่จะได้”บทเรียน” ไว้เพื่อไม่ต้อง”เสียโง่” ให้กับ”บีอาร์เอ็น” แบบ”ไม่รู้จบรู้สิ้น” นี่เป็นเรื่อง”น่าอายนะ” สำหรับ”ชายชาติทหาร”……

@ส่วน “ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” (ศอ.บต. ) ที่มี พ.ต.ท.วรรรณพงษ์ คชรักษ์” ทำหน้าที่เป็น” เลขาธิการ ศอ.บต.” ก็ต้องลงพื้นที่เพื่อ”สร้างขวัญ “ และ”กำลังใจ” กับ”เหยื่อสถานการณ์” และ “ประชาชน” ที่รู้สึกว่า”โดดเดี่ยว” กับ สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งคน”ไทยพุทธ” ต่าง”คร่ำครวญ”ว่า”อยู่ยาก” ขึ้นทุกวัน ถ้า “สถานการณ์” ยังเป็นเช่นนี้ ย้อมต้องกระทบกับ”มิติการพัฒนา” ของ”ศอ.บต.” โดยเฉพาะเรื่อง การค้า การลงทุน และ การท่องเที่ยว ที่สำคัญเรื่องที่จะนำ”ไทยพุทธคืนถิ่น” เพราะการ”ถดถอยของชุมชนไทยพุทธ” คงเกิดได้ยากแล้ว ก็ให้”กำลังใจ” นะ ทั้ง” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” และ” ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้” (ศอ.บต.) รู้ว่าเรื่อง”ไฟใต้” เป็น”โจทย์ยาก” แต่ก็”ไม่ยาก” จนแก้ไม่ได้ ถ้าไม่มีการตั้ง”โจทย์ผิด” และมี”เจตนา” ในการ”ค้ากำไร” จากความไม่สงบที่เกิดขึ้น…..เรื่องการ”แก้เกม” ของ”บีอาร์เอ็น” ในการสร้าง”นักรบพระเจ้า” เมื่อใช้”สันติวิธี” ใช้”ผู้นำศาสนา” เพื่อ”สร้างความเข้าใจ”กับ”ครอบครัว” ผู้ถูก”วิสามัญฆาตกรรม”ไม่เป็นผล ต่อไป” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ก็ต้องเปลี่ยนวิธีการใหม่ หลังการ”วิสามัญฆาตกรรม” กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ก็ต้อง เชิญ” ผู้นำศาสนา” เช่นใน จ.ปัตตานี ก็เชิญ” บาบอแม” ที่เป็น “ประธานกรรมการอิสลาม” และเชิญ” โต๊ะอิหม่าม” ที่เป็นผู้นำ”จิตวิญญาณ” ของผู้ที่นับถือ”ศาสนาอิลาม” ในพื้นที่ ไปยัง บ้านของผู้”เสียชีวิต” โดยให้ “ผู้นำศาสนา” ทำความเข้าใจว่า การเสียชีวิตของ”แนวร่วม” หรือ”กองกำลังติดอาวุธ” ที่ “ต่อสู้” กับเจ้าหน้าที่รัฐโดยไม่ยอม”มอบตัว” ไม่ได้เป็น”ชาอีด” หรือ”นักรบพระเจ้า” หรือผู้”พลีชีพ” แต่อย่างใด ดังนั้นจึงห้ามทำพิธีศพแบบ”ผู้พลีชีพ” เพราะแผ่นดินจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ได้เป็น”แผ่นดินดารุนฮารบี” ที่มีความ”ขัดแย้ง” ที่เป็น”สงครามศาสนา” ให้ผู้นำ”ศาสนา”เป็นผู้”อรรถาธิบาย” ถ้ายังไม่เชื่อ ไม่ทำตาม ก็ถือว่าเป็นการ”บิดเบือน” ข้อเท็จจริง ที่สามารถ”เอาผิด”ได้

@ส่วนผู้ที่มา”แห่แหนศพ” และตะโกนคำว่า” ปาตานี เมอร์เดก้า” ก็ไป พิจารณาดูว่า ขัดกับ”กฎหมาย” มาตราไหน ก็ว่ากันไป เมื่อ”สันติวิธี” เมื่อ”รัฐศาสตร์” ใช้ไม่ได้ และ”ล้มเหลว” กับการ”ดับไฟใต้” ก็ต้องบังคับใช้”กฎหมาย”ด้วยความ”เข้มข้น” เพราะทุกคนที่ เกิดในแผ่นดินไทย ต้อง”เคารพกฎหมายไทย” เพราะหากไม่ทำอะไรเลย เพราะมัวแต่อ้างว่าเป็นเรื่อง”ละเอียดอ่อน” ก็ยกพื้นที่ 3 จังหวัด 4 อำเภอ ให้กับ”บีอาร์เอ็น” ไปปกครอง และ”อพยพคนไทย” ออกจากพื้นที่ ดีไหม ทุกอย่างจะได้”ยุติ”……และที่“กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า” ต้องติดตามอย่างใกล้ชุด คือการจัดงาน”วันมาลายูเดย์” หลัง”รายอฮัจยี” แน่นอนการจัดงาน”วันมาลายู” ไม่ผิดกฎหมาย และต้องส่งเสริมในเรื่อง”ประเพณีวัฒนธรรม” ของ”ชนชาวมาลายู” แต่ในหลายครั้งที่ที่ผ่านมาจะมี”ปีกทางการเมือง” ของ”บีอาร์เอ็น” ใช้การจัดงาน”มาลายูเดย์” เป็น”เครื่องมือ” ในการ”แทรก” เรื่องการ”แบ่งแยกดินแดน”  เพื่อต้องการสร้าง”เงื่อนไข” ให้เจ้าหน้าที่ต้องใช้”กฎหมาย” กับ”แกนนำ” ในการ”จัดการชุมนุม” ซึ่งยังเป็น”คดีความ” ที่”คาราคาซัง” อยู่ในขณะนี้ หวังว่าการจัดงาน”มาลายูเดย์” ในปีนี้ ที่มีการ”ประโคมโหมโห่” จะ”ยิ่งใหญ่” กว่าทุกครั้ง” “กอ.รมน” ภาค 4 ส่วนหน้า” จะได้มีการ”เกาะติด” และไม่ปล่อยให้กลายเป็น”เกม” ของ”บีอาร์เอ็น” ในการแสวงหาประโยชน์ จากการจัดการ”ชุมนุม” ในวัน”มาลายูเดย์ฯ เหมือนครั้งที่ผ่านมา…..

@เรื่องการ”รบรา,ฆ่าน้อง, ฟ้องนาย ,ขายเพื่อน”ใน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ที่เป็นการทำลาย”ศรัทธา” ของ”ประชาชน” ที่มีต่อ”ตำรวจ” คงไม่จบลงแค่การที่” นายกรัฐมนตรี” เศรษฐา ทวีสิน” สั่งย้าย ทั้ง “บิ๊กต่อ” พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ผบ.ตร. และ”บิ๊กโจ๊ก” พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” รอง ผบ.ตร. “เข้ากรุ” ไป ประจำ “สำนักนายกรัฐมนตรี” เพราะการ”สั่งย้าย” คนทั้ง 2 เพียงแค่”สยบคลื่นลม” หยุดการ”สาวไส้ให้กากิน” แต่ วันนี้ความ”ฟอนเฟะ” ของ “ตำรวจ” ยังคงมีให้เห็นในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเรื่องของการเรียกรับ”ผลประโยชน์” บ่อนการพนันออนไลน์ ใน”เครือข่าย” ของผู้ถูก”จับกุมดำเนินคดี” หยุดการ”ดูดเงิน” จากนักการพนัน แต่”บ่อนพนันออนไลน์” ที่ไม่ถูก”จับกุม” ยังมีอยู่”ทุกหัวระแหง” เช่นเดียวกับ”ผลประโยชน์” จาก”ธุรกิจสีเทา” ยัง”เต็มบ้านเต็มเมือง” ดังนั้นการ”ย้ายสองนายพล” ที่เป็นคู่”กรณี” จึงไม่ใช่การ แก้ปัญหาความ”ฟอนเฟะ” ของ วงการ”สีกากี”ซึ่งหากให้”อยู่รอด” และเป็นที่”ศรัทธา” ของ”ประชาชน” มีทางเดียวคือ “นายกรัฐมนตรี” ต้องมีความ”กล้า” ในการ”ผ่าตัดใหญ่” เพื่อตัด”เนื้อร้าย” ออกไป….ส่วนที่ กองบังคับการจังหวัดสงขลา ก็มี”สีกากี”ระดับ”รอง ผบก.” ที่ถูก”พนักงานสอบสวน”ทำการ”ชี้มูล” ว่ามีส่วนในการ”ร่วมด้วยช่วยรับผลประโยชน์” ในฐานะคน”ใกล้ชิด” ติด”ร่างแห”ไปด้วย ส่วน “สตอ.” คนหนึ่ง ที่มี “คฤหาสน์” กลางเมืองหาดใหญ่ มี”ห้องใต้ดิน” ในการ”เก็บเงิน” ที่ได้จาก”บ่อนออนไลน์” ไม่ติดอยู่ใน”ร่างแหฟ้าตาข่ายดิน” ในครั้งนี้ นี้คือคน”ดวงดี”……

@เรื่องของ”โกฟุก” นายทุน”สองสัญชาติ” ไทย-เมียนมา ที่ถูก “ดีเอสไอ” จับกุมในข้อหา “บ่อนพนันออนไลน์ และ “ค้าน้ำมัน”ด้วยการ”ส่งออกทิพย์” และขอ”คืนภาษี” 10 ปี โกงเงินภาษีไปถึง 24,000 ล้าน วันนี้”ดีเอสไอ” ตรวจสอบได้ความชัดว่า”บริษัทซินวิน” ที่เป็นผู้”สั่งน้ำมัน” จากประเทศเมียนมา ไม่มี”อยู่จริง” ใบ”พีโอ” ในการ”สั่งซื้อ” เป็น”ของปลอม” วันนี้ทั้ง”โกฟุก” และ”หุ้นส่วน” หลบหนีไปอยู่ใน”ถิ่นเก่า” ประเทศเมียนมา แล้ว แต่ ขบวนการที่”ร่วมโกงภาษี” กับ”โกฟุก” ยังอยู่ดีกินดีกันทุกคน เรื่องนี้ “รักษาการอธิบดี ดีเอสไอ” พ.ต.ท. ยุทธนา แพรดำ” ต้องเร่งดำเนินการ”เอาผิด” กับ “เจ้าหน้าที่ เพราะเป็นไปไม่ได้ ที่จะถูก”โกฟุก” หลอกลวงถึง 10 ปี โดยการอ้างว่า”ไม่รู้” ส่วน ผู้ที่”เกี่ยวข้องกับ”โกฟุก” ในการ ขนน้ำมันทั้งจากคลังที่ จ.สุราษฎรธานี” และที่เป็น”น้ำมันเรือ” ซึ่งเป็น”ของเถื่อน” ทั้ง 5 บริษัท ก็ต้อง”สาวไปให้ถึง” เพราะมีความผิด ที่นำน้ำมัน ซึ่งมี เอกสารกำกับ” ให้ไปส่ง”ประเทศเมียนมา” มาขายในประเทศไทย…..และเรื่องการ”ส่งออกทิพย์” นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ “ตรวจสอบ” พบ ครั้งแรกเป็นการ”ส่งออก” น้ำมัน”ทรานส์ซิสเส้นทาง” จาก มาเลเซีย ไปยัง สปป.ลาว  ที่ไม่มีการ”ส่งออกจริง” แต่นำน้ำมันขายในประเทศ ซึ่งถูก”ด่านศุลกากรบึงกาฬ” แจ้งความดำเนินคดี และถูก”ศุลกากรสะเดา” ยึดรถบรรทุกพ่วง” ที่ใช้เป็น”พาหนะ” ในการขนส่งได้ 3 คัน และ ตรวจสอบ พบว่า บริษัทผู้”สั่งซื้อ” ตาม เอกสาร “ใบพีโอ” ไม่มีอยู่ใน สปป.ลาว และ ครั้งที่ 3 ตำรวจ ปนม.ภ.9 จับกุมและยึดรถ พร้อม น้ำมัน ในรถ”หัวลาก” จำนวน 3 คัน ที่ จอดอยู่ในพื้นที่ด่านศุลกากรสะเดา เมื่อ กลางเดือน มีนาคม นี้ ซึ่งอยู่ระหว่างการ”ตรวจสอบ” บริษัทผู้”สั่งซื้อ” และเป็นผู้รับ”สินค้า” จากประเทศเมียนมา ที่ เชื่อว่าก็ต้องเป็น”บริษัททิพย์” ที่ไม่มี”ตัวตน”……

@ทั้งหมด แสดงให้เห็นว่า”น้ำมันทรานส์ซิสเส้นทาง” ที่นำเข้าจาก”ประเทศมาเลเซีย” เพื่อไปยัง”ประเทศที่สาม” เป็นเพียง”กลโกง” ของ “ขบวนการค้าน้ำมันเถื่อนข้ามชาติ” ที่ต้องการ”ฟันกำไร”สองต่อ “ต่อแรก” นำน้ำมันราคาถูก จาก “มาเลเซีย” มา”ขายแพง” ให้กับ “ลูกค้า” ในประเทศ” ต่อที่สอง” ขอคืนภาษีการส่งออก” ทั้งที่เป็นการ”ส่งออกทิพย์” อย่างเดียวกับกรณีของ”โกฟุก”แห่ง จ.ระนอง เรื่องนี้เป็นเรื่อง”อาชญากรทางเศรษฐกิจ” ที่ต้องถาม ตั้งแต่”ปลัดกระทรวงการคลังอธิบดีกรมศุลกากร,อธิบดีกรมสรรพสามิต ,อธิบดีกรรมสรรพากร” รวมทั้ง” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง” ว่า จะ ปล่อยปัญหาการทำลายชาติ ไว้อย่างนี้ หรือจะ ดำเนินการ อย่างไร เพื่อ”หยุด” ขบวนการ นำเข้าน้ำมัน”โดยการ”ทรานส์ซิสเส้นทาง” แต่ไม่ได้ไปยัง ประเทศที่สาม และ หน่วยงานไหนที่”มีเอี่ยว” ในเรื่อง”ผลประโยชน์” กับ”ขบวนการอาชญากรทางเศรษฐกิจ” ต้องมีการ “สืบสวนสอบสวน” เพื่อนำตัวมาลงโทษ……มี พลเมืองดี  แจ้งข่าวว่า ได้ทำการ”แจ้งเบาะแส” การค้า”น้ำมันเถื่อน” ใน”อ่าวไทย” ในพื้นที่ จ.สุราษฎรธานี,จ.นครศรีธรรมราช ให้กับ”ศรชล”ในพื้นที่ และให้กับ “กองทัพภาคที่ 4 ตาม หมายเลขโทรศัพท์ ที่มีการ “ประชาสัมพันธ์ มีผู้รับสาย รับเรื่อง ร้องเรียน แต่ไม่มีการเข้า”ตรวจสอบ” เพื่อการ”จับกุม” และ ทุกวันนี้ “น้ำมันเถื่อน”จาก”อ่าวไทย” ยังมีการ”ลำเลียงขึ้นฝั่ง คือละไม่ต่ำกว่า 20 คันรถหัวลาก เอ้า แล้วกัน อย่างนั้น การ”ประชาสัมพันธ์” หมายเลขโทรศัพท์ ให้”พลเมืองดี” แจ้ง”เบาะแส” การกระทำผิดก็เป็นแค่เรื่อง”ปาหี่” อย่างนั้นหรือ งง อ่านว่า งง…..

@เรื่อง”อควาเรี่ยมหอยสังข์” ที่ จ.สงขลา ที่ถูก”ทิ้งงาน”และ”ทิ้งร้าง” ไปต่อไม่ได้ ผ่านมาแล้ว 15 ปี  ผ่าน “นายกรัฐมนตรี” มาแล้ว 3 ท่าน ในสมัย”บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกรัฐมนตรี  เคยให้”สัมภาษณ์นักข่าว” ว่าจะแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น แต่สุดท้ายก็ไม่ได้แก้ หลังมี”รัฐบาลใหม่” ที่มี”เศรษฐา ทวีสิน” เป็น” นายกรัฐมนตรี มี สส. หน้าใหม่” อย่าง”สรรเพชญ บุญญามณี” สส. เขต 1 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ ทำการ”อภิปรายในสภา” เพื่อถามรัฐบาลว่า”โครงการ อควาเรี่ยมหอยสังข์” ที่ใช้”งบประมาณ”ไปแล้ว 1,400 ล้าน และ “ทิ้งงานมาแล้ว 15 ปี จะ”ไปต่อ” หรือ”พอแค่นี้” แต่ สุดท้าย ก็ ไม่มีคำตอบจาก”รัฐบาล” วันนี้ “คนสงขลา” ฝากคำถามมายัง”รัฐบาล” โดยเฉพาะ”นายกรัฐมนตรี”ว่า การที่จะทำให้”อควาเรี่ยมหอยสังข์” มี”ชีวิตชีวา” เพื่อความ”คุ้มค่า”กับเงินภาษีของประชาชน มัน ยากนัก หรือไร อำนาจการเป็น”นายกรัฐมนตรี” ถ้า แก้ปัญหาอย่างนี้ไม่ได้ แล้วจะทำในสิ่งที่”ยิ่งใหญ่” และ”ยุ่งยาก” ได้หรือ และ สุดท้ายแล้ว “คนสงขลา” ต้องทนเห็น “อควาเรี่ยมหอยสังข์เน่า” ไปอีกนานเท่าไหร่ ปัญหานี้จึงจะแก้ไขได้สำเร็จ……

@วันก่อน  พล.ต.ต. ภูริพัฒน์ ภัทรศรีวงศ์ชัย ผบก. อสท. 5 นำกำลังเข้า ตรวจค้น จับกุม โรงงานผลิตเครื่องสำอางเถื่อนยี้ห้อดัง ที่ขายอยู่ใน”แพลตฟอร์มออนไลน์” ได้”ของกลาง” และ”สารอันตราย” ที่ใช้ในการ ผลิต เป็น จำนวนมาก พร้อมผู้”ต้องหา” ที่เป็น”นอมินี” ของ “นายทุนใหญ่” ซึ่งเป็น”ไฮโซสองสามีภรรยา” ซึ่ง “แหล่งข่าว” แจ้งว่า นอกจากโรงงานเถื่อน” ที่ อ.คลองหอยโข่ง จ.สงขลา ที่ถูก”จับกุม” ยังมี “โรงงานย่อย” ที่ยังมีการ”แอบผลิต” อยู่ในพื้นที่ ต.บ้านพรุ และ ต.ควนลัง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และ “สารอันตราย” ที่ใช้ในการ”ฟอกผิวให้ขาว” โรงงานเถื่อน ซื้อจาก” คลินิก” แห่งหนึ่งใน “สวนตูล” อ.เมือง จ.สงขลา โดยนำเข้ามาจาก ประเทศมาเลเซีย และมี”หลักฐาน” การ”สั่งซื้อ” ครั้งละ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านบาท เรื่องนี้ ตำรวจ อสท. ต้อง สืบสวนสอบสวน และ ดำเนินการ”กวาดล้าง” โรงงานที่เหลืออยู่ และ ผู้ที่มีส่วน”เกี่ยวข้อง” ให้สิ้นซาก อย่าทำแบบ”ลูบหน้าปะจมูก” เพราะ”นายทุน” เป็นญาติกับ”นักการเมืองใหญ่” วันนี้ทุกอย่าง”ปิดไม่มิด” ชาวบ้านรู้ทุกเรื่อง…..

@ฝีมือขั้นเทพ “วิชาพร ชินประพัทธ์ ผู้อำนวยการวิทยาลัยชุมชนจังหวัดยะลา ปีการศึกษานี้ มีนักศึกษา แห่กันมาสมัครเข้าเรียนถึง 800 กว่าคน มากที่สุดถ้าเทียบกับ”วิทยาลัยชุมชน” อื่นๆ โดยเฉพาะใน “จังหวัดชายแดนภาคใต้” สาเหตุเพราะเรื่อง”คุณภาพ”ของ “นักศึกษาที่จบจากที่นี้ และการมีโอกาสศึกษาต่อใน”มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา” ผลงานที่ปรากฏ ทำเอา”กิตติ  กิตติโชควัฒนา” นายกสภาวิทยาลัยชุมชนยะลา” ยิ้มแก้มปริ……นี่ก็มีผลงาน” ปกครอง สุวรรณดารา ผอ.ปปช. นราธิวาส ที่”ใส่ใจ” ในการ”ปราบปรามการจุจริตคอร์รัปชั่น” ในวงการราชการ ล่าสุด ประกาศ”เอาผิด” กับ” ข้าราชการระดับ”ผู้อำนวยการการศึกษา “และ” ข้าราชการสำนักงานแรงงานจังหวัด” ที่ จับได้ก็จับไป ที่ต้อง”อาญา” ติดคุกก็ติดไป แต่ที่ยัง”ฉ้อราษฎร์ บังหลวง”  โดยไม่กลัว”อาญาแผ่นดิน” ก็ยังมีอยู่ มากมาย เพราะ วันนี้ปัญหาการ”ทุจริตคอร์รัปชั่น” เหมือนกับปัญหาการค้า”ยาเสพติด” ที่มีการ”จับได้ไล่ทัน” ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็น” ที่รอดพ้น”ร่างแห” ของ”กฎหมาย”มีถึง 90 เปอร์เซ็น ถ้า ผอ.ปปช. ทุกจังหวัด “ขยันขันแข็ง” เหมือนๆ กัน “คุก” อาจจะไม่พอ”ขัง” ข้าราชการ และ นักการเมือง ก็ได้นะ…..

@พื้นที่ อ.สะเดา จ.สงขลา โดยเฉพาะปัญหาที่” ตำบลสำนักขาม” เมืองชายแดนที่ติดกับ ประเทศมาเลเซีย ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ได้ พ.ต.อ. สุรจิต เพชรจอม  มาเป็น ผกก.สภ.สะเดา มีการ”จัดระเบียบ”ของธุรกิจคนกลางคืน ให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย และมีการ”เข้มงวด” เรื่องของ”ยาเสพติด” ขอต้องทำให้ ตลอด  ปัญหาอย่างนี้”หย่อนยาน” เมื่อไหร่ ก็จะ กลับมาอีก……ปัญหา”คนกับลิง” ที่ จ.สตูล คือปัญหาของการ”อยู่ร่วมกัน” ทำอย่างไรให้อยู่อย่าง”สันติ” วันนี้มีการแก้ปัญหาเพื่อ”ลดจำนวนประชากรลิง” ด้วยการจับลิงไป”ทำหมัน” เป็นการแก้ปัญหา เพื่อหยุดการเพิ่ม”ประชากรลิง” เป็นการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง แต่ถ้าจะให้ดี หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องจัดให้มี”อาหาร” ในการ เลี้ยงดู เพื่อมิให้ลิงไป”รบกวน” ประชาชนที่มี บ้านเรือน อยู่ในพื้นที่ใกล้ลิงด้วย…..

@เต็มที่กับงาน”ป้องกัน” พื้นที่”เศรษฐกิจ” ในเขตเทศบาลนครยะลา เพื่อให้เป็น”เขตปลอด” จากการ”ก่อวินาศกรรม” ของ”กองกำลังติดอาวุธ”จากขบวนการบีอาร์เอ็น” พล.ต.ต. เสกสันต์ ชูรังสฤษฎ์ “  มีการ”ติวเข้ม” และ”ติดตาม” การปฏิบัติงาน ตำรวจ ทุกหน่วย และเน้นงาน”การข่าว” รวมทั้ง”บูรณาการ” กับ “ปกครอง,ทหาร” และ” ท้องถิ่น “ เพื่อให้”เขตเทศบาลนครยะลา” ปลอดจากการ”ก่อวินาศกรรม”.…..

@เศรษฐกิจการค้า ในเขตเทศบาลนครหาดใหญ่ ตั้งแต่ ต้นปี 2567 เป็นต้นมา ดีขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจาก”นักท่องเที่ยว” จากประเทศ”เพื่อนบ้าน” อย่าง “มาเลเซีย” ที่เดินทางเข้ามา “ท่องเที่ยว” ใน จ.สงขลา อย่างต่อเนื่อง วันนี้ “หาดใหญ่” มี ชาวมาเลเซีย เข้ามา เที่ยว ทุกวัน ไม่ใช่มาแค่ วัน ศุกร์ ,เสาร์,อาทิตย์” และที่ สำคัญการจัด”อีเวนท์” อย่างต่อเนื่องของ “เทศบาลนครหาดใหญ่” เป็นการ”กระตุ้น” เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว ที่ได้ผล ส่วนผู้ที่บ่นเรื่องปัญหา”จราจร”จากการ”ปิดถนน” ก็ขอให้เข้าใจว่าทุกอย่าง”เมื่อมีได้ ก็มีเสีย”  แต่ก็เป็นสิ่ง”จำเป็น” หากต้องการเห็น”หาดใหญ่ฟื้น”ที่ส่งผลดีกับคนส่วนใหญ่….สำหรับเรื่องการ”ระวังป้องกัน” การ”ก่อการร้าย” จาก” กองกำลังติดอาวุธ” ของ”บีอาร์เอ็น” ก็วางใจได้ เพราะ” พล.ต.ท.สาคร ทองมุณี” นายกเทศบาลนครหาดใหญ่ เป็น อดีตนายตำรวจที่”คร่ำหวอด”กับปัญหาความมั่นคงของจังหวัดชายแดนภาคใต้ และ “เอก ยังอภัย ณ สงขลา “ นายอำเภอหาดใหญ่ จ.สงขลา เป็น”นักปกครอง” ที่ เติบโต จาก พื้นที่ ปัตตานี,ยะลา มาตลอดของการรับราชการ เมื่อ”ปกครอง”กับ”ท้องถิ่น” จับมือกัน”เหนี่ยวแน่น” โดยมี “ตำรวจ”และ”ทหาร” เป็น กำลังสำคัญ และที่ สำคัญ คือ “ประชาชน” ในพื้นที่ ที่คอย”เป็นหูเป็นตา” ในการแจ้ง”เบาะแส” ความ เคลื่อนไหวของ”คนแปลกหน้า” เชื่อว่า”หาดใหญ่” จะเป็นพื้นที่”ปลอดภัย” สำหรับ”นักท่องเที่ยว” ที่เดินทางเข้ามาท่องเที่ยว……แล้วพบกันใหม่ในวันศุกร์หน้า สวัสดีครับ

—————————————————————–

ไชยยงค์ มณีพิลึก

แขกเมือง.    พ.ต.ท.วรรณพงษ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต. ) ให้การต้อนรับ นายภาษิต จูฑะพุทธิ กงสุลใหญ่เมืองโกตาบารู พร้อมคณะ เพื่อหารือถึงความร่วมมือในด้านต่างๆ ณ ห้องรับรอง ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ อ.เมือง จ.ยะลา

มหกรรมแก้หนี้.   พ.ต.อ.ทวี สองส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม นำกรมคุ้มครองสิทธิฯ กรมบังคับคดี จัดงานมหกรรมแก้หนี้ สร้างวิถีความเป็นธรรม ครั้งที่ ห้องประชุมมหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา มี เอมอร เสียงใหญ่ อธิบดีกรมคุ้มครองฯกล่าวรายงาน และ อำนาจ ชูทอง รอง ผวจ.ยะลา กล่าวต้อนรับ

กิจกรรมเยาวชน.    พล.ท.ศานติ ศกุนตนาค แม่ทัพภาคที่ 4/ผอ.กอ.รมน.ภาค 4 , พล.ต.ท.ปิยะวัฒน์ เฉลิมศรี ผบช.ภ.9 ,มาหะมะพีสกรี วาแม รอง ผวจ.สงขลา และ รอมดอน หะยีอาแว ผู้ช่วยเลขาธิการ ศอ.บต. ร่วมงานการจัดกิจกรรม รอมฎอนสัมพันธ์ ที่จัดโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ณ โรงแรมญันนะตีย์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

บันทึกประวัติศาสตร์.    พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) และ คยองซอน คิม ผอ. องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย ลงนาม บันทึกประวัติศาสตร์ ด้านการคุ้มครองและพัฒนาคุณภาพชีวิตเด็กและเยาวชนใน จังหวัดชายแดนภาคใต้ ณ องค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กรุงเทพฯ

ห่วงใย.  พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.กระทรวงยุติธรรม ลงพื้นที่ ติดตามสถานการณ์ ความไม่สงบในพื้นที่ เยี่ยมเจ้าของ กิจการ ที่ถูกวางเพลิงใน อ.เมือง และ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ด้วยความห่วงใย และ สร้างขวัญ กำลังใจ โดยมอบกระเช้าของขวัญ และเงินช่วยเหลือเบื้องต้นให้ เจ้าของกิจการโดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา ให้การต้อนรับ

ฝึกอบรม.   นพ.เจษฎา จงไพบูลย์พัฒนะ ผอ. รพ.ราษฎร์ยินดี หาดใหญ่ จ.สงขลา มอบหมายให้ พว.อวยพร เฉลิมวัย หัวหน้าหน่วยอุบัติเหตุ ฉุนเฉิน จัดฝึกอบรม การช่วยคืนฟื้นชีพขั้นพื้นฐาน ให้กับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ โดยมี พรศักด์ แซ่เล้า หัวหน้าแผนกรักษาความปลอดภัย ให้การต้อนรับ ณ ศูนย์การค้าเซ็นทรัล หาดใหญ่ จ.สงขลา

ฟุตบอลประเพณี.   สรรเพชญ บุญญามณี สส.เขต 1 สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ เป็นประธานเปิดการแข่งขันฟุตบอลประเพณีสงกรานต์ ประจำปี 2567 ณ สนามกีฬาบ้านบางดาน ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา

เพื่อการศึกษา.  เฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ คหบดี เจ้าของโรงโม่หิน เขาบันไดนางศิลา อ.บางกล่ำ จ.สงขลา  มอบคอมพิวเตอร์เพื่อการศึกษา จำนวน 5 เครื่อง เป็นเงิน 75,000 บาท ให้กับโรงเรียนชะแล้นิมิตรวิทยา อ.สิงหนคร จ .สงขลา

ธนาคารขยะ.  ปารเมศ เห้งสวัสดิ์ นายอำเภอสทิงพระได้เป็นประธานเปิดกิจกรรมธนาคารขยะ โดยมี  สมพงศ์ หนูสง นายก อบต.คูขุด และ สมาชิกสภาอบต. สมาชิกชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้าน ต.คูขุด ร.ร.วัดแหลมวัง ร.ร.วัดศรีไชย ร.ร.วัดธรรมประดิษฐ์ ร.ร.วัดคูขุด ศพด.อบต.คูขุด รพ.สต.คูขุด และสมาชิกชมอาสาสมัครสาธารณสุขได้ให้การต้อนรับ ณ ร.ร.วัดแหลมวังตำบล อ.สทิงพระ จ.สงขลา

เอาชนะยาเสพติด.   พล.อ.วิชาญ สุขสง ประธานยุทธศาสตร์การขับเคลื่อนการแก้ปัญหายาเสพติดภาคประชาชน กระทรวงยุติธรรม พร้อมคณะทำงาน ลงพื้นที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี เพื่อประชุมทำความเข้าใจกับ ผู้นำท้องถิ่น ท้องที่ และ ผู้นำศาสนา และ แกนนำอาสาระดับตำบล ใน อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี

กำลังใจ.   กันต์พงษ์ ลิ่มกาญจนา ประธานหอการค้าจังหวัดยะลา ลงพื้นที่ เพื่อให้กำลังใจกับผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ จ.ยะลา (ร้านสยามแก็ส) ตรงบริเวณ ต.ท่าสาป อ.เมือง จ.ยะลา ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ  โดยมี ฝ่ายปกครอง ตำรวจ ทหาร ร่วมด้วย

ให้ความรู้.   จิระวิทย์ แซ่เจ็ง ประธานผู้พิพากษาสมทบศาลเยาวชนฯ จ.ยะลา นำ คณะผู้ประนีประนอมไกล่เกลี่ย ร่วมนิติกรชำนาญการพิเศษของศาลเยาวชนและครอบครัว จังหวัดยะลา ให้ความรู้โครงการเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย ครอบครัวฯ ให้กับนักศึกษาวิทยาลัยชุมชนยะลา โดยมี รอง ผอ.วิทยาลัยชุมชนให้การต้อนรับ

แจกหมวก.   พ.ต.อ.สุรจิต เพชรจอม ผกก.สภ.สะเดา จ. สงขลา ร่วมกับ ศูนย์ส่งเสริมการเรียนรู้ อำเภอสะเดา  สนับสนุนหมวกนิรภัย จำนวน 40 ใบ ให้กับผู้ผ่านการอบรมใบขับขี่ และได้รณรงค์ขับขี่ปลอดภัยสวมหมวกนิรภัย ณ หน้าสถานีตำรวจภูธรสะเดา จ.สงขลา

ติดตามความคืบหน้า.  อิศร เอกพิศาลกิจ  รองประธานคณะกรรมการธรรมาภิบาล จังหวัดตรัง นำคณะกรรมการฯ ติดตามสอดส่อง  ความคืบหน้า ของโครงการฯ ปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน  3 โครงการ   โครงการก่อสร้างห้องน้ำ – ห้องสุขา งบประมาณ 2,532,000 บาท  โครงการก่อสร้างเส้นทางศึกษาธรรมชาติ งบประมาณ 2,532,000 บาท ของสวนพฤษศาสตร์ทุ่งค่าย อ.ย่านตาขาว จ.ตรัง  และ โครงการปรับปรุงห้องน้ำ – ห้องสุขา แหล่งท่องเที่ยวตรังอันดามันเกตเวย์ บ้านน้ำราบ หมู่ที่ 7 ต.ช่อง อ,นาโยง จ.ตรัง งบประมาณ 1,587,000 บาท

ค่ายเยาวชน.   อำพล พงศ์สุวรรณ ผวจ.ยะลา เปิดค่ายเยาวชนสำนึกรักท้องถิ่นเสริมสร้างความสมานฉันท์ รุ่นที่ 19 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนมาเรียนรู้ และปฎิบัติงานในเขตเทศบาลนครยะลา ช่วงปิดภาคเรียนฤดูร้อน ตลอดจนมีการอบรมเสริมสร้างทักษะการทำงานเป็นหมู่คณะ ปลูกฝังให้มีความรับผิดชอบต่อตนเองและสังคม มีความตรงต่อเวลา เสียสละสามารถอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างสมานฉันท์ และห่างไกลยาเสพติด ซึ่งในปีนี้มีเยาวชนเข้าร่วมโครงการจำนวน 179 คน ณ ศูนย์เยาวชนเทศบาลนครยะลา

แสดงความยินดี. วิศาล จิรภาพงพันธ์ รอง นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วย คณะผู้บริหารเทศบาลนคนยะลา รวมถึงคณะครูและบุคลากรโรงเรียนในสังกัดเทศบาลนครยะลา เข้าร่วมแสดงความยินดีกับ นุชนภางค์ ลิ้มสุชาติ เนื่องในโอกาสเข้ารับดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการโรงเรียนเทศบาล 4 (ธนวิถี) เทศบาลนครยะลา อ.เมือง จ.ยะลา

มอบเงินซากาต.   สือนะ ดีสะเอะ อุปนายกสมาคมคนพิการภาคใต้/ประธานสภาคนพิการทุกประเภท จ.ยะลา พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่ นำถุงยังชีพและซองบริจาค 500 บาท (ซากาต)ซึ่งได้รับจากนายอิสมาแอน หมัดอาดำ ประธานมูลนิธิคนช่วยคนเพื่อส่งมอบแก่คนพิการ,พิการป่วยติดเตียงและผู้ยากไร้ห้วงเดือนรอมฎอนในพื้นที่ อ.รามัน อ.กรงปินัง จ.ยะลา รวม 14 ราย อ.มายอ จ.ปัตตานี 2 ราย และ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส 3 ราย ในนามสมาคมคนพิการภาคใต้

ร่วมละศีลอด.    มุขตาร์ มะทา นายก อบจ.ยะลา พร้อมด้วยทีมงาน ลงพื้นที่เยี่ยมเยือน และร่วมละศีลอดเนื่องในเดือนรอมฎอน อันประเสริฐ ฮ.ศ.1445 / พ.ศ.2567 กับผู้นำศาสนา ผู้นำชุมชน และ พี่น้องประชาชนในพื้นที่บ้านปีแยะ  ณ มัสยิดบ้านปีแยะ ต.บือมัง อ.รามัน จ.ยะลา

รับฟังปัญหา.   ที่ห้องพระยารัษฎา ศาลากลางจังหวัดตรัง สุรพล สร้างสมวงษ์, เฉลิมชัย เขียวประดิษฐ์ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี (ปานปรีย์ พหิทธานุกร) และ รื่นวดี สุวรรณมงคล ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี เขตตรวจราชการที่ 6 ลงพื้นที่เพื่อรับฟังสภาพปัญหาและความต้องการของจังหวัดตรัง โดยมี สกุล ดำรงเกียรติกุล รอง ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมชี้แจง